บิ๊กป้อมยกเปรมชิ่งดีเบต

ซูเปอร์โพลชี้ผู้ที่จะเป็นนายกฯ ต้องลง ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วย พร้อมเลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบคู่กันไป "บิ๊กป้อม" แจงเหตุไม่ไปดีเบต อ้าง "คำพูด" ไม่ได้สะท้อนความสามารถ แต่พร้อมพูดคุยเป็นการส่วนตัว ยกหูวิดีโอคอลทักทาย นศ. ใส่เสื้อวัยรุ่นโชว์ทำกุ้งกระเทียม "เสกสกล" มั่นใจ รทสช.แจ้งเกิดภาคอีสาน 20 ที่นั่ง      "มาร์ค" ผนึกกำลังลุยย่านสาทร หวังคนกรุงยังหนุนปชป. "พิธา" ฟุ้งผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อมาจากเครือข่ายทุกกลุ่ม ตั้งเป้า 30 ที่นั่ง "ชลน่าน" โวยบัตรโหลส่อทำบัตรเสียอื้อ เปิดช่องสลับเปลี่ยนบัตรทุจริตได้ง่าย

เมื่อวันอาทิตย์ สำนักวิจัยซูเปอร์โพลเสนอผลสำรวจเรื่อง นายกฯ ของประชาชน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ อายุ 18 ปีขึ้นไป รวมจำนวน 1,378 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 25 มีนาคม ถึง 1 เมษายน 2566 โดยเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อ นายกรัฐมนตรีต้องลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองด้วย พบว่า จำนวนมากที่สุดคือร้อยละ 43.0 ระบุผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อด้วย เพราะเป็นผู้แทนประชาชน ใกล้ชิดประชาชน รู้ปัญหาจริง ใช้อำนาจประชาชนต้องมาจากประชาชน ไม่เอานายกฯ คนนอก  ต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ในขณะที่ร้อยละ 33.6 ระบุไม่ต้องเป็น ส.ส. เพราะขอเป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต มือสะอาด ไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. ใครก็ได้ทั้งนั้น ไม่ต้องสังกัดอะไร เป็นอิสระ ไม่ติดกับดัก และร้อยละ 23.4 ไม่แน่ใจ

ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อบัตรสองใบ ว่าจะเลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ คู่กันไปทั้งสองใบหรือแยกกัน พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 41.9 ระบุเลือกคนที่รัก   เลือกพรรคที่ชอบ คู่กันไปทั้งสองใบ ในขณะที่ร้อยละ 26.4 ระบุเลือกแยกกัน  และร้อยละ 31.7 ไม่แน่ใจ

ที่น่าพิจารณาคือ นโยบายพรรคที่ประชาชนเชื่อว่าทำได้จริง แบ่งระหว่างกลุ่มแฟนคลับพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลและกลุ่มแฟนคลับพรรคร่วมฝ่ายค้าน พบว่า ในกลุ่มแฟนคลับพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลร้อยละ 41.9 ระบุพรรคภูมิใจไทย รองลงมาคือร้อยละ 37.8 ระบุพรรคประชาธิปัตย์, ร้อยละ 35.5 ระบุพรรครวมไทยสร้างชาติ และร้อยละ 32.2 ระบุพรรค พลังประชารัฐ ในขณะที่กลุ่มแฟนคลับพรรคร่วมฝ่ายค้านส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 47.0 ระบุพรรคเพื่อไทย, ร้อยละ 41.8 ระบุพรรคก้าวไกล และร้อยละ 35.6 ระบุอื่นๆ

วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊กพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์ข้อความเรื่อง  “ดีเบต” หรือ “ไม่ดีเบต” สรุปใจความว่า    “การพูด” เป็นวิธีหนึ่งที่ใช้โชว์ความรอบรู้ให้ประชาชนได้รับทราบถึง “ประสิทธิภาพผู้นำ” แต่ “การพูด” ไม่ใช่วิธีเดียวที่จะทำให้ประชาชนรับรู้ถึงความสามารถ ความมีประสิทธิภาพของผู้นำ “คำพูด” เป็นเครื่องมือสื่อสารที่สะท้อนความเป็นจริงของความรู้ความสามารถได้น้อยที่สุด  เพราะ “คนพูดเก่ง” สามารถพูดในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้เป็น แม้กระทั่งไม่เคยคิดได้ง่ายๆ ใช้ศิลปะพูดโน้มน้าวให้คนฟังเชื่อในสิ่งที่แม้แต่ตัวเองไม่เคยเชื่อก็ได้ การยืนยัน “ความรู้ความสามารถ” ด้วย “การพูด” ว่าไปแล้วเป็นเรื่องที่เชื่อได้น้อยที่สุด เพียงแต่การแข่งขันทางการเมือง โดยเฉพาะในประเทศตะวันตก ความเป็นผู้นำที่ดีหรือไม่ นิยมใช้ “โวหาร วาทกรรม” เป็นเครื่องวัด                 

'ป้อม'ยก'เปรม-สี'ไม่ขอดีเบต

 “ผู้นำ” ที่พูดไม่เก่ง ดีเบตไม่ดี อาจจะมีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับความเป็นไปของประเทศในปัจจุบันมากกว่าก็เป็นได้ ตัวอย่างประเทศไทยในอดีตคือ ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ หรือผู้นำที่ทำให้ประเทศจีนเจริญรุ่งเรื่องก้าวขึ้นสู่มหาอำนาจ อย่างท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก็ไม่ต้องแสดงความสามารถที่เหนือกว่าด้วยการดีเบตกับใคร “ผู้นำที่มีวุฒิภาวะ” ย่อมรู้ว่าในสังคม ในวัฒนธรรมของประเทศที่แตกต่างกันนั้น มีมากมายหลายเรื่อง หากนำมาเป็นประเด็นโต้เถียงกันยิ่งสร้างปัญหาเพิ่ม หรือขยายปัญหาให้บานปลายไปไม่รู้จบ

"ผมได้ทราบข่าวมาว่ามีพิธีกรรายการทีวีชื่อดังระดับประเทศท่านนึง ได้ประกาศเชิญชวนผมกลางอากาศ ให้ผมไปออกดีเบต ผมรู้สึกปลาบปลื้มเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับความปรารถนาดีที่ท่านส่งมาถึงผม แต่อย่างที่บอกแล้ว ผมเลือกที่จะสื่อสารกับทุกท่านด้วยวิธีที่ผมคิดว่าผมสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ผมยินดีอย่างยิ่งที่จะพบปะกับทุกท่านเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดความเห็นกัน แต่ขอเป็นแบบพูดคุยส่วนตัว"

นอกจากนี้ เพจเฟซบุ๊ก “FC ลุงป้อม” ได้โพสต์คลิปวิดีโอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ พูดคุยกับตัวแทนนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม ผ่านวิดีโอคลิป ซึ่งเดิมทีตัวแทนนักศึกษาได้เชิญ พล.อ.ประวิตรมาร่วมเปิด “หูกวางเกมส์” ซึ่งเป็นการแข่งขันกีฬาสีภายในมหาวิทยาลัย แต่ พล.อ.ประวิตรติดภารกิจด่วน จึงได้วิดีโอคอลเข้ามาพูดคุยกับตัวแทนนักศึกษาแทน

โดยตัวแทนนักศึกษาได้กล่าวขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ที่เมตตาและเอ็นดูนักศึกษา แม้ พล.อ.ประวิตรจะติดภารกิจมาร่วมงานกีฬาสีของ ม.สยาม ครั้งนี้ไม่ได้ อย่างน้อยขอให้ พล.อ.ประวิตรส่งกำลังใจมาให้พวกตน

รายงานข่าวแจ้งว่า การวิดีโอคอลของ พล.อ.ประวิตรไปยังประชาชนกลุ่มต่างๆ นั้น เป็นหนึ่งในวิธีก้าวข้ามความขัดแย้งตามนโยบายพรรคที่หาเสียงไว้ เพราะ พล.อ.ประวิตรตั้งใจสื่อสารกับประชาชนทุกกลุ่ม

วันเดียวกัน เวลา 11.00 น. พล.อ.ประวิตร ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้า ยี่ห้อมหานครพิมพ์ มีลายกุ้ง ระบุคำว่า “foodie” ซึ่งแปลว่า นักชิม และคำว่า “good test good quality” ซึ่งหมายความว่า รสชาติดี คุณภาพดี ได้โชว์ทำอาหารเมนูกุ้งกระเทียมเพื่อรับประทานเป็นอาหารกลางวัน พร้อมกับทีมงานใกล้ชิด โดยปกติที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตรชอบที่จะทำอาหารรับประทานและเลี้ยงทีมงานใกล้ชิดเป็นประจำ โดยระหว่างทำเมนูกุ้งกระเทียม พล.อ.ประวิตรมีสีหน้ายิ้มแย้มและอารมณ์ดี โดยกล่าวว่า เมนูนี้เป็นเมนูที่บิดาตนมักจะขอให้ตนเองทำให้คนในครอบครัวทาน เพราะทำได้อร่อย จนกลายเป็นเมนูของความรักความผูกพันในครอบครัวจนถึงวันนี้

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ภาคอีสาน กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ทางภาคอีสานของว่าที่ผู้สมัครของ รทสช. ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนอย่างดียิ่ง จะเห็นได้จากโพลความนิยมในตัวของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดีวันดีคืนและอยู่อันดับต้นๆ ของทุกโพล แสดงว่าคนภาคอีสานต้องการให้ลุงตู่ได้กลับมาทำงานต่อ เพราะที่ผ่านมา 8 ปี มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ปัญหาความยากจน การดูแลสวัสดิการประชาชนทุกกลุ่ม ที่สำคัญจุดเด่นของนายกฯ ไม่มีการทุจริต ไม่คดไม่โกงแม้แต่บาทเดียว

"จึงมั่นใจว่า รทสช.จะได้รับความไว้วางใจจากชาวอีสานเลือกผู้สมัครของพรรคเข้าสู่สภาอย่างแน่นอน ส่วนจะได้กี่ที่นั่ง ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน แต่มั่นใจที่ผ่านมาลุงตู่ได้สร้างผลงานอย่างเป็นรูปธรรม ชาวอีสานได้ประโยชน์จริง โดยเฉพาะเสียงตอบรับจากการลงพื้นที่ทางภาคอีสานของว่าที่ผู้สมัครของพรรค ได้รับเสียงตอบรับอย่างดี จะเห็นได้จากโพลความนิยมในตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ดีวันดีคืน และอยู่อันดับต้นของทุกโพล ซึ่งมั่นใจว่าทางพรรคจะสามารถแจ้งเกิดได้ ส.ส.ในพื้นที่ภาคอีสานไม่ต่ำกว่า 20 ที่นั่ง" นายเสกสกลกล่าว

'มาร์ค' หวังคนกรุงหนุนปชป.

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค, น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง, ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. และนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรค ร่วมลงพื้นที่ตลาดกิตติ ถนนเซนต์หลุยส์ เขตสาทร พบปะประชาชน พ่อค้าแม่ค้า เพื่อขอเสียงสนับสนุนให้ น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตสาทร-ปทุมวัน-ราชเทวี

นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวถึงกระแสการตอบรับของพรรค ปชป.ในกรุงเทพฯ ว่า เห็นได้ชัดว่าประชาชนคน กทม.จำนวนมากที่มีความผูกพันกับ ปชป. โดยเฉพาะบุคลากรของพรรคหลายคนมีความมั่นคง แน่วแน่ในการทำงานให้กับพี่น้องประชาชน อย่างวันนี้ที่ตลาดกิตติพวกเราทุกคนมีความคุ้นเคย ผูกพัน ก็หวังว่าความสัมพันธ์นี้จะเป็นพื้นฐานที่ดีในการสนับสนุนให้ ปชป.ได้กลับไปทำงานในสภาผู้แทนราษฎร

ส่วนกรณีที่มีหลายคนต้องการให้กลับมาเป็นผู้แทนฯ อีกนั้น นายอภิสิทธิ์ ตอบด้วยอารมณ์ขันว่า ยังไม่ถึงเวลา แต่ก็ยินดีมาสนับสนุนในฐานะสมาชิกพรรคและในฐานะที่ได้คุยกับประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะในเขตเลือกตั้งนี้ก็เป็นเขตเลือกตั้งเก่าของตนด้วย และรู้สึกเป็นกำลังใจให้กับพรรคและพวกเราทุกคนในการเดินหน้าต่อ

นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า มีความมั่นใจว่า พท.จะครองใจคนกรุงเทพฯ ได้ เพราะจากโพลต่างๆ ประชาชนชาวกรุงเทพฯ มีความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก คิดว่าประชาชนคงอยากเปลี่ยนให้ได้ผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ และถ้าเราไม่แลนด์สไลด์ ก็มีโอกาสที่ 2 ลุงจะกลับมา จึงเชื่อว่าประชาชนจะทุ่มใจให้กับ พท.และขอร้องประชาชนอย่าปันใจให้กับพรรคการเมืองอื่น ให้กา พท.พรรคเดียวให้ได้เป็นรัฐบาล อยากขอโอกาสให้ พท. ได้เข้ามาทำหน้าที่พลิกฟื้นประเทศ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ให้ประเทศเรากลับมายืนแถวหน้าในเอเชีย

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เปิดเผยว่า พรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองเดียวที่ใช้วิธีการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วยวิธีการประกาศรับสมัคร และนำบัญชีรายชื่อทั้งหมดเข้าสู่คณะกรรมการสรรหา ก่อนให้กรรมการบริหารพรรคเป็นผู้พิจารณาลำดับบัญชีรายชื่อ มีหลักการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ตามจากคุณค่าและเป้าหมายที่พรรคก้าวไกลเชื่อ ยึดการเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต ผู้สมัครจึงมีส่วนประกอบทั้งนักต่อสู้ทางการเมือง นักสิทธิมนุษยชน นักกฎหมาย คนที่ต่อสู้เพื่อสิทธิชุมชนท้องถิ่น การกระจายอำนาจ นักต่อสู้เพื่อสันติภาพ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นักรณรงค์ต่อสู้เพื่อสิทธิความหลากหลายทางเพศ ผู้พิการ ชาติพันธุ์ นักต่อสู้เพื่อสิทธิบุคคลพลัดถิ่นและบุคคลไร้สัญชาติ สิทธิเด็กฯ

รวมทั้งมีตัวแทนกลุ่มเศรษฐกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแรงงาน คนขับแท็กซี่ ฟรีแลนซ์ แม่เลี้ยงเดี่ยว คนที่มีความสามารถเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์และเศรษฐกิจดิจิทัล ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจเมือง เศรษฐกิจชนบท ผู้เชี่ยวชาญซอฟต์เพาเวอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลและ Big Data ด้านนวัตกรรมพลังงานใหม่ๆ นักศึกษาหัวก้าวหน้า ศิลปิน ผู้กำกับ ช่างภาพ นักออกแบบ ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐานและระบบคมนาคมสมัยใหม่

"ภาพทั้งหมดคือภาพเป้าหมายของพรรคก้าวไกลที่สะท้อนถึงการคัดเลือกบุคคลเข้ามาอยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคก้าวไกล รายชื่อของคนทั้งหมดมาจากการคัดสรรใหม่ มีทั้งว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่เคยทำงาน เครือข่ายพรรค คนทำงานในพรรค ซึ่งจะสะท้อนถึงทั้งปัญหา และโอกาสและความท้าทายของประเทศในปัจจุบัน"

'พิธา' ตั้งเป้าปาร์ตี้ลิสต์ 30 ที่นั่ง

ส่วนกรณีการจัดลำดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่มีข้อครหาว่ามีการโปลิตบูโร และเทคโนแครตนั้น นายพิธากล่าวว่า ในเรื่องของเทคโนแครต ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง คนที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจโดยเฉพาะก็เป็นระดับผู้บริหารในอุตสาหกรรมค้าปลีก ผู้บริหารองค์กรในภาครัฐ เกี่ยวข้องกับแบงก์ชาติ ในส่วนที่เป็นโปลิตบูโรนั้นไม่มี ลำดับบัญชีรายชื่อเป็นไปตามกระบวนการสรรหาที่มีการรับฟังมาก่อนหน้านี้จากคณะกรรมการสรรหา

ส่วนตั้งเป้าว่าจะได้เก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเท่าใดนั้น นายพิธากล่าวว่า ตั้งเป้าต้องให้ทะลุ 30 คน ซึ่งต้องพยายามอย่างเต็มที่จะใช้เวลาที่เหลืออยู่กับว่าที่ผู้สมัครใหม่ในการขยายฐานเสียงในเรื่องต่างๆ

ทั้งนี้ รายชื่อ ส.ส.พรรคก้าวไกล 97 คน ใน 30 อันดับแรก ประกอบด้วย ส่วนผสมทั้งคนเก่า-คนใหม่ รายชื่อ 3 อันดับแรกคือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ตามมาด้วยนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค และ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ส่วนอันดับ 4 และ 5 เป็นคนใหม่ ได้แก่ นายเซีย จำปาทอง อดีตสหภาพแรงงานสิ่งทอที่เคลื่อนไหวเรื่องสิทธิแรงงานมาอย่างยาวนาน และนายอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล อดีต ผอ.ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC)

นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลยังมีรายชื่อของคนใหม่ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นนายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล หรือ “ดร.ชาย” กูรูเศรษฐกิจธุรกิจ, นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการรณรงค์สื่อสารนโยบาย, นายรอมฎอน ปันจอร์ นักสิทธิมนุษยชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้, นายชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร นักยุทธศาสตร์ข้อมูล, นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี วิศวกรสิ่งแวดล้อม, ปารมี ไวจงเจริญ หรือ “ครูจวง” ครูสอนวิชาสังคมชื่อดังที่ต้องการเข้ามาผลักดันนโยบายการศึกษา

ที่แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี, นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯ, น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรค และ ผอ.ศูนย์ปราบโกง, นายสมชาย เวสารัชตระกูล กรรมการบริหารพรรค,  นายการุณ โหสุกล แกนนำพรรค ร่วมกับนายประเวศร์ วัลลภบรรหาร ผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยสร้างไทย กทม. เขต 12 ทำพิธีเปิดศูนย์ประสานงานพรรค ทสท. กทม. เขตเลือกตั้งที่ 12 พร้อมเปิดตัวนายประเวศร์เป็นผู้สมัคร ส.ส.เขต12 กทม.

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ดีใจที่ได้กลับบ้าน เพราะเป็น ส.ส.ครั้งแรกพื้นที่แห่งนี้ ตั้งแต่ปี 2535 แต่จนถึงขณะนี้พบว่าพี่น้องก็ยังคงทุกข์ยาก โดยเฉพาะในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา พี่น้องมีหนี้สินเพิ่ม ค่าไฟ ค่าแก๊ส แพงขึ้นมาก ค่าครองชีพไม่เพียงพอกับรายได้ เพราะ 17 ปีที่ผ่านมามีการแย่งชิงอำนาจ มีการรัฐประหารถึง 2 ครั้ง จึงเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ของพี่น้องอย่างแท้จริง และไม่ว่าฝ่ายใดชนะ ประชาชนเป็นผู้พ่ายแพ้มาตลอด

"เชื่อว่านี่คือสงครามครั้งสุดท้ายที่จะพาประเทศไปสู่วิกฤตและความขัดแย้งครั้งใหม่ ที่ใหญ่และรุนแรงกว่าเดิม ทสท.จึงขอเป็นด่านหน้า เพื่อพาคนไทยทุกคนไปชนะสงครามการเมือง 2 ขั้ว ทสท.จะพาประชาชนไปสู่โอกาสและเศรษฐกิจที่ดี โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาหนี้สินและเติมทุนให้พี่น้องประชาชน" คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

โวยบัตรโหลโกงง่าย-เสียอื้่อ

ส่วนกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต ที่มีเฉพาะหมายเลขผู้สมัคร ไม่มีโลโก้และชื่อพรรคการเมือง หรือบัตรโหล นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า กกต.คงพิจารณารอบคอบแล้ว การออกบัตรเลือกตั้งไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์หรือโทษแก่พรรคใดพรรคหนึ่ง เป็นการบังคับใช้กับทุกพรรค  เมื่อ กกต.มีอำนาจหน้าที่ ไม่ว่าเขาจะดำเนินการอย่างไร เราก็ปฏิบัติตามนั้น

นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ทาง กกต.ต้องพยายามทำให้ประชาชนไม่สับสน ไม่ว่าจะเป็นการมีชื่อ มีเลข มีสัญลักษณ์ของพรรคการเมือง เพราะการมีบัตรสองใบคิดว่าน่าจะสับสนพอแล้ว การที่เบอร์ไม่ตรงกันก็อาจทำให้เกิดความสับสนได้ ดังนั้นอะไรที่พอจะช่วยให้ประชาชนลดความสับสนลงได้ คิดว่าตรงนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทางพรรคจะต้องกำชับผู้สมัครไปชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้าน หากผู้สมัครคนไหนได้เบอร์ตรงกับเบอร์พรรคก็ถือว่าโชคดี แต่เกิดไปตรงกับเบอร์พรรคอื่นก็จะลำบากขึ้นไปอีก ส่วนจะใช้กลเม็ดใดไปแนะนำชาวบ้านนั้น คงต้องเห็นบัตรเลือกตั้ง และให้รู้ก่อนว่าเราได้เบอร์อะไร

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคพท. กล่าวว่า การจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งดังกล่าว สร้างความยุ่งยากซับซ้อน และส่งผลเสียคือ 1.ทำให้เกิดบัตรเสียได้ง่าย และ 2.เป็นเงื่อนไขที่จะทำให้เกิดการสลับสับเปลี่ยน เปิดช่องให้เกิดการทุจริตได้ ที่สำคัญบัตรเลือกตั้งที่ไม่มีโลโก้และชื่อพรรคการเมืองนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาที่มี ส.ส. 350 เขตก็พิมพ์บัตรเลือกตั้ง 350 แบบ โดยบัตรเลือกตั้งก็จะแตกต่างกันไป ช่วยลดเงื่อนไขการทุจริตลงไปได้ ในการเลือกตั้งครั้งนี้มี ส.ส.แบบแบ่งเขตรวม 400 เขต ควรจะพิมพ์บัตรเลือกตั้งเป็น 400 แบบเหมือนที่ผ่านมา จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งกาง่ายขึ้น ช่วยลดจำนวนบัตรเสียลงได้ด้วย

เมื่อถามว่า บัตรเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต จะส่งผลกระทบต่อการแลนด์สไลด์ของพรรค พท.หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ถ้าเราไม่ถูกโกงก็อาจไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่จะมีผลในเรื่องของจำนวนบัตรเสียที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นอยากให้ทาง กกต.พิจารณาทบทวนการจัดทำบัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตใหม่ ซึ่งยังมีเวลา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง