แห่เดา‘ผลเลือกตั้ง’ สารพัดโพลคาดเก้าอี้ส.ส. บิ๊กตู่ไม่เสียใจคะแนนร่วง

โพลพาเหรดเผยผลสำรวจ  “สวนดุสิตโพล-นิด้าโพล” ยก “อุ๊งอิ๊ง” ว่าที่นายกฯ ในดวงใจ ส่วนเก้าอี้ ส.ส. 2 สำนักเห็นตรงกัน “เพื่อไทย” กวาดกระฉูด แต่อันดับสองเห็นต่าง โพลย่านบางกะปิบอกก้าวไกล ส่วน “ซูเปอร์โพล” คาดภูมิใจไทย “บิ๊กตู่” ไม่เสียกำลังใจคะแนนนิยมร่วง นำเดินหาเสียง 3 ตลาด ทั้ง “บองมาร์เช่-อ.ต.ก.-จตุจักร” “ธนกร” ชี้ไม่ใช่ผลเลือกตั้ง เตือนความจำปรากฏการณ์เลือกความสงบจบที่ลุงตู่ “จุรินทร์” ปลุกแฟนคลับ ปชป.ทั่วประเทศ “สมศักดิ์” ประกาศล้างบางบ้านใหญ่ภาคเหนือตอนล่าง!

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 เม.ย.2566 มีผลสำรวจความคิดเห็น (โพล) จากหลายสำนักออกมาเผยแพร่ โดยสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ กรณีนายกรัฐมนตรี                      คนใหม่ในสายตาประชาชน จำนวนทั้งสิ้น 1,274 คน โดยเมื่อถามถึงประชาชนคิดว่าใครเหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ คนต่อไป ตามประเด็นดังนี้ การช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ พบว่าอันดับ 1 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร 25.35%, การช่วยสร้างสังคมให้มีความสุข น.ส.แพทองธาร 22.29%, การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 20.91%, การช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต สวัสดิการประชาชน น.ส.แพทองธาร 25.36%, การช่วยส่งเสริมพัฒนาด้านการศึกษา นายพิธา 22.24%, การช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 19.42%, การช่วยประสานงานจัดตั้งรัฐบาลได้ราบรื่น พล.อ.ประวิตร 19.24%, การช่วยประสานระหว่างประชาชนกับทหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 20.19%, การช่วยจรรโลงศาสนา พล.อ.ประยุทธ์ 16.24% และการช่วยพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันกับอารยประเทศ น.ส.แพทองธาร 24.38%

ขณะที่ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจประชาชนเรื่อง ศึกเลือกตั้ง 2566 ครั้งที่ 2 ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 3-7 เม.ย. จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ทั่วประเทศ รวม 2,000 หน่วยตัวอย่าง

โดยเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พบว่า 35.70% ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร, 20.25% ระบุว่านายพิธา, 13.60% ระบุว่าเป็น พล.อ.ประยุทธ์, 6.10% ระบุว่ายังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้, 6.05% ระบุว่าเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน, 4.15% ระบุว่าเป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, 2.55% นายอนุทิน ชาญวีรกูล, 2.20% นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และ 1.95% นายกรณ์ จาติกวณิช

2 โพลเห็นต่างเก้าอี้ ส.ส.

สำหรับพรรคการเมืองที่ประชาชนจะเลือกให้เป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต พบว่า 47.20% ระบุว่าเป็นพรรคเพื่อไทย (พท.), 21.20% พรรคก้าวไกล (ก.ก.), 10.80% พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.), 4.75% พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.), 3.75% พรรคภูมิใจไทย (ภท.), 2.75% ยังไม่ตัดสินใจ, 2.10% พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.), 2.05% พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) และ 1.50% พรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) ส่วนพรรคการเมืองที่ประชาชนจะเลือกให้เป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พบว่า 47% ระบุว่าเป็น พท., 21.85% พรรค ก.ก., 11.40%  พรรค รทสช., 4.50% พรรค ปชป., 3% พรรค ภท., 2.35% ยังไม่ตัดสินใจ, 2.10% พรรค ทสท., 1.80% พรรค พปชร. และ 1.55% พรรค ชพก.

ด้านสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เผยผลการศึกษาเรื่อง โพลเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งที่ 4 : ข้อมูลพื้นฐานการปกครองท้องที่ (ภูมิภาค) กรณีศึกษาประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศอายุ 18 ปีขึ้นไป รวมทั้งสิ้น 6,990 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 5-15 เม.ย. โดยเมื่อพิจารณาความตั้งใจจะไปเลือกตั้งของประชาชน พบว่า ส่วนใหญ่หรือ 70.5% หรือประมาณ 37,431,819 คน จะไปเลือกตั้ง ในขณะที่ 29.5% หรือประมาณ15,662,959 คน จะไม่ไปเลือกตั้ง

ซูเปอร์โพลยังเผยถึงจำนวนที่นั่ง ส.ส.เขตเลือกตั้งจำนวน 400 ที่นั่ง จำแนกตามข้อมูลพื้นฐานการปกครองท้องที่ว่า พรรค พท.มีความเป็นไปได้ที่จะได้จำนวนที่นั่ง ส.ส.เขตเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ในภาคอีสานและภาคเหนือ โดยจะได้ 133 ที่นั่ง หรือ 33.3% แต่อาจไม่ได้ ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งในภาคใต้เลย ส่วนพรรค ภท. จะที่ได้ที่นั่ง ส.ส.เขตอันดับ 2 คือ 101 ที่นั่ง หรือ 25.3% โดย ส.ส.กระจายไปในทุกกลุ่มจังหวัดของแต่ละภาค มากที่สุดในภาคตะวันตก จำนวน 10 ที่นั่ง หรือ 50%

พรรค พปชร.ได้ ส.ส.เขต 53 ที่นั่ง หรือ 13.3% โดยกระจายไปแต่ละภูมิภาค พรรค ปชป.ได้  44 ที่นั่ง หรือ 11% และอาจแลนด์สไลด์ในภาคใต้แบบยกจังหวัด พรรค รทสช.ได้ 35 ที่นั่ง หรือ 8.8% โดยจะได้ ส.ส.เขตมากที่สุดในพื้นที่ภาคกลาง คือ 13 ที่นั่ง หรือ 14.6% ส่วนพรรค ก.ก.ได้ 10 ที่นั่ง หรือ 2.5% โดยจะไม่ได้ ส.ส.ในภาคเหนือ ตะวันตก และใต้

‘บิ๊กตู่’ ไม่เสียใจ

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ พรรค รทสช. กล่าวตอบข้อถามถึงการเสียกำลังใจหรือไม่ ที่ผลโพลคะแนนนิยมตก ว่าไม่เสียหรอก ก็เป็นเรื่องของประชาชน เป็นเรื่องของประเทศชาติว่าจะได้รับอะไรต่อไป ก็แล้วแต่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคน ไม่ห้ามและไปอะไรกับใครไม่ได้อยู่แล้ว

นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวว่า ผลโพลหลายสำนักถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ แม้จะเป็นพรรคน้องใหม่ แต่จะเห็นได้ว่าคะแนนนิยมในตัว พล.อ.ประยุทธ์ตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ผลโพลไม่ใช่ผลการเลือกตั้ง ซึ่งเราคงต้องนำผลโพลของแต่ละสำนักมาหารือกัน ทั้งในคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และคณะทำงานสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ว่าจะปรับกลยุทธ์ในการหาเสียงและประชาสัมพันธ์ถึงพี่น้องประชาชนกันอย่างไร ซึ่งยังมีเวลาอีกเกือบ 1 เดือน

 “วันนี้อย่าเพิ่งตกใจหรือดีใจจากผลโพล เพราะกว่าจะถึงวันเลือกตั้งยังมีเวลาที่จะปรับยุทธศาสตร์ และที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าคะแนนพลิกกันในชั่วข้ามคืน จำได้หรือไม่ความสงบจบที่ลุงตู่ ครั้งนั้นสร้างปรากฏการณ์ที่คนตัดสินใจในเวลาไม่นานมาเลือกให้ลุงตู่เป็นนายกฯ ฉะนั้นอย่าประมาท” นายธนกรกล่าว

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า แฟนคลับของ พล.อ.ประวิตรอาจไม่ค่อยได้ติดตามการทำโพล แต่เท่าที่ลงพื้นที่ ผู้สนับสนุนพรรค พปชร.ก็มีอยู่พอสมควร ซึ่งเราก็ยังตอบไม่ได้จนกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง แต่ต้องลงพื้นที่ให้มากขึ้น ประชาสัมพันธ์นโยบายดีๆ ของเราให้ประชาชนรับรู้มากขึ้น

นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง รองเลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวว่า ยังมีเวลาที่เหลือกว่า 30 วันที่จะตีตื้นความนิยมในช่วงโค้งสุดท้ายได้ โดยพรรคจะเร่งจัดระบบและปรับกลยุทธ์ ผลโพลในวันนี้อาจจะไม่ใช่ตัวตัดสินในวันลงคะแนนก็เป็นได้เมื่อยังมีเวลา เชื่อว่าเรายังสามารถสู้ได้

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการและผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวว่า โพลมีหลายสำนัก บางโพลก็เป็น น.ส.แพทองธารนำ แต่ตัวพรรคและเขตจะเป็น พท.นำ ซึ่งพรรคมีการปรับกลยุทธ์ในการหาเสียงตลอด และลงพื้นที่อย่างหนักอยู่แล้ว แต่ในโค้งสุดท้าย ต้องดูผลโพลว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุป

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ก.ก. กล่าวว่า โพลจะเเม่นหรือใกล้เคียงคือโพลช่วงโค้งเดือนสุดท้าย จะเป็นช่วงเวลาแท้จริงที่ประชาชนสนใจการเลือกตั้งจริงจัง แต่โพลก็แค่ตัวชี้ให้เห็นภาพรวมบางส่วน ไม่สามารถบ่งบอกคะแนนทั้งหมด ย้ำเลยว่าของจริงจะอยู่หลังช่วงสงกรานต์ ซึ่งยิ่งใกล้เลือกตั้งเท่าไร พรรคยิ่งมั่นใจมากว่าเราจะประสบความสำเร็จมากกว่าสมัยพรรคอนาคตใหม่แน่นอน ตอนอนาคตใหม่ได้ 81 ที่นั่ง กระแสดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาคิดว่ามันจะดีขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงโค้งสุดท้าย โดยเราจะได้ ส.ส.เขตเยอะกว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ

‘ลุงตู่’ จัดเต็มลุย 3 ตลาด

ด้านบรรยากาศการเดินหาเสียงของพรรคต่างๆ เมื่อวันอาทิตย์นั้น ที่ตลาดบองมาร์เช่ มาร์เก็ตพาร์ค พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทางลงพื้นที่หาเสียงในช่วงวันหยุดด้วยรถยนต์ส่วนตัว ทะเบียน ญค 1881 กรุงเทพมหานคร โดยมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และแกนนำพรรค รวมทั้งผู้สมัคร ส.ส.มาร่วมขบวน โดยทันทีที่ พล.อ.ประยุทธ์ มาถึง นายพีระพันธุ์ได้นำเสื้อแจ็กเกตพรรคสีขาว ติดเบอร์ 22 ให้ พล.อ.ประยุทธ์ใส่ ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเดินพบปะพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาด สอบถามถึงการค้าขาย พร้อมชื่นชมที่บางคนใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการขายของ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังได้ชูมือเบอร์ 22 ด้วย ท่ามกลางความสนใจของประชาชนที่เข้ามาขอถ่ายภาพตลอดทาง และบางคนเข้ามากอดและกล่าวกับ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ที่รักลุงตู่ เพราะลุงตู่รักสถาบัน

ต่อมาเวลา 12.10 น. ที่องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร หรือตลาด อ.ต.ก. พล.อ.ประยุทธ์พร้อมแกนนำลงพื้นที่หาเสียง ซึ่งมีประชาชนชูนิ้วเบอร์ 22 เชียร์ลุงตู่ ขณะที่เมื่อผ่านร้านทุเรียนเจ๊นิ ได้นำทุเรียนให้ พล.อ.ประยุทธ์ชิมด้วยพร้อมระบุว่า กิโลกรัมละ 12,000 บาท ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์จับมือแม่ค้าและกล่าวว่า นี่เพชรหรือ ด้านแม่ค้ากล่าวติดตลกว่า เป็นอาวุธ เผื่อใครพูดไม่เข้าหู  พล.อ.ประยุทธ์จึงยกนิ้วให้

ทั้งนี้ ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ลงพื้นที่หาเสียงอยู่ในตลาด อ.ต.ก. ด้านนอกตลาด มีชายกลางคนใส่เสื้อสีแดงขี่รถมอเตอร์ไซค์ติดป้ายข้อความโจมตี ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยกันไว้ ขณะเดียวกันก็มีผู้สนับสนุนและขอถ่ายรูป จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์รับประทานอาหารกลางวันที่ศูนย์อาหารในตลาด อ.ต.ก. ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินไปสั่งอาหารด้วยตัวเองที่ร้านข้าวราดแกง โดยสั่งเมนูผัดหน่อไม้ไก่ แกงเทโพหมู ผัดหัวไชโป๊ ผัดผักกาดดองใส่ไข่ และผัดกะเพรา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กินแบบนี้ก็ดีเหมือนกันง่ายๆ ดี สมัยก่อนก็กินอะไรง่ายๆ แต่อร่อย

ในเวลา 13.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดนัดจตุจักร ตลอดเส้นทางมีผู้สนับสนุนจำนวนมากเข้ามาขอถ่ายภาพ แต่ขณะเดียวกันก็มีผู้เห็นต่าง โดยเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์และคณะเดินผ่านมีคนยืนชูสามนิ้วพร้อมตะโกน  ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติได้มีการสอบถามว่าคนนี้เป็นใคร เมื่อทราบว่าเป็นนายกฯ ไทยและมาหาเสียง ได้กล่าวว่า “อะเมซิ่ง”

ทั้งนี้ เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์และคณะเดินมาถึงช่วงกลางตลาดนัดจตุจักร ได้มีนักร้องต่างประเทศยืนร้องเพลงสากล พล.อ.ประยุทธ์จึงได้ขอเพลง Stand by Me กับเพลง Wind Beneath My Wings ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ร้องคลอตามอย่างอารมณ์ดี ซึ่งในระหว่างนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้หยิบพัดสีแดงขึ้นมาพัดตลอดเวลา เนื่องจากอากาศร้อนอบอ้าว จนทำให้ทีมงานได้นำเอาพัดรูปหัวใจสีไม้มาเปลี่ยนให้แทน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าสีแดงไม่สวย

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มาเดินสวนจตุจักรตั้งแต่ยศ พ.อ. ชอบมาเดินที่นี่ มีหลายร้านที่ชอบ และที่ชอบเพลง Stand by Me เพราะมีคนมายืนอยู่ข้างๆ รวมถึงที่ชอบเพลง Wind Beneath My Wings เพราะความหมายคือลมใต้ปีก จะไปไหนมาไหนก็ต้องมีลม พร้อมกางมือโชว์เหมือนนกบิน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วคิดว่าใครเป็นลมใต้ปีกบ้าง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ภรรยา ประชาชน และลูกของผมไง ที่เป็นกำลังใจให้ผมมาตลอด" จากนั้นก่อนเดินทางกลับ พล.อ.ประยุทธ์ได้ขึ้นไปยืนบนขอบรถยนต์ส่วนตัว พร้อมชูสองนิ้วตะโกนว่า เบอร์ 22 ก่อนขึ้นรถเดินทางกลับ

'จุรินทร์' ปลุกแฟนคลับ ปชป.

ส่วนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวก่อนขึ้นรถแห่เพื่อขอเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถึงกรณีนายชวน หลีกภัย มีความกังวลถึงการใช้เงินซื้อเสียงนั้นถือเป็นอุปสรรคและปัญหาใหญ่ของการเลือกตั้งครั้งนี้ ว่าตอนนี้เริ่มปรากฏให้เห็นเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ถ้าประชาชนไปสนับสนุนคนใช้เงินเพื่อแลกกับคะแนนเสียง สุดท้ายคนเหล่านี้ถ้าเข้าไปมีอำนาจก็จะไปถอนทุนคืน และเราจะได้รัฐบาลที่คอร์รัปชัน ผลร้ายจะตกกับประชาชน จากสะพานร้อยแห่งจะเหลือ 60 แห่ง โรงพยาบาลร้อยโรงก็จะเหลือ 60 โรง แล้วผลร้ายก็จะตกกับระบอบประชาธิปไตยด้วย

“การยึดอำนาจหลายครั้งที่ผ่านมา ถ้าไปดูสาเหตุ จะเห็นว่าเหตุผลหนึ่งที่อ้างกันก็คือ เนื่องจากมีการทุจริต คอร์รัปชันของรัฐบาลในขณะที่มีอำนาจอยู่ ดังนั้นการแลกคะแนนเสียงกับเงินไม่กี่ตังค์มันไม่คุ้มค่ากับความเสียหายต่อตนเอง และความเสียหายต่อประเทศที่จะเกิดขึ้น ผมคิดว่าหลายคนก็ตระหนักอยู่แล้ว แต่สิ่งเหล่านี้ต้องช่วยกันรณรงค์ในวงกว้างให้มากขึ้น” หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าว

ขณะที่นายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา และอดีตหัวหน้าพรรค ปชป. ลงพื้นที่ซอยสุขสวัสดิ์ 26 เขตราษฎร์บูรณะ พร้อมแกนนำเพื่อช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครพรรค โดยระบุว่า ตั้งใจที่จะใช้เวลาหาเสียงที่เหลือเพียง 1 เดือน ไปลงพื้นที่ให้ได้ทุกจังหวัด เพื่อขอคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครและพรรค ปชป. เพื่อให้พรรคได้มี ส.ส.เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากการลงพื้นที่ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชนหลากหลายกลุ่ม ซึ่งก็ได้ไปอธิบายนโยบายต่างๆ ของพรรคให้ประชาชนได้เข้าใจ เพราะหลายนโยบายของพรรคที่ประสบความสำเร็จมีอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องเบี้ยผู้สูงอายุที่ริเริ่มโดยพรรค และปัจจุบันทุกพรรคก็เห็นด้วยกับนโยบายสนับสนุนเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุให้มากขึ้น 

  ส่วนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรค พท.และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมแกนนำ ลงพื้นที่โรงแรมวังจันทร์ริเวอร์วิว อำเภอเมืองฯ จังหวัดพิษณุโลก เพื่อปราศรัยช่วยผู้สมัคร โดยมีโอกาสเดินทางไปหลายเขต ในภาคเหนือตอนล่าง พี่น้องประชาชนให้การตอบรับนโยบายของพรรคเพื่อไทยอย่างดียิ่ง ซึ่งตั้งแต่สมัคร ส.ส.ปี 2526 ยังไม่เคยเห็นประชาชนชื่นชอบนโยบายของพรรคการเมืองไหนมากเท่าพรรคเพื่อไทยขนาดนี้ ทำให้เรื่องแลนด์สไลด์ก็ไม่ใช่สิ่งที่พูดเล่น แต่จะเป็นจริงอย่างแน่นอน

 “พี่น้องประชาชนตอบรับนโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นจำนวนมาก โดยบางจังหวัดที่คิดว่าเป็นเมืองปิด แต่เมื่อไปสัมผัสแล้ว พบว่าพี่น้องประชาชนตอบรับอย่างล้นหลาม ทำให้มั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะได้ผู้แทนฯ ในภาคเหนือตอนล่างเพิ่มขึ้นเท่าตัว ซึ่งกลุ่มบ้านใหญ่แต่ละจังหวัดแทบจะหมดไป ทำให้คำว่าแลนด์สไลด์จะเกิดขึ้นจริง ดังนั้น จากนี้ มีเวลากว่า 1 เดือน ก็ได้เน้นย้ำกับผู้สมัคร อย่าประมาท ให้ลงพื้นที่ต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอนโยบายของพรรค และสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน”นายสมศักดิ์ระบุ

ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ลงพื้นที่แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม เพื่อแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส.และนโยบายของพรรค โดยระบุว่า ทสท.ไม่ได้มาเพื่อให้ตัวเองชนะ หรือมาเพื่อให้ได้อำนาจ แล้วแบ่งกันแสวงหาผลประโยชน์จากการทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร แต่พรรคไทยสร้างไทยมองเห็นปัญหา จึงมีความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะเข้ามาเพื่อสร้างชัยชนะให้ประชาชน เพราะประชาชนฝากความหวังขอให้ช่วยความทุกข์ยากแสนสาหัสของพี่น้องประชาชน คือความทุกข์ของพรรค ทสท.ซึ่งเราจะร่วมกันแบกความทุกข์ ยุติการเมือง 2 ขั้วที่ทำร้ายประเทศมากกว่า 17 ปี

“ไม่ว่าพรรคใดหรือขั้วไหนได้รับชัยชนะ ท้ายที่สุดผู้แพ้คือประชาชน สะท้อนให้เห็นจาก 17 ปีที่ผ่านมา พี่น้องคนไทยมีชีวิตที่ยากลำบาก เราต้องทำให้ประชาชนกลับมาชนะ ยุติการแย่งชิงอำนาจระหว่างสองขั้วซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งครั้งใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว และว่า จุดยืนของพรรคคือความเป็นประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ และไม่เอาพรรคการเมืองที่สร้างเงื่อนไขที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง ดังนั้นพรรคใหม่อย่าง ทสท.ที่มีคนมีประสบการณ์และหัวใจเดิม จะเป็นทางรอดให้กับประเทศอย่างแท้จริง เพราะ ทสท.ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของใคร.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง