“ไตรศุลี” ย้ำประกาศมหาดไทยเรื่องเปิดสถานบริการ 24 ชั่วโมง แค่ในสนามบินอู่ตะเภาพื้นที่ 6,500 ไร่เท่านั้น “พัทยา-ระยอง” ไม่เกี่ยว ชี้เป็นเรื่องปกติ สอดคล้องกิจการภายในสนามบิน “จุฬา” ชี้ผู้รับสัมปทาน 50 ปีจะเป็นโต้โผหลักก่อสร้าง คาดใช้เงินลงทุนกว่า 4 หมื่นล้านบาท
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม 2566 มีรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่กฎกระทรวง
เรื่อง กำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 ซึ่งลงนามโดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงในราชกิจจาเล่ม 140 ตอนที่ 51 ก และมีผลบังคับใช้แล้ว
โดยเนื้อหาของประกาศดังกล่าวระบุว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ.2509 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2546 และมาตรา 30 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ.2509 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกกฎกระทรวงไว้ดังต่อไปนี้ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นข้อ 6/1 แห่งกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ พ.ศ.2547 “ข้อ 6/1 สถานบริการตามมาตรา 3 (1) ถึง (5) ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา และตั้งอยู่ในเขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออกตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ดอีอีซี) เรื่อง กำหนดเขตส่งเสริม : เมืองการบินภาคตะวันออก ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2561 ให้เปิดทำการได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”
ทั้งนี้ เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ.2509 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2546 บัญญัติให้การกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง และโดยที่ได้มีการกำหนดเขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออก ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง กำหนดเขตส่งเสริม : เมืองการบินภาคตะวันออก ลงวันที่ 13 ก.พ.2561 สมควรกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการทุกประเภทที่ตั้งอยู่ในเขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออกให้เปิดทำการได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินกิจกรรมของเมืองการบิน จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงประกาศดังกล่าว ที่สังคมบางส่วนเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าเป็นการอนุญาตที่ครอบคลุมถึงพื้นที่โดยรอบว่า กรณีนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ยืนยันว่าอนุญาตให้เปิดบริการ 24 ชั่วโมงของสถานบริการ จะมีได้เฉพาะในเขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออก ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ดอีอีซี) เรื่องกำหนดเขตส่งเสริม : เมืองการบินภาคตะวันออก ลงวันที่ 13 ก.พ.2561 ซึ่งอยู่ในสนามบินอู่ตะเภาเท่านั้น ไม่ครอบคลุมถึงพื้นที่โดยรอบหรือเมืองท่องเที่ยวต่อเนื่องอื่น เช่น เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี หรือพื้นที่อื่นใน จ.ระยอง โดยพื้นที่อื่นๆ ภายนอกเขตส่งเสริมเมืองการบินยังต้องปฏิบัติตามเกณฑ์การเปิด-ปิดสถานบริการตามปกติ
“เขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออกตามประกาศของบอร์ดอีอีซีครอบคลุมพื้นที่ 6,500 ไร่ในสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาเท่านั้น ซึ่งการอนุญาตนี้ก็เพื่อให้สอดคล้องกับกิจการภายในสนามบิน ที่ต้องมีการบินเข้า-ออกทั้งในส่วนของผู้โดยสาร การขนส่งสินค้า ที่จะต้องมีอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจำเป็นต้องมีบริการ กิจการร้านค้าต่างๆ เปิดให้บริการรองรับ เช่นเดียวกับสนามบินนานาชาติอื่นๆ เช่น สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ที่ก็มีการอนุญาตให้ร้านค้าและบริการต่างๆ เปิดบริการในสนามบินได้ 24 ชั่วโมงเช่นกัน และการอนุญาตนี้จะสนับสนุนให้สนามบินอู่ตะเภามีบริการที่ครบวงจร สามารถดึงดูดการท่องเที่ยวและลงทุนให้เกิดในพื้นที่อีอีซีในภาพรวมได้” น.ส.ไตรศุลีกล่าว
น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เป็นหนึ่งในโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานในอีอีซีตามนโยบายของรัฐบาล มีเป้าหมายคือยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็นสนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3 เชื่อมสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิด้วยรถไฟความเร็วสูง ทำให้ทั้ง 3 สนามบินสามารถรองรับผู้โดยสารรวมกันได้มากถึง 200 ล้านคนต่อปี ส่งเสริมให้อีอีซีสามารถเป็นศูนย์กลางการพัฒนาธุรกิจ อุตสาหกรรมเป้าหมาย มีโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงกับกรุงเทพฯ และปริมณฑลไปทางตะวันออกอย่างสะดวก ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการบินและประตูเศรษฐกิจสู่อาเซียน
สำหรับเขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออกในสนามบินอู่ตะเภา ประกอบไปโครงการหลักหลายโครงการ เช่น อาคารผู้โดยสารที่รองรับเที่ยวบินพาณิชย์ขนส่งผู้โดยสาร, ศูนย์ธุรกิจการค้าและการขนส่งภาคพื้นดิน, ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน, เขตประกอบการค้าเสรี และเขตธุรกิจเกี่ยวเนื่อง, ศูนย์ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและโลจิสติกส์ รวมถึงศูนย์ฝึกอบรมการบิน
นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กล่าวว่า การอนุญาตให้ตั้งสถานบริการนั้น จะสร้างสถานบริการให้อยู่ในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ หรือเขตเมืองการบิน ซึ่งในเขตดังกล่าวจะมีรันเวย์ที่เป็นส่วนหนึ่งของสนามบินอู่ตะเภาทั้งหมด แล้วเมืองการบินที่ติดกับสนามบินอู่ตะเภา มีพื้นที่โดยประมาณ 6,000 ไร่ และไม่มีการสร้างสถานบริการออกนอกเขตดังกล่าว โดยผู้ลงทุนสร้างสถานบริการจะเป็นเอกชน โดยหลักจะเป็นบริษัทผู้ที่ได้รับสัมปทาน 50 ปีในการสร้างสนามบินอู่ตะเภา ประกอบด้วย บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), บริษัท บีทีเอส กรุ๊ปโฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ที่เป็นผู้ลงทุนสร้างสถานบริการ ซึ่งอาจมีการร่วมมือกับภาคเอกชนอื่นๆ เพื่อดึงพันธมิตรเข้าร่วมสร้างสถานบริการให้เกิดกิจกรรมในพื้นที่ในเมืองการบิน ซึ่งประมาณการลงทุนเบื้องต้นอยู่ที่ 40,000 ล้านบาท
“การสร้างสถานบริการอาจเป็นห้างสรรพสินค้า คอมเพล็กซ์ โรงแรม ร้านอาหาร เอาต์เลต รวมถึงฮอลล์จัดกิจกรรมสำหรับการแสดงคอนเสิร์ตต่างๆ ไว้สำหรับเชิงพาณิชย์ ซึ่งการขยายเวลา 24 ชั่วโมง จากปกติขายได้เพียง 8 ชั่วโมงในบริเวณเมืองการบิน ก็สอดคล้องกับการให้บริการของสนามบินที่มีผู้ใช้บริการเดินทางด้วยสนามบินอู่ตะเภา เมื่อลงสนามบินสามารถเลือกพักผ่อนในสถานบริการที่มีการสร้างไว้ได้จะเกิดการใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งมองว่าจะเป็นแลนด์มาร์กใหม่” นายจุฬากล่าว
นายจุฬาระบุว่า สกพอ.ยังไม่มีโปรเจกต์ใหม่ๆ เสนอรัฐบาลใหม่ และคงไม่เน้นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ แต่จะผลักดันการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเดิมให้เสร็จสิ้นโดยเร็วขึ้น เพราะโครงการและความรับผิดชอบหลักของ สกพอ. คือการดึงนักลงทุนเข้ามาลงทุนในพื้นที่ เนื่องจากการลงทุนอุตสาหกรรมที่อีอีซีดูแล ไม่ได้เป็นการลงทุนที่เป็นอุตสาหกรรมหนัก ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เดิมสามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง แต่จะมุ่งไปที่พื้นที่ว่างๆ นำมาใช้ประโยชน์และดึงนักลงทุนเข้ามาร่วมลงทุน
“สกพอ.จะเร่งพูดคุยกับรัฐบาลใหม่ในเรื่องที่ดำเนินการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ และยังทำงานช้าอยู่ เช่น การสร้างรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมกรุงเทพฯ กับพื้นที่อีอีซี จะผลักดันให้เกิดการเดินหน้าให้เร็วขึ้น” นายจุฬาระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศก.มี.ค.ชะลอ ธปท.ชี้ยังโตได้ ท่องเที่ยวหนุน
ธปท.เผยเศรษฐกิจเดือน มี.ค.ชะลอตัว หลังเร่งไปมากช่วงก่อนหน้า
สุทินรอคุยจีนเคาะ‘เรือดำน้ำ’
"สุทิน" คุย "ทูตจีน" ยังไม่ตกผลึกเรือดำน้ำ เผยคณะจีนชุดใหญ่
คกก.สอบ2บิ๊กตร.ใกล้จบ
นายกฯ นั่งหัวโต๊ะประชุม ก.ตร. ไฟเขียวแต่งตั้ง 43 นายพลสีกากี
ยื่นศาลล้มกฎกกต. ภท.สั่งห้ามจุ้นสว.
“อนุทิน” ออกประกาศสั่งลูกพรรคให้ปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายอย่างเคร่งครัด
นิดติวเข้มรมต.ใหม่ ทูลเกล้าฯ‘มาริษ’การันตี‘พิชิต’ไม่ขาดคุณสมบัติ
ทำเนียบฯ คึกคัก! "เศรษฐา" เรียก "รมต.ใหม่เพื่อไทย" เข้าพบ ติวเข้มงานกระทรวง "มาริษ" ดอดขึ้นตึกไทยฯ
เรียกโจ๊กแจง7พค. ทีมสอบวินัยย้ำชัด ยึดกม.-ไร้คนชี้นำ
"รอง ผบ.ตร." เรียกประชุมคณะกรรมการสอบ “บิ๊กโจ๊ก” พร้อมพวก 5 คนผิดวินัยร้ายแรง จ่อเรียกรับทราบข้อกล่าวหาภายใน 7 พ.ค.นี้