ยังไม่เห็นขุมทรัพย์พิธา ปปช.ส่อยืดเวลาให้อีก!

กรุงเทพฯ ๐ เลขาฯ ป.ป.ช.เผยยังไร้วี่แวว “พิธา” ยื่นทรัพย์สินขาออก แต่อาจส่ง ไปรษณีย์-ยื่นผ่านเว็บ รอเจ้าหน้าที่รายงาน "พิชาย" ฟันธงกรณีหุ้นไอทีวีจบแล้ว "พิธา" เป็นผู้จัดการมรดก ไม่ใช่เจ้าของหุ้น เชื่อไม่มีใครกล้าเสี่ยงเอาเรื่องนี้ไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญอีก

     จากกรณีเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2566 ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และเลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยรายงานสรุปผลการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวนคดี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรทราบ กรณีไม่แสดงว่ามีนาฬิกาข้อมือและแหวนประดับหลายรายการของ ป.ป.ช. กับคำชี้แจงของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในคดีดังกล่าว ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย ให้แก่นายพงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์ บรรณาธิการอาวุโส สำนักข่าว The Matter ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษานั้น

     ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า อยู่ระหว่างรอคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดส่งมาถึง ป.ป.ช.อย่างเป็นทางการ เพื่อดูในรายละเอียดว่ามีคำสั่งให้เปิดเผยอะไรบ้าง  จากนั้นก็จะมีการนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งเป็นขั้นตอนตามปกติ

     นายนิวัติไชยกล่าวว่า เบื้องต้นในรายละเอียดต่างๆ คิดว่าไม่น่าจะแตกต่างจากที่เคยสั่งให้เปิดเผยครั้งที่ผ่านมา ส่วนจะมีข้อจำกัดบางอย่างที่ทำให้ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดบางเรื่องได้ เนื่องอาจจะกระทบบุคคลอื่นหรือไม่นั้น ตนก็ยังตอบไม่ได้ ต้องขอดูรายละเอียดก่อน และจะเปิดเผยอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ก็อยู่ที่ดุลพินิจของคณะกรรมการ ป.ป.ช.

     ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อมูลอัปเดตการยื่นรายการทรัพย์สินของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เนื่องจากจะครบกำหนดขอขยายเวลายื่นในวันที่ 18 มิ.ย. นี้ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ นายนิวัติไชย กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลจนถึงเมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ยังไม่พบว่ามีการยื่นรายการทรัพย์สินของนายพิธาเข้ามายัง ป.ป.ช. และไม่มีการประสานงานเข้ามาว่าจะขอขยายเวลาหรือไม่

     "ผมไม่แน่ใจว่ามีการส่งเอกสารทางไปรษณีย์ และอยู่ระหว่างเอกสารกำลังเดินทางหรือไม่ หรืออีกทางหนึ่งจะยื่นทางอิเล็กทรอนิกส์หรือไม่นั้น ผมก็ยังไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้เปิดเข้าไปในระบบ และยังไม่ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่"

ถ้าไม่ยื่นออกหนังสือเตือน

     นายนิวัติไชยกล่าวเพิ่มเติมว่า หากหลังวันที่ 18 มิ.ย.ไปแล้วนายพิธายังไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินเข้ามา ป.ป.ช.จะมีหนังสือเตือนไปอีกครั้งให้รีบมายื่นบัญชีทรัพย์สิน ไม่ได้หมายความว่าจะมีความผิดฐานหลีกเลี่ยงหรือปกปิดบัญชีทรัพย์สินแล้ว แต่ถ้ามีหนังสือเตือนไปแล้วก็ยังไม่มายื่นอีก ค่อยมาพิจารณาดูเจตนาอีกครั้งว่าจงใจหลีกเลี่ยงการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินหรือไม่ 

     ผู้สื่อข่าวถามว่า นายพิธาสามารถยื่นขอขยายเวลาส่งบัญชีทรัพย์สินได้อีกครั้งหรือไม่ หลังจากก่อนหน้านี้ยื่นขอขยายเวลามาแล้วรอบหนึ่ง และจะครบกำหนดวันที่ 18 มิ.ย.นี้ นายนิวัติไชยตอบว่า ตามกฎหมายสามารถทำได้ แม้จะยื่นขยายเวลามาแล้วรอบหนึ่ง แต่ต้องเป็นเหตุสุดวิสัย มีความจำเป็นจริงๆ จึงเลื่อนได้ และต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ป.ป.ช.จะอนุญาตให้ขยายเวลายื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นครั้งที่ 2 หรือไม่

     ด้าน รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์เฟซบุ๊กโดยมีเนื้อหาดังนี้ คดีหุ้น itv จบแล้ว

     1.นายพิธา เป็นผู้จัดการมรดก หุ้น itv เป็นของกองมรดก ไม่ใช่ของนายพิธา แม้ว่านายพิธาเป็นหนึ่งในทายาท แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้แบ่งมรดกส่วนนี้ให้ใคร ก็หมายความว่ายังไม่มีทายาทคนใดเป็นเจ้าของหุ้นนี้ ดังนั้นที่ผ่านมาจะถือว่านายพิธาครอบครองหุ้นไม่ได้ (ปัจจุบันหุ้นส่วนนี้ได้โอนให้ทายาทคนอื่นไปแล้ว)

     2.แม้อาจมีใครที่ตีความว่านายพิธา ถือหุ้นสื่อ และส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญก็อาจยกคำร้องด้วยเหตุผลในข้อ 1 เพราะบรรทัดฐานของคดีปกครองและคดีรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา มีความสอดคล้องกัน ดังนี้

     “การที่จะพิจารณาว่า บุคคลใดเป็นหรือเคยเป็นกรรมการ หรือผู้ถือหุ้น ในบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านกิจการกระจายเสียงหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาตรวจสอบตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ปรากฏว่า บริษัทได้ประกอบกิจการจริงหรือไม่ มิใช่พิจารณาเพียงวัตถุประสงค์ของบริษัทเท่านั้น”

     ศาลรัฐธรรมนูญในเดือนตุลาคม 2563 ก็พิพากษากรณีถือหุ้นสื่อของ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม.เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ ตามแนวนี้

     และในคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.963/2565 (ประชุมใหญ่) ระบุชัดว่า “การพิจารณาวัตถุประสงค์ของบริษัทตามที่ระบุไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิแต่เพียงอย่างเดียว แล้วมีมติว่า บริษัทดังกล่าวได้ประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานอื่นใดที่แสดงให้เห็นว่าบริษัทดังกล่าวได้ประกอบกิจการโทรคมนาคม กรณีจึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

สรุป 'พิธา' ก็จะรอด

     3.ล่าสุดในเดือนพฤษภาคม 2566 กรณีถือหุ้นสื่อของนายชาญชัย ผู้สมัคร ส.ส. จ.นครนายก พรรค ปชป. ศาลฎีกาก็ใช้แนวทางนี้ และยังได้นำเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาร่วมวินิจฉัยด้วย นั่นคือหากถือหุ้นในสัดส่วนน้อย จะไม่สามารถครอบงำสื่อได้ จึงคืนสิทธิการสมัคร ส.ส.แก่นายชาญชัย

     4.ด้วยข้อเท็จจริงเหล่านี้ จึงทำให้ขบวนการสกัดนายพิธา พยายามที่จะรื้อฟื้นความเป็นสื่อแก่ itv โดยหวังว่าจะเพิ่มน้ำหนักแก่ข้อกล่าวหา แต่ก็ถูกเปิดโปงเสียก่อน จนทำให้หลักฐานที่พยายามสร้างเพื่อแสดงความเป็นสื่อของ itv สูญสิ้นความน่าเชื่อถืออย่างสิ้นเชิง

     5.และถึงแม้ว่าจะรื้อฟื้นความเป็นสื่อได้ ก็ยังต้องเจอกับคำตัดสินล่าสุดของศาลฎีกาที่ยึดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพราะหุ้นที่อ้างว่านายพิธาถือครองนั้นมีสัดส่วนเพียงประมาณ 0.0035% เท่านั้น ซึ่งไม่สามารถมีอิทธิพลใดๆ ต่อการครอบงำไอทีวีแต่อย่างใด

     6.สรุปนายพิธาก็จะรอด เพราะ 1) นายพิธาเป็นผู้จัดการมรดก ไม่ได้ครอบครองหุ้น ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 2) ตามข้อเท็จจริง ไอทีวีก็ไม่ถือว่าเป็นสื่อแล้วตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา 3) สัดส่วนหุ้นที่ก็น้อยมาก ซึ่งไม่สามารถครอบงำได้ คดีหุ้นสื่อ ไอทีวีจึงจบลงด้วยประการฉะนี้ คาดว่า กกต.คงจะยุติการดำเนินการตามมาตรา 151 ในไม่ช้า

     และคาดว่าคงไม่มีใครกล้าเสี่ยงเอาเรื่องนี้ไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญอีก ไม่ว่าจะเป็น กกต. หรือ ส.ส. เพราะหากยื่นอาจเข้าข่ายการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และหากนำเอกสารที่พยายามรื้อฟื้นความเป็นสื่อให้แก่ไอทีวียื่นเป็นหลักฐานต่อศาล อาจจะต้องเผชิญความเสี่ยงต่อการถูกฟ้องกลับตามมาตรา 143 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และดีไม่ดีต้องจบชีวิตในคุก

     ส่วนคนที่ใช้กฎหมายอาญา มาตรา 157 เพื่อขู่ให้ กกต. ยื่นเรื่องก็รอดตัวไป เพราะได้โยนเผือกร้อนไปให้ กกต.ไปแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โยนรบ.ปลดล็อกม.112 กมธ.นิรโทษฯชง3ข้อเสนอทะลุฟ้า/ก.ก.ย้ำสิทธิประกันตัว

"กลุ่มทะลุฟ้า" บุกทำเนียบฯ-รัฐสภา ร้องรัฐบาลตรวจสาเหตุ  "บุ้ง" เสียชีวิตให้โปร่งใส จี้คืนสิทธิประกันตัวผู้ต้องหาคดีการเมือง