‘กรณ์’ทิ้ง‘ชพก.’/พรรคแห่ปรับตัว

“กรณ์-วรวุฒิ” จับมือโบกมือลาชาติพัฒนากล้าแสดงสปิริตได้ ส.ส.ต่ำเป้า ชพก.เตรียมหารืออาจกลับมาใช้ชื่อเดิม “ปชป.” ปัดข่าวทาบมานั่งหัวหน้าพรรค นิพนธ์หนุนแนวคิดมาร์คพรรคต้องเน้นเอกภาพก่อนเรื่องตัวบุคคล “นพดล” ชงถอดบทเรียนแลนด์สไลด์ล้มเหลวให้ผู้บริหารพรรคเพื่อแก้ไขแล้ว รทสช.ตอกย้ำ “บิ๊กตู่” ยังเป็นเสาหลัก

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 มิ.ย.2566 มีความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะการปรับตัวหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศรับรองการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างเป็นทางการ และให้มีการรายงานตัวต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว  โดยนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ได้เข้าพบ และยื่นจดหมายนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรค ชพก. เพื่อขอบคุณในความไว้วางใจที่ได้มอบให้ พร้อมกับแจ้งลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค

 “ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคน ทุกคะแนนเสียงที่ได้สนับสนุนแนวคิดทางการเมืองของพวกเรา ผมจะสนับสนุนนโยบายทั้งหมดที่เราได้นำเสนอในสถานะประชาชนคนหนึ่งต่อไป ตลอดช่วง 18 ปีที่ผ่านมา รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสรับใช้ประชาชนและประเทศที่รักในฐานะนักการเมืองคนหนึ่งที่มาจากการเลือกตั้ง ขอขอบคุณทุกๆ คนที่ช่วยผมทำภารกิจนี้มานับแต่ปี 2548 บ้านเมืองเรายังมีปัญหาอีกมากมายรอการแก้ไข ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนนักการเมืองจากทุกพรรค และขอให้กำลังใจเป็นพิเศษแก่นักการเมืองที่กำลังเริ่มทำงานในสภาเป็นครั้งแรก อย่าให้ความต้องการเอาชนะครอบงำจิตใจและการแสดงออกของท่านจนเกินไป ทำงานด้วยการสร้างพลังบวกร่วมกันในสังคมให้ได้ ผมจะคอยเป็นกำลังใจ” นายกรณ์โพสต์ไว้

ต่อมา นายวรวุฒิ อุ่นใจ อดีตรองหัวหน้า ชพก. ได้แชร์โพสต์นายกรณ์มาที่เฟซบุ๊กของตัวเอง พร้อมระบุว่า นายกรณ์ได้ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคแล้ว ในฐานะรองหัวหน้าพรรคก็ลาออกด้วยเช่นกัน และคงทำบทบาทในฐานะผู้สนับสนุนธุรกิจ SME และผู้ประกอบการไทยในบทบาทของนักธุรกิจเอกชนแบบที่ทำมาตลอดชีวิต ขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุน

รายงานข่าวจากพรรค ชพก.แจ้งว่า การลาออกของนายกรณ์ไม่ได้มีการทะเลาะเบาะแว้ง มีการพูดคุยกันดีโดยได้แจ้งพรรคแล้ว ซึ่งเหตุผลของการลาออกมาจากผลการเลือกตั้งที่ไม่ได้เป็นไปตามเป้าเดิมที่จะพา ส.ส.พรรคไม่ต่ำกว่า 10 ที่นั่ง ซึ่งถือว่าพลาดเป้าไปมาก ดังนั้นการลาออกถือเป็นการแสดงสปิริต โดยคาดว่าสัปดาห์หน้าพรรคจะประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ รวมถึงพิจารณาแนวทางที่จะเปลี่ยนชื่อพรรคกลับมาเป็นพรรคชาติพัฒนาเหมือนเดิมหรือไม่ด้วย

ขณะที่นายชัยชนะ เดชเดโช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการเลือกหัวหน้าพรรค ปชป.ในวันที่ 9 ก.ค. ยืนยันว่า ยังไม่มีการทาบทามนายกรณ์มาเป็นหัวหน้าพรรค ปชป. และขอฝากถึงผู้ที่ปล่อยข่าว ว่ารอบหน้าขอให้มีข้อมูลชัดเจนมากกว่านี้ เนื่องจากการที่เลือกตั้งหัวหน้าพรรคไม่จำเป็นต้องทาบทามใคร คนไหนที่มีคุณสมบัติครบ และมีความประสงค์ก็สามารถลงสมัครได้ทุกคน โดย ส.ส.ยังไม่มีการคุยกันว่าใครเหมาะสมเป็นหัวหน้าพรรค เพราะบุคคลที่เป็นข่าวก็ยังไม่ยืนยันว่าสนใจที่จะสมัครจริงหรือไม่ จึงยังไม่มีการพูดคุยในกลุ่ม ส.ส. และช่วงนี้เป็นช่วงที่ ส.ส.ทั้ง 25 คนอยู่ต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่

ถามถึงกระแสข่าวผลักดันนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา และรักษาการรองหัวหน้านั้น นายชัยชนะ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงยังไม่ใช่ทั้งนั้น เจ้าตัวยังไม่มีใครยืนยันสักคนเดียวว่าจะลงสมัคร คนที่พยายามให้ข่าวว่าล็อกสเปก หรือทาบทามคนโน้นคนนี้ คนที่รักพรรคประชาธิปัตย์จริงๆ ต้องให้ข่าวด้านบวกของพรรค อย่าให้ข่าวเพียงแต่หวังแค่เรื่องตัวเอง แบบนี้ไม่ได้ ยืนยันว่าวันนี้ถ้าทุกคนบอกว่ารักพรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องช่วยกัน ต้องมีความเป็นเอกภาพ ต้องมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน และต้องไม่ใส่ร้ายป้ายสีใคร

เมื่อถามว่า ในสายตาใครสามารถฟื้นฟูพรรค ปชป.ได้ นายชัยชนะกล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เนื่องจากในวันนี้บุคคลที่บอกว่าลงสมัคร ยังไม่มีใครพร้อมที่จะลงสมัคร ส่วนการฟื้นฟูพรรคนั้น ก็ต้องรีแบรนด์ตัวเองทุกด้าน ต้องเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคปัจจุบัน สิ่งไหนที่ในอดีตมีไว้ก็นำมาปรับปรุงให้เข้ากับยุคปัจจุบัน และไม่ใช่แต่พรรค ปชป. ทุกพรรคการเมืองต้องเปลี่ยนแปลงทั้งหมด

นายนิพนธ์ บุญญามณี รักษาการรองหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวว่า แนวทางของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ปชป. ที่เสนอจะทำให้พรรคเดินไปข้างหน้าได้ การสร้างเอกภาพภายในพรรคเป็นสิ่งจำเป็น จึงเห็นด้วยกับแนวทางของนายอภิสิทธิ์ ถ้าไม่มีเอกภาพเรามีบทเรียนมาหลายครั้งแล้ว ก่อนจะพูดถึงเรื่องตัวบุคคล ในพรรควันนี้ต้องคุยกันว่าถ้ามันไม่มีเอกภาพจะเดินไปข้างหน้าลำบาก

เมื่อถามถึงการวิเคราะห์ว่ากลุ่มของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค ยังกุมความได้เปรียบเรื่องเสียงโหวตตามข้อบังคับพรรค ปชป.อยู่ที่ 70 ต่อ 30 นายนิพนธ์ตอบว่า ปชป.ไม่ใช่ฝั่งของใคร ทุกคนเป็นประชาธิปัตย์ และเชื่อมั่นใน ปชป. คิดว่าทุกคนคิดถึงอนาคตของพรรคเป็นหลัก ตัวบุคคลเรามาแล้วก็ไป แต่พรรคต้องอยู่  ตัวบุคคลเราเปลี่ยนมาเยอะหลายยุคแล้ว

นายนพดล ปัทมะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะทำงานถอดบทเรียนการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาของพรรค กล่าวว่า คณะทำงานได้รับฟังความเห็นจากผู้สมัครของพรรคทั่วประเทศ นักวิชาการและสื่อมวลชน และได้ประมวลความเห็นเบื้องต้นเสนอหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยสาเหตุที่พรรคไม่ชนะแลนด์สไลด์นั้นมาจากหลายปัจจัย และอาจแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ซึ่งการถอดบทเรียนไม่ได้มุ่งชี้นิ้วโทษกัน แต่ต้องการข้อมูลเพื่อวิเคราะห์แนวทางที่พรรคจะปรับปรุงการทำงาน

 “ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกำหนดยุทธศาสตร์ใหญ่ในการเลือกตั้ง การจัดทำและนำเสนอนโยบาย ความสำคัญของการสื่อสารทางโซเชียลมีเดีย การคัดเลือกผู้สมัคร การดีเบตตามเวทีต่างๆ รวมทั้งการจัดเวทีปราศรัย เป็นต้น ซึ่งคณะทำงานถอดบทเรียนได้มีข้อเสนอแนะเพื่อให้ กก.บห.พรรคไปพิจารณาประกอบด้วย เช่น การพัฒนาพรรคให้เป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็งขึ้นไปอีก การมุ่งมั่นพัฒนานโยบายอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง การเพิ่มพูนศักยภาพ ส.ส.ในทุกมิติ การสนับสนุนนักการเมืองรุ่นใหม่ เป็นต้น” นายนพดลระบุ

นายนพดลกล่าวต่อว่า พรรคขอให้ความมั่นใจกับผู้ที่เลือกพรรคกว่า 10 ล้านเสียง และพี่น้องที่ไม่ได้เลือกพรรคว่าพรรคจะมุ่งมั่นปรับปรุงพรรคให้เป็นที่พึ่งหวังของประชาชนให้ได้ นโยบายที่หาเสียงไว้ต้องผลักดันต่อในบริบทของรัฐบาลผสม 8 พรรค การไม่ชนะเลือกตั้งไม่ได้บั่นทอนความตั้งใจที่พรรคจะทำหน้าที่ของตนเองอย่างเข้มแข็งต่อไป

ส่วนนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า คะแนนนิยมของพรรค รทสช.ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาในส่วนของระบบบัญชีรายชื่อที่ได้มากว่า  4,760,000 คะแนน มีนัยสำคัญมาก เพราะ รทสช.เป็นพรรคการเมืองเกิดใหม่ ลงเลือกตั้งครั้งแรก ซึ่งทุกคะแนนเสียง ทุกที่นั่ง นับได้ว่าเป็นความสำเร็จ เพราะเริ่มจากศูนย์ พรรคจึงมีภารกิจต้องรักษาไว้ และต้องยอมรับว่าคะแนนตรงนี้ส่วนใหญ่มาจากความนิยมชมชอบ ความศรัทธาในตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่หวังว่าไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ในสถานะใดก็ตามก็ยังจะสนับสนุนพรรค รทสช. และวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังเป็นสมาชิกพรรคและเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคอยู่ พรรคจึงต้องรักษาคะแนนดังกล่าวไว้ แต่ที่สำคัญมากกว่านั้นคือการเลือกตั้งครั้งต่อไป หวังว่าจะได้มากขึ้นที่ถือเป็นภารกิจสำคัญ

 “ได้ไลน์คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์เป็นบางครั้ง ก็ให้กำลังใจพวกเรามาตลอด และมีการให้กำลังใจกันและกัน ณ วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังถือว่าเป็นผู้สนับสนุนหลักของพรรค เป็นเสาหลักพรรค เป็นทั้งสมาชิกพรรค เป็นทั้งประธานยุทธศาสตร์พรรค ซึ่งไม่เหมือนกับตอนปี 2562 ที่ตอนนั้นเป็นแค่แคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ” นายเอกนัฏระบุ

เมื่อถามว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์วางมือทางการเมือง จะมีผลต่อพรรคหรือไม่  และมีการเตรียมรองรับสถานการณ์ตรงนี้ไว้บ้างหรือไม่ นายเอกนัฏระบุว่า แม้ พล.อ.ประยุทธ์ถอย ก็คงอยากให้พรรคหรืออย่างน้อยสุดอุดมการณ์ของพรรคมีคนที่จะสานต่อ ความตั้งใจคือเราอยากให้พรรค รทสช.เป็นสถาบันการเมือง เพราะคะแนนที่ได้ไม่ใช่น้อยๆ ต้องเอาตรงนี้มาเป็นต้นทุน แล้วก็ขยายผลต่อ และผู้สมัคร ส.ส.ที่แม้จะไม่ชนะเลือกตั้ง แต่เขาจะต้องมีบทบาทสำคัญไม่น้อยกว่า ส.ส. ที่อยู่ในสภาต้องขับเคลื่อนภารกิจ ขับเคลื่อนมวลชน สร้างฐานเสียงนอกสภา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง