เตรียมพัฒน์ยํ้า‘หยก’คนนอก

ไทยโพสต์ ๐ เตรียมพัฒน์ออกประกาศฉบับที่ 2 ย้ำ "หยก" ไม่ใช่นักเรียนของโรงเรียนแล้ว แนะยังมีสถานศึกษาอื่นที่สามารถดูแลได้อย่างเหมาะสม! "โรม" ปัด ก้าวไกลเอี่ยวเบื้องหลัง เชื่อหยกตัดสินใจเอง 100% แนะทางออก หารือบนพื้นฐานการคุยที่เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ "ชัยวุฒิ"  ขิงจัดโพสต์ภาพลูกสาวที่อยู่ในชุดยูนิฟอร์มนักเรียน ระบุมีความสุขทุกครั้งที่เห็นลูกใส่ชุดนี้

     เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2566 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ออกประกาศเพิ่มเติมกรณีนางสาวธนลภย์  ผลัญชัย (ฉบับที่ 2) ระบุว่า ตามที่คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ได้ออกแถลงการณ์กรณีนางสาวธนลภย์ ผลัญชัย ลงวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ.2566 ต่อมาได้มีข่าวออกทางสื่อสังคมต่างๆ ว่าถูกโรงเรียนไล่ออกนั้น คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 6 สมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สมาคมนักเรียนเก่าเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ชมรมครูเก่าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ  เครือข่ายผู้ปกครองโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ และสภานักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ขอแถลงการณ์ ดังนี้

     1.นางสาวธนลภย์ ผลัญชัย ไม่มีสภาพการเป็นนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ เนื่องจากการมอบตัวไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในการมอบตัวตามประกาศการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2566 ที่กำหนดให้นักเรียนทุกคนต้องมามอบตัวที่โรงเรียนพร้อมกับผู้ปกครอง (ผู้ปกครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 อันเป็นเงื่อนไขสำคัญตามระเบียบและแนวปฏิบัติในการมอบตัว ซึ่งนำมาใช้กับนักเรียนทุกคน ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ในวันที่ 10 มิถุนายน 2566 ระบบจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคล (DATA  MANAGEMENT CENTER : DMC) ของกระทรวงศึกษาธิการ จึงไม่มีฐานข้อมูลนักเรียนของนางสาวธนลภย์ ผลัญชัย ในระบบตั้งแต่ต้น

     2.สิทธิในการศึกษาต่อของนางสาวธนลภย์ ผลัญชัย ยังมีหน่วยงานทางการศึกษาอื่นที่สามารถดูแลการเรียนต่อให้เหมาะสมตามความต้องการได้

     3.จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อความไม่ปลอดภัยในการดำเนินชีวิตของนักเรียน ครู บุคลากร และผู้ปกครอง รวมทั้งอาคารสถานที่และทรัพย์สินอื่นๆ ของโรงเรียน จึงจำเป็นต้องดำเนินการตามมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

     จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน  ประกาศ ณ วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ.2566 ลงชื่อ นางสาวจินตนา ศรีสารคาม ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ

ปฏิเสธก้าวไกลอยู่เบื้องหลัง

     นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษ​ณ์กรณีการกระทำของ น.ส.ธนลภย์ หรือ หยก วัย 15 ปี ที่หลายฝ่ายมองว่าเบื้องหลังเกิดจากฝ่ายการเมืองที่ทำให้เกิดปัญหา และพุ่งเป้าไปที่พรรคก้าวไกลว่า  ตอนนี้อะไรก็พรรคก้าวไกล ซึ่งตนมองว่า เป็นการตัดสินใจของตัวน้องเอง และทุกการตัดสินใจไม่มีใครอยู่เบื้องหลังทั้งนั้น  เพราะในวันนี้ทุกคนก็รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เขาอยากจะทำ อะไรคือสิ่งที่เขาไม่อยากจะทำ เขาอยากจะตัดสินใจแบบไหน

     "อย่าใช้กรณีนี้มาบอกว่าพรรคก้าวไกลอยู่เบื้องหลังเลย เพราะไม่ได้ส่งผลดีต่อใครทั้งนั้น เชื่อว่าน้องหยก การตัดสินใจของเขามาจากตัวเขาเอง 100%"

     ส่วนพรรคก้าวไกลจะมีการส่งทีมการศึกษาลงพื้นที่เชิงรุกเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่ นายรังสิมันต์บอกว่า ยังไม่ได้คุยกับทีมการศึกษาว่าสุดท้ายจะมีอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ แต่เบื้องต้นมองว่าการจัดการที่ดีที่สุดคือการพูดคุยกัน มองว่าไม่มีทางเห็นตรงกัน 100%

     "การไปเอาเขาออก พูดกันตรงๆ เอาง่ายๆ เลยนะ พี่น้องสื่อมวลชน อัตราการเกิดมันน้อย Infrastructure หรือห้องเรียน หรือโรงเรียนออกแบบมาไม่ใช่สำหรับคนจำนวนเท่านี้นะ แต่วันนี้ยังมีคนที่อยู่นอกระบบการศึกษาหรือเข้าไม่ถึงการศึกษา  แสดงว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นใครก็ตามที่อยู่ในการศึกษาอยู่แล้วอย่าผลักเขาออก  แล้วใช้วิธีการพูดคุยกันทำความเข้าใจกัน"

     เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ทางพรรคก้าวไกลจะส่งตัวแทนไปประสานระหว่างผู้อำนวยการโรงเรียนกับทางน้องหยก นายรังสิมันต์ตอบว่า เดี๋ยวคงต้องคุย  แต่ยืนยันว่าเราไม่เข้าไปแทรกแซงข้าราชการ เพราะเราทำแบบนั้นไม่ได้ และคงต้องคุยว่า จุดไหนที่มันจะสามารถเป็นไปได้ บนพื้นฐานการคุยที่เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ แต่เบื้องต้นตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับทีมการศึกษา ซึ่งหากพูดคุยกันแล้วคงจะมีการชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง

     ด้านนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้โพสต์ภาพลูกสาวที่อยู่ในชุดยูนิฟอร์มนักเรียน  ผ่านเฟซบุ๊ก รมว.ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์  พร้อมข้อความระบุว่า  "มีความสุขทุกครั้งที่เห็นลูกใส่ชุดนี้ อยากให้หนูเป็นเด็กดี มีความรู้ เเละสามารถอยู่ร่วมกับทุกคนในสังคมได้อย่างมีความสุข ป.ล. ปีนรั้วเข้าโรงเรียนผมไม่ห่วงครับ ผมห่วงเด็กปีนรั้วออกครับ"

สิทธินักเรียนไทย

     ส่วนทวิตเตอร์ @NuttaaBow ของ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ นักกิจกรรมทางการเมือง ได้โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ระบุว่า ส่วนหนึ่งของสิทธินักเรียนไทย ตามที่ปรากฏในเว็บ UNICEF

     "นักเรียนมีสิทธิที่จะแสดงออกในโรงเรียน และมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นในโลกโซเชียลมีเดีย ตราบเท่าที่การกระทำนั้นๆ ไม่กระทบต่อสิทธิของผู้อื่น หรือขัดแย้งกับกฎระเบียบของโรงเรียน ซึ่งเป็นไปตามกฎกระทรวงศึกษาธิการ"

     ขณะที่นายวิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก โต้แย้งความเห็นนางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยมีเนื้อหาดังนี้ "อำนาจนิยม"  ก่อนป้าจะแสดงความเห็นและยกเอา "กฎ" ระดับอินเตอร์มาอ้างนั้น.. ก่อนอื่นป้าต้องเข้าใจความหมายของคำว่า "ปฏิเสธ" กับคำว่า ​"ต่อต้าน-บ่อนทำลาย" ก่อนว่าแตกต่างกันอย่างไร

     ถ้าใครจะปฏิเสธไม่เรียนก็ลาออกไป​ จะไปทำมาหากินหรือทำอะไรก็ไม่มีใคร ​"บังคับ​ กดขี่ ปิดกั้น​ กดทับ" (คำของสามกีบ)​ ยกเว้นต้องเรียน​ "การศึกษาภาคบังคับ" เพื่อให้พลเมืองมีความรู้พื้นฐาน​ อ่านออกเขียนได้​ ที่จะดำเนินชีวิตในสังคมได้​ตามปรกติ​ และ/หรือศึกษาหาความรู้ต่อไปด้วยตนเอง โดยไม่ต้องเรียนในห้องสี่เหลี่ยมก็ได้​ และจะช่วยให้​ "พลเมือง" มีความหมาย​ "กำลังของเมือง" จริงตามคำ

หยกไม่ได้ ​"ปฏิเสธ" แต่เธอต่อต้าน​ ก่อกวน​ บ่อนทำลาย​ สิ่งที่เธอเรียกว่า​ "กฎอำนาจนิยม" อย่างมีเป้าหมายทางการเมือง ถ้าเธอลาออกจึงเรียกได้ว่าปฏิเสธ​

     ป้าไม่ต้องย​ก "กฎของยูเอ็น" มาใช้เพื่อช่วยหยกและรับใช้การเมืองแบบของตนหรอก​ เพราะหยกต่อต้านกฎระเบียบของพวกอำนาจนิยม​ ยูเอ็นนั้นโคตรเจ้าพ่ออำนาจนิยมเลย​ และ "ยูเอ็นไม่ใช่พ่อ" ลองถามโทนี่ดูได้!

     หยกนั้นกำลังใช้​ "อำนาจ" ของตนและฝ่ายตนต่อต้าน​ ก่อกวน​ บ่อนทำลายฝ่ายตรงข้ามกับฝ่ายของเธอ​ แต่เธอไม่รู้ตัวว่าเธอกำลังใช้อำนาจและใช้แบบอันธพาลอย่างที่ฝ่ายเธอถนัด

     ป้าต้องรู้ว่าสิ่งที่หยกและฝ่ายของหยกกำลังทำนั้นเป็น "อำนาจนิยมยิ่งกว่า​" เพราะไม่เคารพสิทธิและเสรีภาพของใครและองค์กรใด จนจะกลายเป็นอำนาจนิยมของพวกอนาธิปไตยไปแล้ว.