อยู่ในมือแล้ว278 ‘ภูมิธรรม’รอ‘รทสช.’ตอบรับเป็นรัฐบาลทะลุ300เสียง

ไทยโพสต์ ๐ “ภูมิธรรม” เอาชัวร์ๆ แจงเสียงโหวตนายกฯ อยู่ที่ 278 เสียงแล้ว   ยังขาดรวมไทยสร้างชาติเพราะยังไม่ตอบรับ "ธนกร" เชื่อไม่มีปัญหา 300   กว่าเสียงเป็นไปตามเป้า ก็ถือว่ารัฐบาลมีความเข้มแข็ง "วราวุธ" ยันตามประเพณีก่อนโหวตนายกฯ ต้องมีการพูดคุยโควตารัฐมนตรีให้ได้แนวทางที่ชัดเจนในระดับหนึ่งก่อน

     เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีการรวบรวมเสียงที่จะโหวตให้แคนดิเดตนายกฯ พรรคพท. ซึ่งล่าสุดมีทั้งหมด 315 เสียงว่า ขณะนี้หากนับเสียงที่ชัดเจนที่จะโหวตให้กับแคนดิเดตนายกฯ พรรค พท.นั้น  ตัวเลขที่ชัดเจนจริงๆ ยังอยู่ที่ 278 เสียง ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย (ภท.) 71 เสียง, พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) 10 เสียง, พรรคประชาชาติ (ปช.) 9 เสียง,  พรรคเพื่อไทยรวมพลัง (พทล.) 2 เสียง,  พรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) 2 เสียง ส่วนพรรคเสรีรวมไทย (สร.) พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคท้องที่ไทย พรรคละ 1 เสียง รวมเป็น 238 เสียง รวมกับทางพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ประกาศจะยกมือให้กับพรรค พท.อีก 40 เสียง ทำให้มีเสียงรวมกันอยู่ที่ 278 เสียง

     ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)  นั้น เราถือว่ายังไม่ชัดเจน เพราะทางนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช.ให้สัมภาษณ์ว่ายังต้องขอคุยกันภายในพรรคก่อน ขณะที่พรรคประชาธิปไตยใหม่อีก 1 เสียงนั้น ขณะนี้เรายังไม่ตอบรับ

     “สำหรับตัวเลข 278 เสียงสำหรับสภาล่าง ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความมั่นคง และเราก็จะยินดีมากหากพรรคการเมืองอื่นๆ จะช่วยโหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พท.เพิ่มขึ้น เราเชื่อว่าหลายฝ่ายพร้อมจะให้โอกาสกับพรรค พท. ซึ่งการโหวตสนับสนุนจะเป็นจุดเริ่มต้นของโอกาสที่จะพูดคุยกันต่อในการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ยืนยันว่าหากพรรคใดไม่โหวตสนับสนุนก็ไม่ได้อยู่ในสมการนี้”

     สำหรับรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.)  ที่เริ่มปรากฏเป็นข่าวในขณะนี้ นายภูมิธรรมเผยว่า เป็นเพียงแค่การเสนอแนะ ความคิดเห็นหรือวิเคราะห์กันเองของแต่ละบุคคลที่ให้ข่าวเท่านั้น ยืนยันว่าพรรค พท.ยังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีกับพรรคใดทั้งสิ้น  เพราะต้องรอให้การโหวตแคนดิเดตนายกฯ พรรค พท.เสร็จสิ้นก่อน ถึงตอนนั้นรายชื่อ ครม.ของจริงจะเกิดขึ้นหลังได้นายกฯ แล้วอย่างแน่นอน

     ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า  มองว่าเสียง 300 ต้นๆ ถือว่ามีเสถียรภาพ แต่ถ้าต้องบริหารเรื่องความคาดหวังของแต่ละพรรคร่วม ก็ต้องมาพูดคุยถึงนโยบายรวม ซึ่งจะเป็นนโยบายของรัฐบาล มันต้องมาพูดคุยกันให้ดี

