ไฟเขียวโหวต‘เศรษฐา’ สว.สาย‘บิ๊กตู่’เกิน100เสียง แต่‘ลุงป้อม’งอแงไม่เต็มที

ภาคประชาชนยื่นหนังสือ สว.สอบคุณสมบัติแคนดิเดตนายกฯ "สมชาย" รับลูก ชี้เรื่องที่ "ชูวิทย์" แฉค่อนข้างร้ายแรงคอร์รัปชันต่อประชาชน ถ้าชี้แจงไม่ได้ สว.คงไม่ให้ผ่าน แต่ "วันชัย" เผยคุยกันมา 3 วันได้ข้อสรุปวุฒิสมาชิก 190 คนโหวตให้ผ่าน เพราะประเทศต้องเดินหน้า เช่นเดียวกับ "กิตติศักดิ์" ยันมี สว.หนุนเกิน 100 คน สะพัดวุฒิสาย "บิ๊กตู่" ไฟเขียว แต่สาย "บิ๊กป้อม" งอแง

เมื่อเวลา 11.05 น. วันที่ 21 ส.ค. ที่รัฐสภา ภาคประชาชนนำโดย นายมหัศจักร โสดี ตัวแทน เดินทางมายื่นหนังสือพร้อมข้อมูลประกอบการพิจารณาถึงสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อขอให้ สว.ตรวจสอบคุณสมบัติของบุคคลที่ถูกเสนอชื่อเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย โดยมีนายสมชาย แสวงการ สว. พร้อม สว.บางส่วนเป็นตัวแทนรับหนังสือ

นายมหัศจักรกล่าวว่า ภาคประชาชนส่วนต่างๆ ได้มายื่นหนังสือเพื่อร้องขอให้ สว.ได้โปรดตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ถูกเสนอชื่อเพื่อเป็นนายกฯ คนที่ 30 อย่างละเอียดถี่ถ้วนตามอำนาจและหน้าที่ของวุฒิสภา ที่ได้บัญญัติเอาไว้ในบทเฉพาะกาลของกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่กำหนดให้วุฒิสภามีหน้าที่และอำนาจสำคัญคือ การพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ จากผู้ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อพรรคการเมือง

ด้านนายสมชายกล่าวว่า เราต้องทำหน้าที่ตามที่ประชาชนได้มอบหมายไว้ โดยจะรอดูว่าพรรคเพื่อไทยจะแถลงเสนอใครเป็นนายกรัฐมนตรี โดยวุฒิสภาเราก็ใช้มาตรฐานเดียวกันในการตรวจคุณสมบัติ พฤติกรรม และจริยธรรมของผู้ที่ถูกเสนอชื่อ เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต แบบเดียวกับที่ตรวจผู้เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการองค์กรอิสระ  ทั้งตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. และ กกต. เพราะฉะนั้นหลักเกณฑ์นี้เชื่อว่า สว.ทุกท่านจะได้พิจารณาจากข้อมูลข่าวสาร คำแถลงจากเอกสาร หรือแม้กระทั่งหากผู้นั้นจะแถลงในสภาก็เป็นเรื่องที่ดี หากไม่มาก็เป็นผู้แทนที่จะต้องตอบ ส่วน สว.ก็ใช้ดุลยพินิจในการพิจารณา ว่ามีคุณสมบัติครบถ้วน มีความประพฤติ พฤติกรรมที่ไว้วางใจให้เป็นผู้แทนนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่

 “ผมเชื่อว่าสมาชิกวุฒิสภาทุกท่านปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมา ด้วยความซื่อสัตย์ ในฐานะสมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ มาให้ดูแลประเทศชาติบ้านเมือง ปกป้องสถาบันหลัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่และมีความมุ่งมั่นในภารกิจ ไว้วางใจได้ ส่วนดุลยพินิจในการออกเสียงแต่ละคนต้องถือเป็นเอกสิทธิ์ ที่แต่ละคนจะตัดสินใจ"

 นายสมชายยังกล่าวว่า เรื่องที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองตรวจสอบก็ค่อนข้างจะร้ายแรง ย้ำว่าตนรับฟังทั้งหมด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เพราะการแถลงข้อมูลให้ประชาชนรับทราบต้องการคำอธิบาย เนื่องจากอาจจะเกิดปัญหาในเรื่องของความซื่อสัตย์สุจริต แต่หากนายเศรษฐาสามารถชี้แจงได้ว่า เรื่องที่นายชูวิทย์กล่าวหานั้น ทั้งในเรื่องของบริษัทนอมินีและกรณีที่แม่บ้านไปซื้อที่ดิน ก็เห็นเพียงเอกสารไป ยังไม่ได้รับคำอธิบายที่ชัดเจน เพราะอาจเกี่ยวข้องกับการฉ้อราษฎร์บังหลวง หากมีความเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่นต่อประชาชน ถือว่าเป็นการฉ้อราษฎร์ ส่วนบังหลวงคือการได้ประโยชน์จากรัฐ จึงมองว่าหากชี้แจง สว.ในกรณีข้างต้นได้ สว.ก็โหวตให้ผ่าน แต่หากชี้แจงไม่ได้ สว.ก็ไม่โหวตผ่านให้

ส่วนข้อกังวลของ สว.ก่อนหน้านี้ นายสมชายกล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลน่าจะมีคำตอบในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยที่ไม่ต้องทำประชามติใหม่ เป็นการประหยัดงบประมาณ ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาใช้เงินในการทำประชามติ 3,000-4,000  ล้านบาท ซึ่งครั้งนี้ก็ยังไม่รู้ว่าใครจะเข้ามาเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) หรืออาจเป็นนอมินีของพรรคการเมืองหรือไม่ และผู้ทรงคุณวุฒิจะเป็นผู้ที่เคยเสนอสิ่งสุดโต่งของรัฐธรรมนูญเหมือนที่เคยเผยแพร่ออกมาหรือไม่ จนทำให้กระทบต่อหมวด 1 และหมวด 2 เพราะหากเป็นเช่นนั้น ประเทศจะไปต่อไม่ได้

ด้านนายถวิล เปลี่ยนศรี สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า เมื่อเราได้รับมอบหมายภารกิจตามรัฐธรรมนูญก็จะทำหน้าที่ให้ดี นายกฯ ไม่ใช่หัวหน้าครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง ไม่ใช่ประธานบริษัท แต่เป็นนายกฯ ของทุกคน ต้องมีมาตรฐานจริยธรรมที่เหมาะสม สว.ก็รับฟังข้อมูลต่างๆ และหารือกัน โดยมั่นใจว่าช่วงสุดท้ายจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ใช้ดุลยพินิจไม่ตกอยู่ในอาณัติใครทั้งสิ้น ส่วนเสียงประชาชนก็สำคัญ แต่การได้คนที่ดีที่สุดก็ต้องใช้ดุลยพินิจพิจารณากลั่นกรอง ขอให้มั่นใจ สว. 250 คนจะใช้เหตุผลในการพิจารณาอย่างดีที่สุด

ขณะที่นายประพันธ์ คูณมี สว. กล่าวว่า มีคำพูดกันมากว่ามี สว.ไว้ทำไม พวกเราต้องการให้ประเทศเดินหน้าภายใต้ระบอบประชาธิปไตย เราอยากให้มีนายกฯ มาเป็นผู้นำแก้ไขปัญหาประชาชน แต่รัฐธรรมนูญกำหนดให้เราตรวจสอบพิจารณาบุคคลผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ นี่เป็นหน้าที่ของ สว. เราอยากให้ประเทศเดินหน้า แต่หากเราได้นายกฯ ที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม คดในข้องอในกระดูก ประพฤติผิดจริยธรรมร้ายแรง เราจะเอาแบบนั้นหรือไม่

 “ถ้าเขาไปเบียดที่สาธารณะมาโกงประชาชน จะเป็นนายกฯ ได้หรือไม่ เราจะไว้วางใจได้หรือไม่ ก็ขอให้รอฟังการอภิปราย ตนทำการบ้านเตรียมข้อมูลมาแล้ว” นายประพันธ์กล่าว

นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา เผยว่า ช่วงนี้คงมีความเห็นที่หลากหลาย และหลายคนคงดูจากข้อมูลที่ตนเองได้รับมา แต่อย่างไรก็ตามตนคิดว่าในการตัดสินใจต้องดูในวันประชุมรัฐสภา ไม่ใช่เฉพาะเรื่องที่จะมาบอกว่าใครเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ซึ่งยังมีประเด็นว่าสุดท้ายแล้ววันพรุ่งนี้จะส่งชื่อใครกันแน่ แต่ในเบื้องต้นเข้าใจว่าเป็นนายเศรษฐาอยู่แล้ว

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า ถ้าเป็นนายเศรษฐาก็ยังมีข้อกังวล เพราะนายเศรษฐามีกรณีถูกกล่าวหาว่าสมัยเป็นผู้บริหารบริษัทมหาชนมีพฤติการณ์ทุจริต เลี่ยงภาษี จ้างนอมินีทำให้ราคาที่ดินที่ซื้อไม่ตรงกับข้อเท็จจริง มีเงินทอน นี่คือข้อกล่าวหา ซึ่งนายชูวิทย์นำมากล่าวหาพร้อมหลักฐาน รวมถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ก็ได้นำประเด็นของนายชูวิทย์มาร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองฯ วุฒิสภา ซึ่งคณะ กมธ.ได้ทำหนังสือไปสอบถามยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมที่ดิน  กรมสรรพากร ซึ่งนี่เป็นเรื่องของคุณธรรม จริยธรรม ความประพฤติ ที่เราจะนำมาพิจารณานายเศรษฐา รวมถึงเรื่องการประกาศแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นคำถามใหญ่ที่จำเป็นจะต้องให้ข้อเท็จจริงต่อสมาชิกรัฐสภา

แต่นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา เชื่อว่าจะมี สว.โหวตให้ประมาณ 190 คน ดังนั้นไม่มีอะไรที่จะต้องวิตกกังวล เพราะบ้านเมืองและประเทศต้องเดินต่อไป จะมาหยุดชะงักเพียงแค่นี้ไม่ได้

 “เท่าที่ผมคุยมาตั้งแต่วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ทุกคนตกผลึกค่อนข้างชัดเจนแล้ว ไม่มีอะไรที่เป็นประเด็นและเป็นปัญหาเลย ยืนยันว่าตอนนี้เสียงของ สว.ได้เกินไปมากแล้ว และเท่าที่ฟังมาตั้งแต่เช้าเชื่อว่า สว.ส่วนใหญ่ทุกคนอยากให้ประเทศเดินไป และไม่มีใครที่จะมาขวางกั้นเป็นอุปสรรคต่อการโหวตครั้งนี้ ฉะนั้นหากพรรคเพื่อไทยเสนอใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เชื่อว่า สว.จะโหวตให้ แต่อาจจะมี สว.บางคนแสดงความคิดเห็นเช่นนั้นเช่นนี้ ผมยืนยันได้ว่านั่นเป็นแนวทางของประชาธิปไตย แล้วเท่าที่คุยผู้หลักผู้ใหญ่ก็พร้อมให้ความร่วมมือ” นายวันชัยกล่าว

ถามว่า ทำไมจึงมั่นใจว่าเสียงของ สว.จะได้ถึง 190 เสียง นายวันชัยกล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลมีพรรคอะไร พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้าร่วมด้วยไม่ใช่หรือ แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่ สว.จะไม่โหวตให้

นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า สัญญาณล่าสุดของ สว.ชัดเจนแล้วว่าจะมี สว.เกิน 100 เสียงโหวตสนับสนุนให้นายเศรษฐา ส่วนตัวยอมรับว่าหน้าแตก ที่คิดว่านายเศรษฐาจะไม่ผ่านเสียงโหวตในวันที่ 22 ส.ค. แต่ยังยืนยันในหลักการจะไม่โหวตให้นายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า สูตรการจัดรัฐบาลครั้งนี้เหมาะสมที่สุดในเวลานี้ เพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย การที่มีพรรคสองลุงที่เป็นฝ่ายอนุรักษนิยมมาร่วมเป็นรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เป็นสิ่งที่ดีที่ทุกฝ่ายมาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล มีความกลมกลืนและกึ่งๆ เป็นรัฐบาลแห่งชาติด้วย ส่วนที่นายเศรษฐาถูกเปิดโปงข้อมูลสมัยบริหารธุรกิจนั้น ก็ต้องมีคำชี้แจง และ สว.เองจะต้องคำนึงให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ด้วย ทั้งนี้ส่วนตัวในวันพรุ่งนี้ (22 ส.ค.) มีความเป็นไปได้ 90 เปอร์เซ็นต์ โหวตเห็นชอบนายเศรษฐาเป็นนายกฯ

ส่วนพลเรือเอกเชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ยืนยันจะเดินทางเข้าร่วมการประชุม ต้องรอดูแนวทางของสภาจะพูดถึงเรื่องนี้เช่นไร แต่เข้าร่วมการประชุมอย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่พรรคร่วมรัฐบาลสามารถตกลงโควตา ครม.กันได้ลงตัว โดย สว.ในปีกของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีอยู่ประมาณ 120-150 เสียง พร้อมจะโหวตสนับสนุนนายเศรษฐา

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะเดียวกันการแบ่งโควตารัฐมนตรีดังกล่าวก็สร้างความไม่พอใจให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มี สส. 40 เสียง แต่กลับได้โควตารัฐมนตรี 4 ที่นั่ง เท่ากับพรรครวมไทยสร้างชาติ ดังนั้นในการโหวตสนับสนุนนายเศรษฐาเป็นนายกฯ นั้น สว.ในซีกของ พล.อ.ประวิตรอาจจะโหวตสนับสนุนนายเศรษฐาไม่เต็ม 100%.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง