ม็อบขู่ผิดหวังโหวตนายกฯเดือดแน่

“อานนท์” ขู่ รัฐสภาไม่โหวต “พิธา” เป็นนายกฯ เป็นฟางเส้นสุดท้ายให้เกิดกลียุค ม็อบขึ้นเป็นดอกเห็ดเทียบปี 63 เชื่อเขาจะโหวตให้ประเทศเดินหน้าไปก่อน เช็กบิลฝ่ายประชาธิปไตยทีหลัง ขณะที่ 13 ก.ค.นี้ มวลชนมาแบบออร์แกนิกเพื่อให้กำลังใจ   และฝากเตือนไม่อยากสร้างเงื่อนไขปะทะกับทหาร   

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม นายอานนท์ นำภา ทนายความและแกนนำกลุ่มราษฎร ให้สัมภาษณ์ในรายการ “เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์” ถึงข้อมูลของฝ่ายความมั่นคงจับตา 14 กลุ่มมวลชนที่เคลื่อนไหวชุมนุมกดดันหน้ารัฐสภา เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ ว่า   ส่วนใหญ่ที่ประกาศจะเข้าร่วมก็ตามที่เป็นข่าว แต่บางส่วนยังไม่ประกาศชัดเจน และหลายกลุ่มยังไม่ได้ประกาศ  เช่น กลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม กลุ่มวีโว่ หรือคณะก้าวหน้า ก็ยังไม่ได้ประกาศ แต่เชื่อว่าทั้ง 14 กลุ่มยังเป็นส่วนน้อยที่จะไปชุมนุมหน้ารัฐสภา คนจำนวนมากที่ไปไม่ได้สังกัดกลุ่มเหล่านี้  แต่เป็นมวลชนอิสระ เป็นออร์แกนิกมากกว่า เป็นลักษณะต่างคนต่างไป  เป็นการไปในลักษณะให้กำลังใจ จะไม่ใช่การชุมนุมแบบดุดัน และเชื่อว่า บรรยากาศจะสงบแน่นอน ส่วนที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ออกมานำม็อบเองจะมีน้ำหนักมากขึ้นหรือไม่ คงน่าเชื่อถือ แต่คนเหล่านี้ไม่สามารถไปชี้ให้เดินซ้ายขวาได้อยู่แล้ว

นายอานนท์ยังกล่าวถึงกรณีที่ชื่อของนายพิธาอาจไม่ได้รับการโหวตเห็นชอบจากรัฐสภาหลายครั้งว่า ไม่ต้องรอว่าโหวตกี่ที เพราะคิดว่าถ้าครั้งเดียวไม่ผ่าน ความไม่พอใจของคนจะปะทุขึ้น ไม่เฉพาะใน กทม. แต่ต่างจังหวัดคิดว่าการชุมนุมเรียกร้องให้เคารพเสียงของประชาชนมีแน่ๆ ขอให้ลบภาพการชุมนุมของเสื้อเหลือง เสื้อแดง ราษฎร ออกไปเลย แต่จะเป็นการนำกันเองในกลุ่มย่อยๆ ซึ่งยากในการบริหารจัดการของรัฐ

 “ประเด็นอยู่ที่ว่า คนที่จัดการม็อบในตอนนี้คือคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเขาก็มีประสบการณ์สลายม็อบมาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่เสื้อแดงและราษฎรในปี 63-64 ดังนั้นการชุมนุมครั้งนี้ต้องระมัดระวังด้วย แต่เชื่อว่าครั้งนี้อารมณ์คนมันขึ้นแน่ๆ ถ้าพิธาไม่ได้รับการโหวตในวันที่ 13 ก.ค.” นายอานนท์ระบุ

สำหรับที่มองว่าจะเป็นแค่แฟลชม็อบ ที่มาชุมนุมแค่ 2-3 ชม.แล้วกลับบ้านหรือไม่นั้น นายอานนท์กล่าวว่า ไม่สามารถคาดเดาได้เลย คิดว่าจะเป็นการชุมนุมที่เราคาดไม่ถึงเลยว่าคนรุ่นใหม่มีปฏิบัติการต่อ ส.ว. หรือคนที่ไม่โหวตให้ และรัฐที่กีดกันเสียงของประชาชนอย่างไร แม้แต่ฝ่ายความมั่นคงที่มาถามตนเขาก็ยังประเมินไม่ถูกว่าถ้านายพิธาไม่ได้เป็นนายกฯ จะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้

แกนนำกลุ่มราษฎรกล่าวด้วยว่า สิ่งที่ต้องระวังมากคือ ณ วินาทีที่ถ้าผลโหวตออกมาแล้วไม่ได้ คิดว่าคืนนั้นทั้งคืนในโซเชียลมีเดียดุเดือดแน่ วันรุ่งขึ้นก็น่าจะมีการจัดการชุมนุมแน่ๆ เห็นอยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น 14-15 ก.ค.ที่ตรงกับวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ คิดว่าม็อบที่สนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยก็จะผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดอีกครั้งเหมือนปี 2563 โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดที่มีมหาวิทยาลัย  

เมื่อถามว่า จากการวิเคราะห์ของฝ่ายความมั่นคงไม่กังวลเพราะสามารถคุมได้ทุกม็อบ จึงอยากดูว่าจุดพีกของม็อบด้อมส้มอยู่ตรงไหน นายอานนท์ กล่าวว่า ในการชุมนุมที่ตนเข้าไปข้องเกี่ยวในปี 63-64 คนรุ่นใหม่ถอยเพื่อตั้งหลักพอสมควรเพราะโดนคดี และรอเลือกตั้งให้เปลี่ยนผ่านสังคม แต่ถ้าการเลือกตั้งเสร็จสิ้นลงด้วยความชัดเจนว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศต้องการอะไร และมีคนส่วนน้อยไม่ยอมรับ ตนเชื่อว่า การแตกหักจะเข้ามาถึงแน่ๆ เพราะถอยไม่ได้แล้ว

 “คิดว่าจุดแตกหักกำลังใกล้เข้ามาถึง  ซึ่งไม่ใช่จุดแตกหักที่เป็นฟางเส้นสุดท้ายด้วย ผมกลัวว่าจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวมากกว่า ที่คนมองว่าบ้านเมืองไม่มีอนาคต จำเป็นต้องออกมาเรียกร้องและชุมนุมแบบถอยไม่ได้ เพราะเส้นและผนังที่เราใช้พิงจะไม่มีอีกแล้ว” แกนนำกลุ่มราษฎรระบุ

ถามว่าทหารจะออกมาหรือไม่ นายอานนท์มองว่า เราต้องไม่พยายามสร้างเงื่อนไขให้ไปถึงจุดที่ปะทะกับอำนาจนอกระบบที่มีอาวุธมากกว่าเรา ถึงจุดจุดหนึ่งคนที่ไม่โหวตให้นายพิธา และยังไม่ไว้วางใจคนรุ่นใหม่ เขาจะโหวตให้ประเทศเดินหน้าไปก่อน การเช็กบิลฝ่ายประชาธิปไตยเกิดได้ระหว่างทางอยู่แล้ว  แต่การรักษาระบบในครั้งนี้สำคัญทั้งฝ่ายเราและฝ่ายเขาด้วย ทุกคนทำลายระบบทิ้งมันจะเกิดกลียุค เพราะไม่เชื่อมั่นในระบบ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง