สไลด์ออกนอกเลน! บิ๊กตู่เหน็บพรรคตั้งเป้า/ปาร์ตี้ลิสต์‘พปชร.’ป่วน

"บิ๊กตู่" ยังไม่ตัดสินใจลง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 รทสช. ลั่นไม่ประกาศแข่งแลนด์สไลด์ใคร เย้ยให้ระวังจะสไลด์ออกนอกเลน "เอกนัฏ" ปัดไม่รีบเดินสายกินข้าวจับขั้ว ยันไม่กลัวตกขบวน ขอสื่อสารกับ ปชช.ก่อน เผย 25 มี.ค.เตรียมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครครบ 400 เขต พร้อมประกาศ "ลุงตู่" แคนดิเดตนายกฯ "นฤมล" น้ำตาคลอสละปาร์ตี้ลิสต์พลังประชารัฐ หลังอยู่บัญชีรายชื่อลำดับ 20 อ้างต้องการเปิดทางคนรุ่นใหม่ "พปชร." จัดทัพ 400 เขต 100 ปาร์ตี้ลิสต์ลงตัวแล้ว "อนุทิน" โบ้ยมื้อเที่ยงร่วมโต๊ะ "บิ๊กป้อม" จับมือตั้ง รบ. ชี้ยังไม่ถึงเวลา แค่พูดหยอกเย้าเฮฮา

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 24 มี.ค. เวลา 09.35 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม  เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นปี 2564 “ก้าวสู่ยุควิถีใหม่ด้วยพลังรัฐวิสาหกิจไทยอย่างยั่งยืน” ซึ่งมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง เข้าร่วมงานด้วย

โดยก่อนเริ่มพิธีผู้สื่อข่าวถามถึงการการประชุมคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) วันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้ตัดสินใจลง ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ของพรรค รทสช.แล้วหรือไม่ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ส่ายศีรษะพร้อมกล่าวว่า “ยังๆไม่ได้ตัดสินใจ”

จากนั้นหลังเสร็จสิ้นพิธี พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการจะเชิญนายอาคมร่วมงานที่พรรค รทสช.หรือไม่ว่า เดี๋ยวรอฟังก่อน แต่ตอนนี้ก็ช่วยงานกันอยู่แล้ว ในอนาคตก็คงต้องรอก่อน เพราะอนาคตก็คืออนาคต วันนี้ยังมีเวลาที่ยังต้องทำงานร่วมกันอยู่ตรงนี้ ตนก็อยู่ในฐานะสองบทบาท ต้องระมัดระวังอย่างเต็มที่ เพราะยังเป็นนายกฯ ด้วย และวันนี้อำนาจต่างๆ ในการรักษาการมีจำกัด มีข้อห้ามในหลายประเด็น ก็อาจจะทำให้งานมีปัญหาล่าช้าไปบ้างในบางอย่าง แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งว่าใครจะเป็นรัฐบาลต่อไป ตนไม่ได้รังเกียจใครอยู่แล้ว ก็แล้วแต่ ประเทศไทยไม่ใช่ของตน เป็นของคนไทยทุกคน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการลงพื้นที่หาเสียงเพิ่มขึ้นตามที่พรรค รทสช.เสนอว่า ก็ตั้งใจอยู่แล้วว่าจะลาราชการและเตรียมพร้อมที่จะลาอยู่แล้ว จากนี้ต่อไปก็คงต้องลางานราชการมากขึ้น ในเมื่อกฎหมายกำหนดไว้เราก็ต้องลา จะฝืนไปได้อย่างไร เมื่อกฎหมายกำหนดไว้อย่างนั้นก็ต้องทำเช่นนั้น ลงพื้นที่ก็ต้องลาไป

ถามว่า หลังวันที่ 25 มี.ค. จะมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครทั่วประเทศและเปิดแคนดิเดตนายกฯ จากนี้จะมีแผนลงพื้นที่ทันทีเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์​กล่าวว่า แผนต่างๆ เป็นเรื่องของพรรคที่เขาวางไว้แล้ว หลังเปิดตัวในวันที่ 25 มี.ค. ก็มีกำหนดที่จะไปหาเสียงในแต่ละพื้นที่

ซักว่ามีบางพรรคประกาศต้องการจะแลนด์สไลด์จากจำนวน ส.ส.ของแต่ละพรรค ทาง รทสช.ตั้งเป้าที่จะแลนด์สไลด์ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกคนก็หวังอย่างนั้น แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับประชาชนใช่หรือไม่

ระวังแลนด์สไลด์นอกเลน

 “แต่ไอ้คำว่าแลนด์สไลด์นั้นจะสไลด์ไปถึงไหนก็ยังไม่รู้ เพราะถ้าลงไม่ดีก็จะสไลด์ออกนอกเลนไป เจ็บตัวไปอีก เพราะฉะนั้นผมจะไม่พูดว่าจะสไลด์หรือไม่สไลด์ ผมขอแค่ให้ทุกคนเข้าใจและมองว่าประเทศไทยอยู่มาถึงวันนี้ด้วยอะไร แล้วจะอยู่ต่อไปกันอย่างไร เราต้องมีรัฐบาลที่ไว้ใจได้หรือไม่ มีรัฐบาลที่นึกถึงคนที่มีรายได้น้อยหรือไม่ พร้อมดูแลกลุ่มเปราะบางหรือไม่ และจะดูแลอย่างไร ซึ่งเราได้สตาร์ทเริ่มต้นมาแล้ว ครั้งนี้ผมพูดในนามรัฐบาลด้วย เพราะนโยบายของหลายพรรคการเมืองก็ตรงกัน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของรัฐสวัสดิการ ซึ่งถ้าเราทำกันจนมากเกินไปประเทศก็อาจเสียหายเยอะ ทำไมเราจะไม่อยากดูแล

ถามถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้พบกับน้องมายด์ น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล แกนนำกลุ่มคณะราษฎร 2563 พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไรนิ  เมื่อถามย้ำว่ามีโอกาสที่จะเห็นภาพเช่นนี้กับ พล.อ.ประยุทธ์บ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ถอนหายใจพร้อมกล่าวว่า “คือการพบนั้นต้องดูว่าพบแล้วมันได้อะไรเข้าใจหรือไม่ ถ้าพบกันแล้วเพื่อการเมืองอย่างเดียวผมไม่จำเป็นต้องพบใคร เพราะผมพบทุกวันอยู่แล้ว ผมไม่ได้มุ่งหวังทางการเมือง”

ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากให้นายกฯสยบข่าวลือที่ว่าจะไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มีข่าวลือแบบนั้น ข่าวลือก็คือข่าวลือ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินขึ้นไปห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้าทันที

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปร่วมประชุมสภากระทรวงกลาโหม ร่วมกับหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ผู้สื่อข่าวถามถึงการวางตัวของกองทัพในช่วงการหาเสียงการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เหล่าทัพได้มีการแถลงไปแล้ว เขาได้แถลงและพูดไปแล้วก็ต้องสนับสนุนตามกระบวนการประชาธิปไตย ในเรื่องการเลือกตั้งก็แล้วแต่ ซึ่งที่ทราบในเบื้องต้นคือ หากจะเข้าไปหาเสียงในหน่วยทหารก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร เพียงแต่ว่าต้องให้ทุกพรรค ไม่ใช่พรรคใดพรรคหนึ่ง มันจะเป็นการได้เปรียบเสียเปรียบกัน นั่นคือหลักการ ก็มีเท่านั้นเอง

ถามย้ำถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับพี่น้องเหล่าทัพ พล.อ.ประยุทธ์เดินออกจากวงสัมภาษณ์ก่อนอุทานขึ้นมาว่า “โธ่เอ๊ย”และไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว

เมื่อถามว่า ช่วงนี้จะต้องมีระยะห่างกับ ผบ.เหล่าทัพในช่วงการเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์หันกลับมาแล้วตอบว่า “มันคนละเรื่อง คนเขาโตเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้ว ต้องไปสอนอะไรมากมาย”

ทั้งนี้ ก่อนขึ้นรถ พล.อ.ประยุทธ์หันกลับมาพูดกับสื่อมวลชนว่า "ก็รักกันดีอยู่ทุกคน ไม่ใช่เพื่อการเมือง ทหารต้องเข้มแข็ง เพื่อต้องสร้างอำนาจกำลังรบของเรา ดังนั้นต้องสามัคคีทุกเหล่าทัพ"

เมื่อถามย้ำว่า ในช่วงนี้ถูกจับจ้องว่าอาจจะเอนเอียงไปทางนายกฯ นายกฯตอบว่า “ไม่มีหรอก มีแต่เธอนั่นแหละที่จับจ้อง”

ด้าน พ.อ.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหมว่า มีการพูดคุยเรื่องการยุบสภาและการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. โดย พล.อ.ประยุทธ์เน้นย้ำให้หน่วยงานในกำกับสนับสนุนการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. ตามแนวทางที่ กกต.กำหนด รวมทั้งกำชับกำลังพลในสังกัดให้ปฏิบัติราชการในหน้าที่ด้วยการวางตัวเป็นกลาง ตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ กกต.ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

มีรายงานข่าวว่า ในการประชุมสภากลาโหม พล.อ.ประยุทธ์มีอาการเนือยๆ นิ่งๆ ไม่ได้หยอกล้อ ผบ.เหล่าทัพเหมือนที่ผ่านมา จึงทำให้บรรยากาศค่อนข้างอึมครึม         โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งในการประชุมว่า การทำงานบริหารราชการแผ่นดินหลายเรื่องใช้เวลาทำมาหลายปี แต่ยังไม่เห็นผล ทั้งๆ ที่สั่งการไปแล้ว แต่ยังไม่คืบหน้า ก็ขอให้ช่วยกันขับเคลื่อนให้สำเร็จต่อไป

รทสช.ไม่กลัวตกขบวน

ที่พรรค รทสช. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ยืนยันว่าพรรคมีความพร้อมเกิน 100% ที่จะลงสนามสู้ศึกเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยในวันที่ 25 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พร้อมนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค จะปลุกระดมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตของพรรคทั้ง 400 คน ปล่อยแถวออกไปสู้ศึกเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ส่วน พล.อ.ประยุทธ์จะลงสมัครรับเลือกตั้งในบัญชีรายชื่อหรือไม่นั้น ยังไม่ได้ตัดสินใจ

นายเอกนัฏกล่าวถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เดินสายรับประทานอาหารกับพล.อ.ประวิตรเป็นสัญญาณจับขั้วว่า  การรับประทานอาหารกัน หรือการสื่อสารกันระหว่างพรรคการเมืองนั้นถือเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับตน พล.อ.ประยุทธ์ และหัวหน้าพรรคเห็นว่าการจะไปรับประทานอาหารกับแกนนำพรรคอื่นเมื่อไหร่ก็ได้ แต่วาระสำคัญวันนี้ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งคือการสื่อสารกับประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของคะแนนโหวต

"เราไม่กังวลว่าพรรค รทสช.จะตกขบวน เพราะเมื่อวานนายกฯ ได้พูดไปแล้วว่าใครจะคุยอะไร ใครจะทิ้งก็ช่าง ขอแค่ว่าพี่น้องประชาชนอย่าทิ้ง พล.อ.ประยุทธ์ และอย่าทิ้งพรรค รทสช.ก็พอ เรื่องเกมการเจรจาต่อรองทางการเมืองไม่ใช่สาระสำคัญ แต่สาระสำคัญคือการนำเสนอนโยบาย การเสนอผู้สมัคร ส.ส.ที่จะเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนในพื้นที่และเดินหน้าทำให้พรรคเป็นสถาบันทางการเมือง ส่วนเรื่องอื่นยังไม่ใช่วาระที่สำคัญที่สุด" นายเอกนัฏกล่าว

ส่วนนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีต รมว.ยุติธรรม และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต รมว.อุตสาหกรรม ย้ายกลับไปเป็นสมาชิกพรรค พท. แล้วมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ว่า 4 ปีที่ผ่านมาทั้งสองก็ร่วมในรัฐบาล ร่วมบริหารประเทศชาติด้วย ดังนั้นถ้ารัฐบาลจะบริหารผิดพลาด ทั้งสองก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เลย

"พอกลับเข้าคอกของนายโทนี่กลับตาลปัตรเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ แสดงว่า 4 ปีที่ผ่านมา ที่ทั้งสองเป็นรัฐมนตรีนั้น ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ได้คิดช่วยกันทำอะไรให้บ้านเมืองเลย จึงได้กล่าวหารัฐบาลมีปัญหาในการแก้ไขเศรษฐกิจ บริหารบ้านเมืองล้มเหลว ทั้งที่ทั้งสองก็รู้เป็นอย่างดีว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ได้แก้ไขปัญหาวิกฤตโควิด-19 วิกฤตเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และอีกหลายๆ เรื่องจนได้รับการยอมรับจากทั่วโลก" นายเสกสกลกล่าว

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พปชร. แถลงถึงทิศทางการทำงานการเมืองกับพรรคว่า การเลือกตั้งเมื่อปี 62 ตนได้รับโอกาสจากผู้บริหารพรรคให้ได้ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 5 เป็นผู้หญิงคนเดียวใน 10 ลำดับแรก โดยที่ไม่ได้ร้องขอจากท่านใดเลย แต่เป็นความเมตตาล้วนๆ ของผู้บริหารพรรค ณ ขณะนั้น ที่เห็นเราทุ่มเททำงานให้พรรคตั้งแต่ยังตั้งไข่เมื่อ ม.ค.61 ทั้งที่ตนเป็นหน้าใหม่ทางการเมือง ไม่ใช่เด็กบ้านใหญ่ ไม่เคยลงสมัครรับเลือกตั้งมาก่อน

"การเลือกตั้งครั้งนี้จึงอยากเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ทางการเมืองได้เข้ามาอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับต้นๆ บ้าง หากเราที่เคยได้รับโอกาสมาแล้ว ไม่เสียสละคนใหม่ๆ ก็จะแทบไม่มีโอกาสที่จะได้ขึ้นมา จึงได้แสดงความจำนงต่อคณะกรรมการสรรหาและผู้บริหารพรรคว่าขอสละสิทธิ์ที่จะได้รับการเสนอชื่อในบัญชี ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ฉะนั้นวันนี้ทางพรรคจึงจะมีการพิจารณาบัญชีรายชื่อกันใหม่อีกครั้ง" นางนฤมลกล่าว

'นฤมล'สละปาร์ตี้ลิสต์

ถามถึงอนาคตการเมืองหลังจากที่สละไม่ลง ส.ส.บัญชีรายชื่อจะยังอยู่กับพปชร. และจะช่วยงานอย่างไร นางนฤมลกล่าวว่า ยังช่วยงานสนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้สมหวัง แล้ววันนี้ยังเป็นแม่ทัพใน กทม. และขึ้นเวทีปราศรัยได้ไม่มีใครห้าม

ซักถึงกระแสข่าวสาเหตุเป็นเพราะลำดับบัญชีรายชื่อตกไปอยู่ลำดับที่ 20 ทำให้เกิดความไม่พอใจ นางนฤมล กล่าวว่า ไม่มี และการประชุมพรรควันที่ 22 มี.ค.ที่มีชื่อของตนอยู่ในลำดับตามที่เป็นข่าว และเป็นตามนั้นจริงๆ แต่เมื่อมองลำดับ 20-30 อันดับแรก ไม่เห็นคนรุ่นใหม่ที่ตั้งใจ ทุ่มเททำงานให้พรรค จะมีโอกาสเข้ามาทำงาน ถ้าเราไม่ถอยไม่เสียสละ ถ้าคิดว่าเป็นผู้บริหารต้องได้ลำดับต้น คนรุ่นใหม่จะไม่มีทางเข้ามาได้

เมื่อถามว่า หากพรรคจัดลำดับให้ขยับมาอยู่ 1-3 จะเปลี่ยนใจหรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวหากดูจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พปชร.ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 19 คน ครั้งนี้คาดว่าจะได้ใกล้ๆ เดิม หากอยู่ในลำดับ 10-20 ก็มีโอกาสเข้าสภาทั้งสิ้น และ พล.อ.ประวิตรไม่ได้คัดค้าน โดยระบุว่าตามใจ

ถามว่า ได้แจ้งให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ก่อนตัดสินใจสละสิทธิ์หรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า แจ้งแล้ว ถามว่าจะลาออกจากตำแหน่งเหรัญญิกพรรคด้วยหรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า ขณะนี้ยัง เมื่อถามว่าแล้วในอนาคตจะตัดสินใจอย่างไร นางนฤมลกล่าวว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจในเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่นางนฤมลแถลงข่าว ได้มีน้ำตาคลอเมื่อเล่าถึงอดีตที่ได้รับโอกาสทำงานทางการเมืองจากผู้บริหาร ขณะที่แกนนำพรรค อาทิ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค และ พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ กรรมการบริหารพรรค ยืนฟังตลอดการแถลงโดยไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำพรรค พปชร. แสดงอาการแปลกใจ หลังจากทราบข่าวจากสื่อว่านางนฤมลสละสิทธิ์ไม่รับตำแหน่งปาร์ตี้ลิสต์ โดยผู้สื่อข่าวถามว่าการสละสิทธิ์ของนางนฤมล จะกระทบต่อพรรคหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า "ตอนนี้อาจารย์ลาออกแล้วเหรอ ที่แถลงเมื่อเช้า ซึ่งส่วนตัวคิดว่านางนฤมลยังคงทำงานอยู่ที่พรรค และไม่น่ากระทบอะไรกับพรรค แต่น่าจะเป็นการแสดงสปิริต เพราะบัญชีรายชื่อคนมันเยอะ

ถามว่า นางนฤมลได้มาปรึกษาบ้างหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า หลังๆ ไม่ค่อยได้คุยกัน            เมื่อถามว่ามีข่าวว่านางนฤมลอึดอัดเรื่องลำดับบัญชีรายชื่อ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า "ไม่มั้ง ไม่ๆ เพราะอาจารย์เป็นผู้ใหญ่ และเชื่อว่าหลังจากนี้ก็ทำงานกันได้"

ขณะที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวถึงการจัดรายชื่อผู้สมัครส.ส.ว่า ขณะนี้ ส.ส.แบบแบ่งเขตทั้ง 400 เขต และแบบบัญชีรายชื่อ 100 คน เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ส่วนขั้นตอนต่อไปจะนําเข้าสู่ที่ประชุมตัวแทนสาขาประจําจังหวัด เพื่อจัดทำไพรมารีโหวต แล้วจะส่งกลับมาที่คณะกรรมการสรรหาเพื่อตรวจสอบอีกครั้งในช่วงบ่ายวันที่ 28 มี.ค. เพื่อตรวจดูว่าใครมีความเห็นอย่างไรในขั้นสุดท้าย จากนั้นก็จะนำเข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อให้ความเห็นชอบว่าจะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ รวมถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครทั้งหมดในวันที่ 30 มีนาคม

"วันที่ 28 มี.ค.จะมีการเคาะชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีว่าจะมีแคนดิเดตกี่คน มีใครบ้าง แล้วจะประกาศในวันที่ 30 มี.ค. ซึ่งแคนดิเดตนายกฯ ยังคงเป็นพล.อ.ประวิตรคนเดียวอยู่ แต่จะมีเพิ่มเติมหรือไม่ ต้องรอกรรมการบริหารเคาะในวันดังกล่าว ส่วนบัญชีรายชื่อก็จะจบในวันนั้นด้วย" นายสันติกล่าว

ถามถึงกรณีที่นางนฤมลได้ขอสละสิทธิ์บัญชีรายชื่อ นายสันติกล่าวว่า ออกก็ออกไป พรรคไม่ได้เสียหายอะไร ก็เลื่อนกันไปตามนั้น ถ้ามีใครเจ็บป่วย ก็ต้องมีการเลื่อนขึ้นไป นี่คือบัญชีรายชื่อ แต่ถ้าเป็นเขตก็ต้องเปลี่ยน เพราะเลื่อนไม่ได้

'หนู'ชี้ตั้งรบ.ฟังเสียงปชช.

ถามว่า จะไม่มีเปลี่ยนรายชื่อผู้สมัครทั้งเขตและปาร์ตี้ลิสต์แล้วใช่หรือไม่ นายสันติกล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นคณะกรรมการสรรหา พูดไม่ได้ว่าจะมีเปลี่ยนหรือไม่ พูดได้แค่กว้างๆ ว่าเราเลือกสรรแต่คนที่มีศักยภาพ เป็นคนที่ประชาชนจะให้การสนับสนุน ดังนั้นบัญชีรายชื่อทั้ง 100 คน ตอนนี้คงเปลี่ยนไม่ได้แล้ว เพียงแต่ว่าหากใครป่วยหรือลาออกก็เลื่อนขึ้นมาเท่านั้น สำหรับการทำไพรมารีโหวต ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็จะไม่แก้ เพราะยุ่งยากมาก

มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา พรรค พปชร.ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ 5 ชุด คือ 1.คกก.ฝ่ายอำนวยการ มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นประธาน 2.คกก.ฝ่ายกฎหมาย มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธาน 3.คกก.ฝ่ายกิจกรรมและปราศรัยหาเสียง มีนายวิรัช รัตนเศรษฐ เป็นประธาน 4.คกก.ฝ่ายจัดทำนโยบาย มีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เป็นที่ปรึกษา มีนายอุตตม สาวนายน เป็นประธาน และ 5.คกก.ฝ่ายกลยุทธ์การเมือง มีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นประธาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นทั้ง 5 ชุด ไม่ปรากฏชื่อของนางนฤมล ทั้งที่ก่อนหน้านี้ถือว่ามีบทบาทสำคัญภายในพรรคพลังประชารัฐมาโดยตลอด

นอกจากนี้ ช่วงเย็นที่พรรค พปชร.จัดเวทีปราศรัยย่อยโซนกรุงเทพฯ เหนือ "พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ” ที่ศูนย์เยาวชนหลักสี่ การเคหะท่าทราย ซึ่งตามกำหนดการที่แจ้งไว้ จะมีแกนนำพรรค อาทิ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก, นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง มาร่วมช่วยว่าที่ผู้สมัคร กทม.ของพรรคพลังประชารัฐปราศรัยหาเสียง แต่ปรากฏว่า นางนฤมลไม่ได้ปรากฏตัวที่เวทีปราศรัย โดยไม่ได้มีการแจ้งให้นายสกลธีทราบล่วงหน้าแต่อย่างใด โดยจากการสอบถามนางนฤมลบอกว่าป่วยด้วยอาการท้องเสีย จึงทำให้ไม่สามารถมาร่วมงานได้

ส่วนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. กล่าวถึงกรณีดีลพรรคการเมืองใครได้ ส.ส.มากกว่าจะหนุนคนนั้นเป็นนายกฯ ว่า พรรค ภท.ชัดเจนหากได้ ส.ส.มาเป็นอันดับหนึ่ง ก็พร้อมเป็นนายกฯ เอง

"ในวงกินข้าวไม่ได้พูดกันจริงจังขนาดนั้น และจะไปตกลงกันจัดตั้งรัฐบาลก่อนได้อย่างไร เพราะยังไม่มีการเลือกตั้งเลย ดังนั้นจะจัดตั้งรัฐบาลต้องฟังเสียงของประชาชนหลังเลือกตั้งก่อนเป็นสิ่งสำคัญสุด ผมคิดว่าในวงกินข้าวมีพูดหยอกเย้าเฮฮากัน ไม่ควรเอามาพูดในที่สาธารณะ" นายอนุทินกล่าว

ถามถึงกระแสข่าวนายเนวิน ชิดชอบ จะมากินข้าวกับ พล.อ.ประวิตรในครั้งหน้าจริงหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มี

"ทำไมทุกคนต้องคิดว่าจะกินข้าวกันไม่ได้ และภาพที่ถูกเผยแพร่ออกมาจากคนภายในนั้น ผมก็ไม่เข้าใจ ขอให้พิธีกรสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งเลิกพูดว่าผมเป็นคนถ่าย เพราะไปกันแค่สามคน คือผม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ และนายชาดา  ไทยเศรษฐ์ ทั้งสามคนอยู่ในรูปทั้งสิ้น แสดงว่ารูปดังกล่าวไม่ได้มาจากฝ่ายผม แต่ใครจะถ่ายหรือเผยแพร่นั้น ผมไปบ้านท่าน ผมก็ไม่มีปัญหาอะไร หากซีเรียสจริงๆ ก็คงพูดคุยกันแล้วว่าอย่าให้มีการถ่ายภาพ แต่ผมไปตรงๆ ไม่เคยปฏิเสธ ยิ่งใกล้เลือกตั้ง เขาก็ต้องการข้อมูลของเรา เราก็ต้องการข้อมูลของเขา จะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายอะไรที่เราเปิดเผยได้ เราก็จะเปิดเผย" นายอนุทินกล่าว

ที่พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) จัด ‘ทัวร์ว้าว ไทยแลนด์ ม่วนชื่นโฮแซว รับฟังเฮ็ดจริง” เวทีแรก ที่ อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เพื่อช่วยนายประภาส ยงคะวิสัย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 5 หาเสียง โดยมีแกนนำพรรคเดินทางมาหลายคน นำโดยนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค, นายอนุรักษ์ จุรีมาศ อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ขณะที่บรรยากาศมีประชาชนมาร่วมฟังหลายพันคน ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนถึง 38-40 องศา

นายวราวุธขึ้นปราศรัยระบุว่า ตนฝันจะเห็น จ.กาฬสินธุ์มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ใช่พอเลือก ส.ส.เสร็จแล้ว หายไปไหนหมดไม่รู้ วันนี้ ชทพ.อยากมาพัฒนา จ.กาฬสินธุ์ให้เป็นเหมือนที่นายบรรหารทำที่ จ.สุพรรณบุรี

"คนชอบบอก ชทพ.เลือกตั้งทีไรจะเป็นรัฐบาลทุกที ถามหน่อยว่ามีพรรคไหนจะเลือกเข้าไปเป็นฝ่ายค้าน มันอยากเป็นรัฐบาลกันทั้งนั้น ซึ่งพรรคอื่นจะเป็นรัฐบาลหรือไม่ ผมตอบไม่ได้ แต่วันนี้ไปลองฟังโพลต่างๆ ดู มีการฟอร์มรัฐบาล มีพรรคนั้นพรรคนี้ มีหลายสูตรออกมาเหลือเกิน แต่ทุกสูตรที่คำนวณออกมามี ชทพ.ทุกสูตรเลย ดังนั้นถ้าจะเลือก ส.ส.เข้าไป ให้เลือก ส.ส.ที่เป็นฝ่ายรัฐบาล ไม่ใช่เข้าไปตบยุง" นายวราวุธกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง