ก้าวไกลคึกกระแสพุ่ง โวมาไกลเกินกว่าจะแพ้ ป้อมแบไต๋ร่วมทุกพรรค

โค้งท้ายเลือกตั้ง "บิ๊กตู่"  เดินสายหาเสียงถี่ยิบ "รทสช." เตรียมเปิดแคมเปญสื่อสาร ปชช.อีกชุด "บิ๊กป้อม" ควงดรีมทีมเศรษฐกิจสรุปนโยบาย พปชร.  ลั่นถ้าเป็นรัฐบาลทำทันทีทุกอย่าง เมินบางพรรคประกาศไม่จับมือล่วงหน้า บอก  "ใครไม่จับผมก็อยู่คนเดียว" ส่วน "เพื่อไทย" ลุยขอคะแนนคนระยอง-จันทบุรี "เศรษฐา" เหน็บพวกอิจฉาแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่น "ปชป." ขึ้นรถแห่อ้อนชาวนราธิวาส ประกาศไม่เอากัญชาเสรี  "พิธา" คึก! พร้อมเป็นนายกฯ มั่นใจกระแสก้าวไกลพุ่งของจริง

เมื่อวันที่ 4 พ.ค. มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ยังคงลงพื้นที่หาเสียงต่อเนื่องในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.นี้ โดยช่วงบ่ายวันที่ 5 พ.ค. มีกำหนดเดินทางไปพร้อมแกนนำพรรค รทสช. ลงพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ช่วยนายกุญชร มีสัมฤทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 6 และ น.ส.ไพลิน เทียนสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 7 สมุทรปราการ หาเสียง ทั้งที่อำเภอพระประแดงและอำเภอพระสมุทรเจดีย์ พร้อมทั้งเข้าสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดง และไปที่วัดสาขลา ตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ เพื่อสักการะหลวงพ่อโต และเยี่ยมชมพระปรางค์เก่าแก่ ซึ่งมีความโดดเด่นคือมีลักษณะเอียง ก่อนที่ช่วงเวลา 18.45 น. จะขึ้นเวทีปราศรัยย่อยที่บริเวณใต้สะพานพระราม 8 เขตบางพลัด เพื่อขอคะแนนเสียงชาวฝั่งธนบุรี

นอกจากนี้ ในวันที่ 7 พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์จะลงพื้นที่ภาคใต้หาเสียงที่จังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ ส่วนวันที่ 8 พ.ค. ลงหาเสียงที่จังหวัดนราธิวาส วันที่ 11 พ.ค. หาเสียงที่จังหวัดนครศรีธรรมราชอีกครั้ง ก่อนที่วันที่ 12 พ.ค. จัดปราศรัยใหญ่ปิดท้ายที่กรุงเทพฯ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่

นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายในการหาเสียงเลือกตั้งจะมีแคมเปญที่ทีมยุทธศาสตร์ของพรรคเตรียมไว้ เป็นการสื่อสารที่ตรงเป้าน่าสนใจ ยิ่งผลโพลที่ดูเหมือนว่าพรรค รทสช.อยู่อันดับ 3 อันดับ 4 ประชาชนทั้งประเทศก็ต้องช่วยกันพาพล.อ.ประยุทธ์ฝ่าผลโพลออกไปให้เป็นนายกฯ อีกครั้ง เพราะหากผลโพลเป็นไปตามที่ออกมานั้น ประเทศจะเดินหน้าลำบาก เพราะจะกลายเป็นว่าสิ่งที่ พล.อ. ประยุทธ์ทำมา 8 ปี ทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว จะไม่สามารถทำต่อได้ และจะเป็นปัญหาในอนาคต

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมดรีมทีมเศรษฐกิจของพรรค ประกอบด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค, นายอุตตม สาวนายน, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์, นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล, ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค  และนายคณิศ แสงสุพรรณ ร่วมกันแถลง “สรุปนโยบาย โค้งสุดท้าย สู่การเลือกตั้งเป็นรัฐบาล พลังประชารัฐ”

พล.อ.ประวิตรแถลงว่า อยากให้คนไทยมีความรักใคร่สามัคคีกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อทำให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง เมื่อประเทศมั่นคง ไม่มีขัดแย้งกันแล้วจะเกิดความสงบสุข รัฐบาลสามารถบริหารประเทศได้ ต่างประเทศจะมาลงทุนในประเทศไทย การค้าขายจะเจริญเติบโต การบริหารประเทศเป็นเรื่องของรัฐบาล เพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้ประชาชน

พปชร.โชว์นโยบาย ศก.

"เมื่อบริหารประเทศโดยไม่มีอะไรติดขัด ไม่มีหยุดยั้ง ไม่มีการเดินถนน จะทำให้ประเทศชาติสามารถเดินไปได้ บริหารประเทศไปได้ ประชาชนไม่ชอบหรือ ถ้าเราทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เงินในกระเป๋าท่านดีขึ้น รัฐบาลสามารถบริหารประเทศได้โดยไม่ติดขัด จึงอยากฝากประชาชนทุกคน ความเป็นหนึ่งเดียวนั้นมีความสำคัญมากที่จะสร้างความเจริญให้กับประเทศต่อไป" พล.อ.ประวิตรกล่าว

ส่วนนายอุตตมกล่าวว่า ภารกิจด่วนที่ต้องทำทันทีเมื่อ พปชร.ได้เป็นแกนนำรัฐบาล จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้น ต้องเร่งเศรษฐกิจให้โต เพราะเศรษฐกิจประเทศไทยโตต่ำกว่าศักยภาพมาหลายปี จะแก้ปัญหาความยากจนด้วยการกระตุ้น นอกจากนี้ ต้องลดค่าใช้จ่าย โดยเรื่องค่าใช้จ่ายพลังงาน พปชร.พร้อมจะแก้ไขทั้งระบบให้เกิดความเป็นธรรมในเรื่องราคา และเราจะแก้ไขภาระหนี้สินของประชาชนอย่างครบวงจร 

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ในเรื่องการสร้างความเข้มแข็งนั้น สิ่งแรกที่เราจะทำ คือ ใช้โครงสร้างกองทุนหมู่บ้าน จะดำเนินโครงการที่ พปชร.เคยทำมาแล้วในอดีต จะผลักดันกองทุนละ 2 แสนบาท ภายใต้งบประมาณ 1 แสนล้านบาท เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน ส่วนภาคเกษตร เราจะลดค่าใช้จ่ายคือ แก้ปัญหาปุ๋ยแพงทันที โดยโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง จัดตั้งกองทุนปุ๋ยประชารัฐ นอกจากนี้ จะให้ทุนการเพาะปลูก 3 หมื่นบาท ครอบคลุม 8 ล้านครัวเรือน

ขณะที่นายมิ่งขวัญกล่าวว่า เรามีปัญหาค่าครองชีพ ทุกคนเดือดร้อนกันหมด เริ่มจากน้ำมัน พปชร.จะลดราคาน้ำมันเบนซินลิตรละ 18 บาท ดีเซลลดลิตรละ 6.30 บาท ไม่ว่าน้ำมันโลกจะขึ้นหรือลง เมื่อ พปชร.ได้ขึ้นเป็นรัฐบาล จะทำทันที ส่วนเรื่องแก๊ส หลังวันเลือกตั้งถ้า พปชร.ได้ขึ้นมาบริหารจัดการ ราคาค่าไฟฟ้าครัวเรือนจะอยู่ที่ 250 บาทต่อหน่วย ค่าไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ 2.70 บาทต่อหน่วย พปชร.จะทำให้ค่าครองชีพลดลง

นางนฤมลกล่าวว่า พรรคจะต่อยอดสิ่งที่ พล.อ.ประวิตรทำเอาไว้ คือที่อยู่อาศัย  จะทำบ้านประชารัฐต่อไป โดยไม่ต้องใช้งบประมาณจากรัฐบาล แต่ใช้การร่วมทุนกับเอกชน ส่งเสริมอุตสาหกรรมดิจิทัล  ส่วนเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนนั้น จะใช้กลไกกองทุนธุรกิจเพื่อสังคม สามารถทำได้ทันที จะใช้เม็ดเงินระดมทุนจากตลาดทุนส่งเสริมให้เกิดธุรกิจเพื่อสังคม    

