“ชัยวุฒิ” เผยใกล้ได้ตัวแฮกเกอร์ 9near แล้ว ระบุเป็นคนไทย ตั้งใจดิสเครดิตหน่วยงานรัฐ กำชับดูแลผู้เสียหายจาก 9near และเร่งใช้ Digital ID ขณะที่สภาผู้บริโภคจี้ตั้งหน่วยเฉพาะกิจปราบแฮกเกอร์เรียกค่าไถ่ ลงโทษบุคลากร ยกเป็นวาระแห่งชาติ
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงกรณีที่ผู้ใช้งานบัญชี “9near” อ้างว่ามีข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายบนเว็บไซต์ Bleach Forums ว่า ขณะนี้ใกล้ได้ตัวคนร้ายแล้ว คาดว่าตำรวจไซเบอร์จะแถลงข่าวการจับกุมเร็วๆ นี้ ซึ่งแฮกเกอร์เป็นคนไทยและตั้งใจดิสเครดิตหน่วยงานรัฐ ส่วนหน่วยงานรัฐที่ทำข้อมูลหลุดกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทาง
เนื่องจากข้อมูลที่หลุดเป็นข้อมูลที่หลายหน่วยงานมีได้ โดยเฉพาะหน่วยงานที่ให้ประชาชนลงทะเบียนและประกาศรายชื่อบนเว็บไซต์ ซึ่งเป็นระบบที่ทำขึ้นมาใหม่จนกลายเป็นช่องโหว่ให้แฮกเกอร์เข้าไปดึงข้อมูลออกมา ดังนั้นจึงต้องรอจับแฮกเกอร์มาสอบสวนก่อนว่าแฮ็กมาจากหน่วยงานไหน อย่างไรก็ตาม มีหน่วยงานรัฐที่สงสัยว่าได้ทำข้อมูลหลุดมาแจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ซึ่งต้องรอตรวจสอบก่อน ยังไม่สามารถสรุปได้
ส่วนกรณีที่ 9near ออกมาประกาศว่า ขอหยุดการเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลและขอให้รัฐบาลอย่าจับตัวเองนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เพราะความผิดได้สำเร็จแล้ว โดยกรณีนี้จะเป็นคดีแรกของ สคส.ที่ได้บังคับใช้ตามกฎหมาย ซึ่งหน่วยงานที่ปล่อยข้อมูลรั่วต้องได้รับโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 5 ล้านบาท และต้องมีการเยียวยาผู้เสียหาย ซึ่งล่าสุดมีผู้ได้รับเอสเอ็มเอสขู่ 200 ราย โดยดีอีเอสได้ประสานกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในการบล็อกเอสเอ็มเอสแล้ว
นายชัยวุฒิกล่าวว่า นอกเหนือจากต้องเร่งหาหลักฐานและตัวคนร้ายแล้ว ได้มอบหมายให้นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอีเอส ประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องเร่งหาข้อเท็จจริง ดูแลผู้เสียหายจาก 9near ตลอดจนเร่งรัดการใช้ Digital ID และยกระดับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
โดยวันที่ 3 เมษายน 2566 ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้เป็นประธานการประชุม “การรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของหน่วยงานรัฐ” โดยได้เชิญหน่วยงานรัฐที่มีข้อมูลส่วนบุคคลขนาดใหญ่หรือมีจำนวนมากมาหารือ อาทิ กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงการคลัง, กระทรวงแรงงาน, กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงาน กกต. เป็นต้น รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย, สำนักงาน กสทช., สำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ในการประชุมได้มีการหารือประเด็นสำคัญ ดังนี้
1.ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศรวมทั้งฐานข้อมูลของหน่วยงาน เป็นไปตามมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลที่เกี่ยวข้องหรือไม่ มีการตรวจสอบเพื่อป้องกันและแก้ไขช่องโหว่ของระบบที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่ ผลเป็นอย่างไร
โดยนายศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ได้รายงานในที่ประชุมว่า จากการสุ่มตรวจของ สคส.ได้พบการเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เหมาะสมของหน่วยงานรัฐและได้แจ้งเตือนไปแล้ว ที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือปรับปรุงตามคำแนะนำ โดยพลอากาศตรีอมร ชมเชย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติ ให้ข้อมูลว่า THAICERT ของ สกมช.ตรวจพบว่า ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของหน่วยงานรัฐหลายหน่วยงานถูกโจมตี และยังมีการหลุดรั่วของข้อมูล ซึ่งได้ประสานงานเร่งแก้ปัญหาและป้องกันปัญหาอย่างต่อเนื่อง
2.แนวปฏิบัติและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลในหน่วยงานของรัฐ อาทิ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ และ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๖๐, พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ.๒๕๖๒, พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.๒๕๖๒ รวมทั้งประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่องมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.๒๕๖๕ และประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการในการแจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.๒๕๖๕
ทั้งนี้ หากหน่วยงานทำข้อมูลรั่วโดยเฉพาะข้อมูลที่มีความอ่อนไหว ต้องรีบแจ้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผู้เสียหาย รวมถึงควรทำการเยียวยาผู้เสียหายด้วย
3.การช่วยเหลือสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติ และกระทรวงดิจิทัลฯ ต่อหน่วยงานต่างๆ ในเรื่องระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลของหน่วยงาน รวมทั้งแนวทางการทำงานร่วมกันในเรื่องการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
นอกจากนี้ ได้หารือถึงแนวทางเร่งรัดการใช้ Digital ID เพื่อช่วยยกระดับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลของหน่วยงาน ซึ่งในเรื่องนี้กระทรวงดิจิทัลฯ ได้จัดทำพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการเกี่ยวกับระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลที่ต้องได้รับใบอนุญาต พ.ศ.2565 (Digital ID) ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2565 และผลักดันการพัฒนาระบบยืนยันตัวตน National Digital ID ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะมีประโยชน์ในการป้องกันข้อมูลรั่วไหล และยืนยันตัวตนได้อย่างมั่นใจมากขึ้นอีกระดับหนึ่ง ซึ่งการยืนยันตัวตนด้วย Digital ID จะช่วยป้องกันการถูกขโมยข้อมูล รวมทั้งป้องกันการหลอกลวงประชาชนจากการทำธุรกรรมออนไลน์
ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าวว่า “วันนี้สรุปได้ว่าการหาข้อเท็จจริงเรื่องที่อ้างว่า ข้อมูลขนาดใหญ่รั่วจากหน่วยงานภาครัฐยังดำเนินการอยู่ กรณีที่มีข้อมูลรั่ว หรือระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมีช่องโหว่ หน่วยงานต้องเร่งปรับปรุงแก้ไข ในขณะเดียวกันทำการซักซ้อมแนวปฏิบัติ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล รวมถึงขอความร่วมมือหน่วยงานยกระดับความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล และช่วยผลักดันการใช้ Digital ID”
ขณะที่สภาองค์กรผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค) ออกแถลงการณ์ ขอให้รัฐบาลใช้ศักยภาพและกลไกของรัฐปกป้องข้อมูลประชาชน ปราบปรามมิจฉาชีพเรียกค่าไถ่ข้อมูลประชาชน และลงโทษบุคลากรของรัฐที่รับผิดชอบ ให้รัฐบาลตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีอย่างรวดเร็วจริงจัง และแถลงข้อเท็จจริงเรื่องนี้ให้กระจ่างแจ้ง รวมทั้งขอบเขตความเสียหายของข้อมูล แหล่งของข้อมูลที่รั่วไหล รวมถึงมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก เพื่อให้สังคมร่วมรับรู้ข้อเท็จจริง และสร้างความเชื่อมั่นต่อการรักษาความมั่นคง เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่เกิดความเสียหายในทุกมิติ ขอให้นำนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลพลเมืองในยุคดิจิทัลเป็นวาระแห่งชาติ ในยุคเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ดีเอสไอ’ทุ่มเทคโนโลยี! หวังมัดฮั้วเลือกสว.-อั้งยี่
“ดีเอสไอ” จัดเต็มลุย “อิมแพ็คฟอรัม” จำลองฮั้วเลือก สว.ระดับประเทศ
ตร.6นายดับทดสอบบิน
สลดเครื่องบินตำรวจปฏิบัติภารกิจทดสอบการบิน ฝึกกระโดดร่มตกทะเลเสียชีวิตยกลำ 6 นาย
แห่หาเสียงซ่อมเมืองคอน
เลือกตั้งซ่อมนครศรีฯ ร้อนแรง “กล้าธรรม” ขนแทบทั้งพรรคลงพื้นที่ “ไผ่” โวราคาต่อรองนำ “พิพัฒน์” นำทีมปราศรัยส่งท้าย หวังรักษาเก้าอี้เดิม “ชินวรณ์” วอน กกต.สอบซื้อเสียง
ใครจะลงเรือใกล้ล่ม พปชร.ยันท่าที ‘ธรรมนัส’ตีปี๊บ ฝ่ายค้านแห่ซบ
ใครเตือนไม่ฟัง! "สามีอิ๊งค์" โพสต์ภาพนายกฯ ป่วยแอดมิต รพ. "โฆษกรัฐบาล" แจงพบไข้ขึ้นสูงหลังกลับจากเยือนกัมพูชา
พิชัยถอดรหัสภาษีทรัมป์ ย้ำทุกวิกฤตมีโอกาสใหม่
“พิชัย” จับมือภาคเอกชน เปิดเวทีถอดรหัสนโยบายภาษีทรัมป์ ย้ำทุกวิกฤตมีโอกาสใหม่ของไทย รัฐเดินหน้าเจรจา FTA-คุมเข้มสินค้าด้อยคุณภาพ-สกัดการสวมสิทธิ์อย่างเด็ดขาด
ในหลวง-ราชินี เสด็จฯ‘ภูฏาน’ 25-28เมษายน
“ในหลวง-พระราชินี” เสด็จฯ เยือนภูฏานอย่างเป็นทางการครั้งแรก ระหว่างวันที่ 25-28 เม.ย.