     เมื่อถามว่า การมาเป็นนายกฯ ในขณะที่ประเทศเจอวิกฤตเช่นนี้เหนื่อยหรือไม่ เขาตอบว่า การมาเป็นผู้นำรัฐบาล การทำงานการเมือง ตนมองว่าก็เหนื่อยตลอด คณิตศาสตร์ที่ออกมาจากการเลือกตั้ง ตัวเลขที่ออกมายิ่งทำให้เหนื่อย มันจะง่ายขึ้นถ้าพรรคเพื่อไทยได้แลนด์สไลด์ แต่ก็ไม่ได้ ซึ่งเราก็ต้องยอมรับและอยู่กับความเป็นจริงว่าเราไม่ได้แลนด์สไลด์

     "มั่นใจว่าพรรคใดก็ตามที่จะเข้าร่วมรัฐบาลต้องเข้าใจปัญหาที่มีในปัจจุบัน ทั้งความเป็นอยู่ประชาชนที่ต้องยกระดับขึ้นมา ปัญหาของรัฐธรรมนูญ ปัญหาความขัดแย้งด้านความคิด เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลเข้าใจดี และจากการแถลงร่วมกันของแต่ละพรรค ทุกคนเข้าใจปัญหาดี ฉะนั้นการมาร่วมด้วยช่วยกันในรัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้น ตนเชื่อว่าต้องร่วมด้วยช่วยกันพัฒนาประเทศและแก้ไขปัญหาดังกล่าว"

'เศรษฐา' ฝึกเป็นนายกฯ

     ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อได้เป็นนายกฯ จะทำหน้าที่เลือกบุคคลที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีของแต่ละพรรคการเมืองหรือไม่  แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยตอบว่า   เชื่อว่าต้องพูดคุยกัน และต้องให้เกียรติพรรคร่วมด้วย ซึ่งตรงนี้มีความสำคัญ

     เมื่อถามอีกว่า บางคนถูกสังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับความเหมาะสมหากมารับตำแหน่งรัฐมนตรี จะคัดเลือกอย่างไรให้คณะรัฐมนตรีสง่างาม นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องให้เกียรติผู้ที่รับเสนอชื่อด้วย และหากใครที่มีเรื่องคดีความก็ต้องไปว่าตามกฎหมาย ถ้าเป็นไปได้ก็เป็นไปได้

     ซักว่าการมีพรรคร่วมจำนวนมาก ในฐานะผู้นำรัฐบาล จะสามารถบริหารให้รัฐบาลไปรอดได้หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า นโยบายรวมเป็นเรื่องสำคัญ การพูดคุยกันก่อนที่จะเข้ามาร่วมรัฐบาล  ความคาดหวังผลงานของแต่ละกระทรวง จึงเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยและตกลงกัน และต้องตั้งเป้าหมายให้เป็นจริง และมีระยะเวลาของแต่ละภารกิจให้ชัดเจน จะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกัน เราอย่าบอกว่ารัฐมนตรีมาจากพรรค ก   หรือ ข แต่เราเป็นรัฐบาลของประเทศไทย จึงถือเป็นภารกิจร่วม นายกฯ มีหน้าที่หล่อหลอมให้บรรลุไปถึงจุดมุ่งหมายให้ได้

     นายสมคิด เชื้อคง อดีต สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีกระแสข่าวเรื่องพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐจะร่วมยกมือโหวตนายกฯ ให้กับพรรคเพื่อไทยว่า เห็นจากที่สื่อปรากฏ  ซึ่งการช่วยยกมือก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ส่วนจะร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่อย่างน้อยๆ ก็ให้ได้นายกฯ ก่อน  ให้ประเทศชาติเดินต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยก็ชวนทุกพรรคมาช่วยยก มาสนับสนุน รวมทั้ง สว.ด้วย ทางคณะประสานงานคงอยากเคลียร์ให้โหวตจบในครั้งเดียว

     เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่านายกฯจากเพื่อไทยสามารถโหวตผ่านได้ในครั้งเดียว นายสมคิดกล่าวว่า เท่าที่ได้คุยกับผู้ประสานงาน เขาก็มั่นใจ ซึ่งยังพอมีเวลาอีกหลายวัน เขาอาจจะประสานต่อกันไปเรื่อยๆ

     ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ  รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ให้สัมภาษณ์แล้วว่ายังไม่ได้รับการติดต่อมา ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าเมื่อคืนของวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา มีการติดต่อมาแล้วหรือไม่  เพราะจะต้องถามหัวหน้าพรรค แต่เสียง 300 กว่าเป็นไปตามเป้า ก็ถือว่ารัฐบาลมีความเข้มแข็ง

     ซักว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ประกาศว่าจะไปทั้งพรรค หากพรรค รทสช.ไม่ประกาศ จะถือว่าตกขบวนหรือไม่   นายธนกรแจงว่า คงไม่ เพราะหลักการของพรรคเราไปไหนก็ไปทั้งพรรค แต่ต้องเป็นมติของพรรคเท่านั้นเอง ส่วนจะมีการติดต่อมาหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้อยู่ในวงเจรจา ทั้งนี้ หากมีอะไรหัวหน้าพรรคจะนำเข้าสู่ที่ประชุมพรรคเพื่อเป็นมติพรรคต่อไป โดยจะมีการประชุมพรรคในวันที่ 15 ส.ค. เวลา 16.00 น. ซึ่งตนคิดว่ายังมีเวลาอยู่ เพราะไม่มีอะไรซับซ้อน ในพรรคไม่ได้มีปัญหาอะไร

'บิ๊กป้อม' ยังไม่วางมือ

     เมื่อถามอีกว่า หากพรรคไปร่วมโควตารัฐมนตรี จะต้องเป็นตำแหน่งเดิมใช่หรือไม่ นายธนกรกล่าวว่า ตรงนี้แล้วแต่การพูดคุย ตอนนี้ยังไม่ถึงตรงนั้น ทุกอย่างต้องพูดคุยกันในพรรค โดยจะต้องเป็นมติพรรค สส.ทั้ง 36 คนต้องมาพูดคุยกัน

     ส่วนนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ  (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้สมาชิกในพรรคยังไม่มีการพูดคุยกันว่าแนวทางการโหวตจะเป็นอย่างไร แต่แน่นอนว่านักการเมืองตอนนี้คุยกันในเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล ถือเป็นวาระสำคัญของสภา แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการ

     เมื่อถามว่า ข่าวการจัดตั้งรัฐบาลที่ออกมา คิดว่าจะเป็นไปตามนั้นหรือไม่  นายชัยวุฒิกล่าวว่า ก็ต้องรอติดตามดูอีกที ตนก็รู้จากนักข่าวนี่แหละว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะมันเป็นข่าวจากหลายพรรคหลายที่ ตนก็รู้แต่เรื่องในพรรคพลังประชารัฐ

     ถามว่า ในส่วนของ พล.อ.ประวิตร  ชัดเจนหรือไม่จะไม่รับตำแหน่งในรัฐบาลชุดนี้ เพราะมีกระแสข่าวว่าจะให้พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐรับตำแหน่งแทน นายชัยวุฒิกล่าวว่า ไม่ทราบ ยังไม่ได้คุยกัน

     ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประวิตรได้มีการบอกหรือไม่ว่าจะวางมือในรอบนี้ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ก็เห็นยังฟิตทำงานอยู่ตลอด จะวางมือตอนไหน พลังประชารัฐทุกคนก็ยังคงทำงานร่วมกันโดยมี พล.อ.ประวิตรเป็นหัวหน้าพรรค  และดูจากวันเกิด ก็จะเห็นว่ามีลุงก็มีเรา  อย่าคิดมาก

     "ใครบอกว่าไม่รับตำแหน่ง ท่านไม่เคยพูดสักหน่อย ผมยังไม่เคยได้ยินเลย ลุงป้อมเคยพูดที่ไหน ถ้าท่านทำงานได้ท่านก็ทำอยู่แล้ว และตอนนี้ พล.อ.ประวิตรยังคงเป็นแคนดิเดตนายกฯ อยู่ ดังนั้นจะมาบอกว่าท่านจะไม่รับตำแหน่งในรัฐบาลนี้ได้อย่างไร แต่ว่าโอเคอาจจะไม่ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ทำไมสื่อชอบไปยุให้ท่านถอนตัวหรือวางมือ" นายชัยวุฒิกล่าว

ต้องคุยให้ชัดก่อนโหวต

     เมื่อถามว่า มีกระแสคัดค้านลุงก่อนหน้านี้ นายชัยวุฒิกล่าวว่า มีลุงมีเรา อย่าไปคิดมาก ส่วนที่มีสื่อบางสำนักไปลงว่ามีลุงไม่มีแร้งนั้น ไม่ทราบ แต่ยืนยันว่ามีลุงก็มีเรา ยังอยู่ๆ อย่าคิดว่าลุงไม่อยู่ เพราะท่านก็ยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ ยังไม่ได้วางมือทางการเมือง สื่อต้องลงข่าวให้มีข้อเท็จจริงด้วย เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสน

     ขณะที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าหลังจากที่ได้มีการแถลงข่าวจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยว่า รายละเอียดต่างๆ เชื่อว่าเมื่อใกล้ถึงเวลาก็จะมีการพูดคุยกันในรายละเอียดอีกครั้ง เพราะมีหลายพรรคการเมืองเข้ามาทำงานร่วมกัน ซึ่งคงต้องมีการพูดคุยกันเยอะหน่อย

     ผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสข่าวโควตารัฐมนตรีจะมีสัดส่วน 9 ต่อ 1 ใช่หรือไม่ นายวราวุธชี้แจงว่า ก็ต้องดูว่าท้ายที่สุดแล้วพอรวมกันทั้งหมดฟากรัฐบาลจะมีทั้งหมดกี่ร้อยเสียง ถ้าเป็น 300 กว่าเสียงอย่างที่เป็นข่าว ถ้าหารออกมาก็จะอยู่ที่ 8-9 เสียงต่อ 1 ตำแหน่ง

     ซักว่า จะต้องคุยก่อนโหวตเก้าอี้นายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ เพราะหลายคนมองว่าไม่น่าจะตีเช็คเปล่า หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนากล่าวว่า ตามประเพณีที่ทำมาก็ต้องมีการพูดคุยให้ได้แนวทางที่ชัดเจนในระดับหนึ่งก่อน

     วันเดียวกันนี้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการกำหนดวันโหวตนายกรัฐมนตรีจะใช่วันที่ 22 ส.ค.นี้หรือไม่ว่า ก็คงเร็วๆ นี้ ซึ่งการพูดถึงวันที่ 22 ส.ค. ขอให้รอนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เดินทางกลับมาจากต่างประเทศก่อน เมื่อถามว่าการโหวตนายกรัฐมนตรีรอบนี้จะผ่านหรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า ถามตนไม่ได้ ต้องถามคนโหวต

     นายวันชัย สอนศิริ สว. กล่าวว่า ได้รับแจ้งอย่างไม่เป็นทางการว่า วันที่ 22 ส.ค. ที่ประชุมรัฐสภาจะโหวตพิจารณารายชื่อบุคคลที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งกรณีการตีความข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ 41 ในวันที่ 16 ส.ค.นี้ จากนั้นตามขั้นตอนรัฐสภาจะต้องแจ้งวาระการประชุมให้สมาชิกทราบล่วงหน้า 3 วัน แต่ติดเงื่อนเวลาวันเสาร์-อาทิตย์ จึงมาลงตัววันที่ 22 ส.ค. มั่นใจการโหวตนายกฯ ในวันดังกล่าว ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สลายขั้ว ก้าวข้ามความขัดแย้ง หลายพรรคการเมืองที่เป็นศัตรูคู่ขัดแย้งมาตลอด แต่วันนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ ทำให้หลายพรรคการเมืองมารวมกันได้ จะเป็นรัฐบาล 300 กว่าเสียง เหลือแค่พรรคก้าวไกลกับบางพรรคเป็นฝ่ายค้าน

     ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ สว.จะโหวตสนับสนุนนายกฯ รอบนี้ เกี่ยวกับกรณีที่มีข่าวพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติจะมาร่วมตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายวันชัยกล่าวว่า แม้ไม่มี 2 พรรคนี้ก็ประเมินว่าจะมีเสียง สว.สนับสนุนเป็นร้อยอยู่แล้ว แต่การมีพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติมาด้วยอาจเป็นความมั่นใจของคนที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ขอใช้คำว่า สว. 90 กว่าเปอร์เซ็นต์จะโหวตสนับสนุนให้เต็มคาราเบล.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กฤษฎาฉีกหน้าพิชัย ไม่ให้เกียรติร่วมงานไม่ได้ ‘ทักษิณ’โผล่โคราช25พ.ค.

“เศรษฐา” ทัวร์ ประเดิมดูงานโครงการพระราชดำริ ชี้รัฐบาลให้ความสำคัญ ก่อนลุยตรวจสนามบินหัวหิน สั่งเร่งขยายให้จบก่อนไตรมาส 4 แพลมมีไอเดียเปลี่ยนชื่อเป็น