จากนั้น พล.อ.ประวิตรสรุปว่า ทีมเศรษฐกิจของ พปชร. ยืนยันได้ว่านโยบายที่ประกาศแล้ว ถ้าเป็นรัฐบาลเราจะทำทันทีทุกนโยบาย เราสามารถทำได้ อีกนโยบายที่ตนถือว่ามีความสำคัญคือ นโยบายการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เราจะต้องเอามารวมกัน ต้องมีการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดฟื้นฟู จะหางบประมาณก้อนหนึ่งเพื่อดำเนินการเรื่องนี้โดยเฉพาะ ขอยืนยันว่า ทุกนโยบายของ พปชร. จะทำทันทีถ้าเราได้เป็นรัฐบาล

พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมว่า จะว่าพร้อมก็พร้อมแล้ว แต่ประชาชนจะเลือก ถ้าเลือกตนก็พร้อม เมื่อถามว่าได้ดูกระแสตอบรับของพรรคในโซเชียลมีเดียบ้างหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ได้ดูเลย เมื่อถามว่ามองนโยบายภาพรวมแล้วมีความมั่นใจอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ถ้าไม่มั่นใจก็คงไม่ประกาศออกไป มั่นใจว่าเราทำได้ ถ้าเราได้เป็นรัฐบาลทำได้ทันที เมื่อถามว่า โค้งสุดท้ายจะมีอะไรมาตีตื้นคะแนนเป็นหมัดเด็ดหมัดน็อกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สื่อนั่นแหละ สื่อจะเลือกหรือเปล่า ถ้าคุณเลือกก็ได้ 

'ป้อม' เมินใครไม่จับมือ

ซักว่าหลายพรรคเริ่มมีการตีกันจะไม่จับขั้วรัฐบาล โดยระบุ พปชร.เป็นหนึ่งในพรรคที่จะไม่จับมือด้วย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ก็ไม่เป็นไร ใครไม่จับผมก็อยู่คนเดียว ถ้าได้ 300 กว่าเสียงแล้วจะไปจับกับใครล่ะ ก็ขึ้นอยู่กับประชาชน ปล่อยให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจเอาแล้วกันว่าจะเลือกใคร ถ้าเขาอยากพูดก็พูดกันไป เพราะอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชนเป็นหลัก ก็ต้องเชื่อมั่นในประชาชน ต้องไว้ใจประชาชนว่าเขาจะเลือกใคร"

ถามว่าผลโพลที่ออกมาขณะนี้แสดงว่าเชื่อไม่ได้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า โพลใครก็ทำได้ เป็นความคิดของคน ได้ไปถามทุกบ้านหรือเปล่า ถามทุกคนหรือเปล่า แล้วทุกคนตอบหรือเปล่า มันก็อย่างนี้แหละ โพลคือโพล เมื่อถามว่าจากการลงพื้นที่และได้สัมผัสประชาชนโดยตรง รวมถึงกระแส พปชร.ตอนนี้ จะทำให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ ก็แล้วแต่ประชาชน จะไปคิดข้างหน้าได้อย่างไร สื่อคิดก็ตอบเอาเองก็แล้วกัน เมื่อถามว่าจากการลงพื้นที่ เชื่อมั่นในประชาชนหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็เชื่อมั่น ตนลงพื้นที่มาตลอดทั้งปี พื้นที่เขาก็ต้อนรับตน ไม่เห็นมีใครมาด่าเลย

เมื่อถามว่า พปชร.และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะจับมือไปไหนไปกันใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ต้องดูตัวเลขหลังจากวันที่ 14 พ.ค.ก่อน เมื่อถามย้ำว่าพร้อมรับใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า พร้อมรับกับทุกพรรค ตนทำงานได้กับทุกพรรค ถ้าตัวเลขน้อยตนก็อยู่คนเดียว ถ้าตัวเลขมากก็อยู่คนเดียว เดี๋ยวไปดูว่าจะจับมือกับใคร ต้องดูแต่ละพรรค เมื่อถามอีกว่าพรรคก้าวไกลยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทุกพรรคอยู่ในตัวเลือกทั้งนั้น แต่ต้องดูนโยบายด้วย ไม่ใช่นโยบายไม่ถูกกันแล้วไปอยู่ด้วยกัน ก็ขัดกันเปล่าๆ

ที่หอประวัติเมืองแกลง อ.แกลง จ.ระยอง พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.ระยอง พรรค พท. ขึ้นขบวนรถแห่หาเสียงรอบตัวเมือง อ.แกลง ผ่านตลาดสามย่าน เพื่อขอคะแนนเสียงจากประชาชนในย่านดังกล่าว  ระหว่างทางคณะของพรรคเพื่อไทยได้พบกับคณะหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส.ระยอง เขต 3 พรรคไทยภักดี โดยผู้สมัครทั้งสองพรรคได้จับมือกันระหว่างหาเสียงด้วย

จ.จันทบุรี เวลา 17.00 น. พรรค พท.ได้ตั้งเวทีปราศรัยที่สนามสามเหลี่ยม ทุ่งนาเชย อ.เมืองจันทบุรี มีนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีพร้อมผู้สมัคร ส.ส.จันทบุรี พรรค พท. โดยนายเศรษฐากล่าวว่า ปัจจุบันนี้ค่าไฟแพง พล.อ.ประยุทธ์ประกาศจะแก้ปัญหาหากได้กลับมาใหม่ เชื่อว่ากลับมาก็ทำไม่ได้ เหตุการบ้านเมือง สภาพเศรษฐกิจ เกิดปัญหาอยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะนายกฯ ที่ชื่อประยุทธ์ และพรรครวมรัฐบาลไม่มีวิสัยทัศน์นำพาประเทศไทยไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะทำให้ประชาชนมีรายได้สุทธิเพิ่ม 3 เท่าตัว

"นโยบายเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทต่อทุกคนมีอายุ 16 ปี นโยบายนี้ออกมาทุกพรรคสะเทือน บอกว่าทำไม่ได้ ผิดกฎหมาย ที่ผ่านมาเราทำสำเร็จมาหมด ทำไมนโยบายนี้จะทำไม่ได้ ต้องมั่นใจ เชื่อใจนายกฯ จากเพื่อไทย เราจะทำให้ประชาชน ส่วนเจ้าของกิจการ ห้างร้าน เอสเอ็มอี เตรียมผลิตของ มีการจ้างงาน เตรียมรองรับได้เลย ไม่ต้องคอยหยอดน้ำข้าวต้มจากรัฐบาลปัจจุบันที่ให้ประชาชนมาแบขอทุกเดือน" นายเศรษฐากล่าว

ก้าวไกลพร้อมเป็นรัฐบาล

ด้านพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค, น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม., นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. ขึ้นรถแห่รอบเทศบาลเมืองนราธิวาส ช่วยหาเสียงให้กับนายวสันต์ ดือเร๊ะ ผู้สมัคร ส.ส. นราธิวาส เขต 1 เบอร์ 6 และมาเดินตลาดเก็นติ้งช่วยนายเมธี อรุณ ผู้สมัคร ส.ส. นราธิวาส เขต 2 เบอร์ 1 หาเสียง พร้อมขึ้นรถแห่ขอคะแนนในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ปราศรัยที่หน้าสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก และอำเภอตากใบ จ.นราธิวาส

น.ส.วทันยากล่าวว่า พรรค ปชป.มีจุดยืนชัดเจนเรื่องการไม่สนับสนุนกัญชาเสรี เพราะเราจัดทำนโยบายที่คำนึงถึงอนาคตลูกหลาน ไม่ใช่ทำนโยบายฉาบฉวยที่หวังแค่คะแนนเสียง ขณะที่บางพรรคการเมืองทำนโยบายประชานิยมเพื่อหาเสียง บอกจะแจกเงินให้ประชาชน แต่สุดท้ายก็จะกลายเป็นหนี้สาธารณะของประชาชน ส่วนพรรค ปชป. เราจะใช้งบประมาณที่จำกัดให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ด้วยการมีนโยบายธนาคารชุมชน-หมู่บ้าน เพื่อเป็นการสร้างรายได้ สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ และกระจายรายได้

ส่วนนายชวนกล่าวว่า ในช่วงรัฐบาลทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนใต้ไม่ได้รับโครงการพัฒนาพื้นที่เท่าที่ควร และในยุค พล.อ.ประยุทธ์ ตนก็ทำหนังสือขอทวงคืนการสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้ภาคใต้ไปหลายฉบับ เพื่อขอให้เร่งปรับปรุงถนนสายใต้ใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกเวลาที่เกิดน้ำท่วมเส้นทางหลัก แต่จนยุบสภาก็ยังไม่ได้ทำ

"ถ้าเลือกคนดี คนสุจริต บ้านเมืองก็จะไปดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง พรรคปชป.อยู่กับคนไทยมาตลอด 77 ปี ไม่โกง ไม่กิน ไม่สิ้นชาติ ขอให้ประชาชนทุกคนร่วมกันปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ถ้าเราเลือกคนโกงก็ได้รัฐบาลโกง ระบอบนี้ต้องอาศัยความสำคัญของประชาชนที่ตระหนักถึงการเลือกตั้ง" นายชวนกล่าว

ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค และผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่พบประชาชน แจกเรียงเบอร์ 400 ผู้สมัครเขตก้าวไกล และเปิดตัวป้ายหาเสียงชุดสุดท้ายแบบเทคโนโลยี 3 มิติ (AR) โดยมีบรรดาแฟนคลับรอให้การต้อนรับอย่างคึกคัก

นายพิธากล่าวถึงกรณีนิด้าโพลครั้งที่ 3 ระบุประชาชนสนับสนุนให้เป็นนายกฯ ว่า เราพร้อมมากขึ้นเรื่อยๆ และไต่ระดับขึ้นอย่างที่เห็น เราจะไม่แผ่ว และไม่กะพริบสายตาในช่วงโค้งสุดท้าย เราขอบคุณประชาชนและทีมงานพรรคก้าวไกล ผู้สมัคร ส.ส. ที่ตั้งใจทำงาน ทำให้โพลคะแนนขึ้น เรามาไกลเกินกว่าจะแพ้แล้ว เราจะแผ่วไม่ได้ และไม่ประมาท ต้องลงพื้นที่ให้เต็มที่และมากขึ้นกว่าเดิม

ถามว่า มั่นใจว่าพรรคจะได้ ส.ส.ถึง 160 ที่นั่งหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า มั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ และเราตั้งใจจะให้เป็นเช่นนั้น เพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เรามาไกลจนถึงขนาดนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ การวางแผน การเตรียมตัว และความชัดเจนในจุดยืนทางการเมือง มีลุง ไม่มีเรา ความพร้อมของนโยบาย ทั้ง 300 นโยบาย และร่างกฎหมาย 45 ฉบับ และผู้สมัคร ส.ส.ที่ทำงานมาอย่างหนัก ทำให้เราพร้อมบริหารประเทศในฐานะรัฐบาลก้าวไกล

เมื่อถามถึงกรณีบางพรรคฝั่งรัฐบาลบอกว่ากระแสความนิยมของก้าวไกลในโซเชียลที่พุ่งขึ้นนั้นคือไอโอ นายพิธา กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าเป็นกระแสในโซเชียลอย่างเดียวหรือไม่ เพราะเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ที่หาดบางแสน อ.เมืองฯ จ.ชลบุรี จะเห็นประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลง เพราะให้การตอบรับที่ดี และยังพูดถึงปัญหาความเดือดร้อนของแต่ละคน โดยส่งผ่านมาเป็นจดหมายจำนวนมาก จะเห็นว่าการเมืองไม่ใช่เรื่องของตนของพรรคก้าวไกล หรืออยู่บนโซเชียลอย่างเดียว

"มั่นใจว่ากระแสความนิยมไม่ใช่เรื่องของโพลอย่างเดียว ไม่ใช่เรื่องในกระแสโซเชียลอย่างเดียว แต่เป็นความรู้สึกที่ต้องการมีความหวังของประชาชนจากทุกตารางนิ้ว และจากการเปิดเวทีปราศรัยทั้งสามย่านมิตรทาวน์ และในหลายๆ จังหวัด ไม่ได้เป็นไอโอ และไม่ใช่ประชาชนที่อยู่ในโซเชียล ดังนั้นจึงอย่าด้อยค่าประชาชน" นายพิธากล่าว

ขณะที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่บริเวณตลาดสดบางลำภู เขตเทศบาลนครขอนแก่น ช่วยผู้สมัครของพรรคหาเสียง โดยนายธนาธรย้ำให้คนขอนแก่นมั่นใจว่าครั้งนี้จะไม่มีงูเห่าแน่นอน เพราะทางพรรคมั่นใจเลือกคนนี้ปราบงูเห่า และไม่มีทางทรยศประชาชนอย่างแน่นอน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

วุ่น!ส่อรื้อระเบียบเลือกสว.

ระเบียบแนะนำตัว สว.ส่อวุ่น! ตุลาการศาล ปค.ผู้แถลงคดีเสนอองค์คณะเพิกถอน 5 ปมแนะนำตัว แจกเอกสารได้เฉพาะในกลุ่มไม่เกิน 2 หน้า