คุก20ปี‘ลุงพล’ ดิ้นยื่นอุทธรณ์ ‘แม่ชมพู่’พอใจ

ศาลมุกดาหารสั่งจำคุก "ลุงพล" 20 ปี 2 ข้อหา คดี "น้องชมพู"   ด้าน "ป้าแต๋น" รอด ขณะที่ศาลให้ใช้หลักทรัพย์ 5 แสนประกันตัว ทนายลั่นอุทธรณ์แน่ ยังไม่ได้แพ้น็อก ด้าน “แม่น้องชมพู่” ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม  เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ศาลจังหวัดมุกดาหารอ่านคำพิพากษาที่นายอนามัย และนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา   พ่อแม่ของน้องชมพู่ และอัยการจังหวัดมุกดาหาร ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล จำเลยที่ 1   น.ส.สมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น  จำเลยที่ 2 ในฐานความผิดฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา, พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุอันสมควร ทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกิน 9 ปี ไว้ ณ ที่ใด เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้ผู้ถูกทอดทิ้งถึงแก่ความตาย และกระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป

ส่วน น.ส.สมพร จำเลยที่ 2 มีความผิดในข้อหาร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป

ศาลพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 317 วรรคแรก ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 10 ปี ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควร จำคุก 10 ปี ข้อหาอื่นสำหรับจำเลยที่ 1 ให้ยก และยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 กับให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าสินไหมทดแทนทางแพ่งให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสอง

อนึ่ง คดีนี้อธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 และผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมุกดาหาร ตรวจสำนวนและทำความเห็นแย้งว่า พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองมีข้อสงสัยตามสมควร ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 1 เห็นควรพิพากษายกฟ้อง จึงให้รวมไว้ในสำนวน ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 11 (1)

ภายหลังฟังคำพิพากษา ทนายความของนายไชย์พลได้ยื่นหลักทรัพย์ต่อศาลจังหวัดมุกดาหารเพื่อขอประกันตัว ต่อมาศาลได้อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยใช้หลักทรัพย์ 5 แสนบาท

ต่อมาช่วงบ่าย พ่อแม่น้องชมพู่  พร้อมด้วยนายพิสิษฐ์ ตรัยเจริญเมธากุล และนายจักรวาล อัครวิศาลหิรัญ ทีมทนายความส่วนตัว แถลงข่าวหลังศาลพิพากษา โดยนายพิสิษฐ์กล่าวว่า ศาลวินิจฉัยเอาไว้ว่าจำเลยน่าจะเข้าใจผิดว่าน้องได้เสียชีวิตไปแล้ว จึงนำขึ้นไปไว้บนเขา แต่เรารู้สึกเห็นแย้งและเห็นต่างไปจากท่าน เนื่องจากเรามองว่าถ้าหากเราอุ้มเด็ก ลมหายใจก็จะติดอยู่กับตัวของเรา เราก็ยังจะทราบว่าเด็กมีชีวิตอยู่หรือไม่ ระยะทางกว่าจะขึ้นไปจนถึงที่เกิดเหตุ เชื่อว่าคนอุ้มจะต้องทราบดีอยู่แล้ว และนอกจากนี้ยังมีของเล่นเด็กที่ไปตกอยู่บนเขาด้วย เราเชื่อว่ามีคนเอาเด็กไปไว้บนเขา และนำของเล่นเด็กขึ้นไปให้ด้วย แต่เราไม่ก้าวล่วงคำวินิจฉัยของศาล และเคารพคำวินิจฉัยของผู้พิพากษา ซึ่งในส่วนนี้เราจะใช้สิทธิ์อุทธรณ์ต่อไป ทุกข้อหาที่เราฟ้องไปเบื้องต้นจะยื่นอุทธรณ์ทั้งหมด ส่วนที่ศาลลงโทษจำเลยที่หนึ่งว่าประมาทเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เราก็เคารพ แต่ก็มีข้อเท็จจริงที่มากเพียงพอที่จะยื่นอุทธรณ์ว่าจำเลยทราบว่าเด็กหรือน้องชมพู่ยังมีชีวิตอยู่จึงนำไปปล่อยไว้บนเขา

นางสาวิตรีกล่าวว่า ตอนเช้าตื่นเต้นแต่พอได้รู้ผลยอมรับว่าพอใจ จริงๆ แล้วความตั้งใจของแม่อยากรู้ว่ามีคนทำให้น้องตายคือใคร พอได้รู้ผลตรงนี้แล้วก็ถือว่าพอใจ แม้ว่าศาลจะตัดสินออกมาไม่ตรงกับคำฟ้องของอัยการ แต่คดีนี้คนร้าย ตอนนี้ยังไม่ได้คิดอะไรมาก ยอมรับว่าพอศาลตัดสินลงโทษจำเลยรู้สึกตื่นเต้น และยังไม่ได้คิดอะไรที่เป็นรายละเอียดนอกเหนือจากนี้ในคดี อยากขอบคุณศาลมุกดาหาร ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม ขอบคุณตำรวจ ขอบคุณเพื่อนๆ ชาวบ้านทุกคนที่ให้กำลังใจ

เช่นเดียวกับ นายไชย์พลและ น.ส.สมพร พร้อมด้วยนายสุรชัย ชินชัย ทีมทนายความ แถลงข่าวหลังจากยื่นหลักทรัพย์ต่อศาลจังหวัดมุกดาหาร และได้รับการประกันตัว ช่วงที่รถตู้ของนายไชย์พลถึงโรงแรม นายไชย์พลได้ลงมาจากรถตู้ในสภาพที่อิดโรยและมีสีหน้าเคร่งเครียดกว่าทุกครั้ง ส่วน น.ส.สมพรไม่เครียด และยิ้มได้ปกติ พร้อมพูดเปรยสั้นๆ ระหว่างลงรถว่าไม่เป็นไร เรายังมีก๊อกสอง โดยก่อนการแถลงข่าวมีแฟนคลับของนายไชย์พลหอบช่อดอกไม้มามอบให้เพื่อเป็นกำลังใจจำนวนมาก

นายไชย์พลเปิดเผยความรู้สึกเพียงสั้นๆ เนื่องจากยังพูดไม่ออก และมีท่าทีจะร้องไห้ว่า น้อมรับคำตัดสินของศาลชั้นต้น ตนได้รับทราบคำสั่งเรียบร้อย ซึ่งต่อไปก็เป็นหน้าที่ของทีมทนาย ยืนยันไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด อยากให้ทุกคนสบายใจและเข้าใจว่าตนและ น.ส.สมพรไม่เกี่ยวข้อง

ด้าน น.ส.สมพรกล่าวว่า ขอบคุณ แฟนคลับทุกคนที่คอยติดตามและให้กำลังใจ ตนเชื่อว่าแฟนคลับทุกคนรู้ว่ากระบวนการยังไม่จบ ยังมีอีก 2-3 ศาลให้ต่อสู้ แต่วันนี้ตนพร้อมน้อมรับผลคำตัดสินของศาล แต่จะขอสู้ต่อในชั้นอุทธรณ์ต่อไป

ขณะที่นายสุรชัยกล่าวว่า หลังจากนี้จะเป็นหน้าที่ของทีมทนายที่จะเขียนคำอุทธรณ์เพื่อยื่นต่อศาลภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันนี้ แต่ด้วยเอกสารที่มีหลายแฟ้ม จึงต้องใช้เวลาในการเขียนข้อโต้ตอบโต้และคัดค้าน เพื่อให้ศาลพิจารณาพิพากษาอีกครั้ง ซึ่งในครั้งต่อไปจะเป็นศาลอุทธรณ์ภาค 4 จังหวัดขอนแก่น คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 ปี อย่างไรก็ตาม นายไชย์พลไม่มีจิตใจโหดร้ายที่จะฆ่าเด็ก วันนี้เป็นการแพ้ในยกที่ 1 แต่ไม่ได้แพ้น็อก

สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พ.ค.2563 น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ หายไปจากบ้านพักภายในหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร และไปพบศพบนภูเขาเหล็กไฟ เขตอุทยานแห่งชาติภูผายล ห่างจากบ้านราว 2 กิโลเมตร ซึ่งตำรวจต้องใช้เวลาคลี่คลายคดีนานกว่า 1 ปี กระทั่งออกหมายจับ ทั้ง 2 คน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กฤษฎาฉีกหน้าพิชัย ไม่ให้เกียรติร่วมงานไม่ได้ ‘ทักษิณ’โผล่โคราช25พ.ค.

“เศรษฐา” ทัวร์ ประเดิมดูงานโครงการพระราชดำริ ชี้รัฐบาลให้ความสำคัญ ก่อนลุยตรวจสนามบินหัวหิน สั่งเร่งขยายให้จบก่อนไตรมาส 4 แพลมมีไอเดียเปลี่ยนชื่อเป็น