"สิระ" อ่วม! เบื้องต้นต้องจ่ายเงินคืนสภา 8.4 ล้านบาท ยังเหลือค่าเดินทางจัดสัมมนานอกสถานที่ สัปดาห์หน้ารู้ ขณะที่เลือกตั้งซ่อมเขต 9 กทม. เดือดแน่ ส่งคนลงแข่งไม่น้อยต่ำกว่า 5 พรรค "ชลน่าน" เชื่อเป็นสนามวัดกระแสเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2564 มีรายงานจากรัฐสภาถึงความคืบหน้าการทวงเงินเดือน ส.ส. และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของนายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ คืนสภาผู้แทนราษฎร ภายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนสถานะการเป็น ส.ส. กรณีมีคุณสมบัติต้องห้ามถูกคำพิพากษาจำคุกในคดีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ว่า ล่าสุดสำนักการคลังได้ตรวจสอบเงินเดือนและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของนายสิระที่ต้องจ่ายคืนให้สภาผู้แทนราษฎรเสร็จเรียบร้อยในหลายรายการแล้ว
ได้แก่ 1.เงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่ม (เงินเดือน) 2.เงินเดือนค่าตอบแทนผู้ช่วย ส.ส.ของนายสิระ 7 คน 3.ค่าเบี้ยประชุม กมธ.ชุดต่างๆ 4.ค่ารักษาพยาบาล ตั้งแต่เดือน มี.ค.2562 ถึงวันที่ 22 ธ.ค. 2564 รวมเกือบ 3 ปี พบว่ามีเงินที่นายสิระต้องจ่าคืนแก่สภาเบื้องต้น 8,490,000บาท แต่ยังเหลือการตรวจสอบการเบิกจ่ายค่าเดินทางและการจัดสัมมนานอกสถานที่ของ กมธ.ชุดต่างๆ ของนายสิระที่ยังตรวจสอบไม่เสร็จ คาดว่าจะตรวจสอบเสร็จภายในสัปดาห์หน้า หลังจากนั้นสภาจะทำหนังสือแจ้งนายสิระอย่างเป็นทางการว่าต้องคืนเงินให้กับสภาเป็นจำนวนเท่าใด
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลมีมติส่ง เพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ ลงสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 9 หลักสี่-จตุจักร (ยกเว้นเเขวงจตุจักร แขวงจอมพล) จะเป็นการตัดคะแนนกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ว่าแน่นอน เพราะเป็นการแข่งขัน ซึ่งประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน แต่คงไม่มาก ถือเป็นเรื่องธรรมดา โดยเหตุผลที่บอกว่ามีน้อย เนื่องจากว่าที่ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยคือนายสุรชาติ เทียนทอง เป็นอดีตส.ส. ทำงานเกาะติดในพื้นที่มาตลอด และมีฐานคะแนนกระจายในทุกกลุ่ม จึงไม่น่ากังวล อีกทั้งมองว่าจะเป็นผลดีมากกว่า เพราะที่ผ่านมาการเลือกตั้งซ่อม จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์น้อย แต่หากมีการแข่งขันจากหลายพรรคการเมือง ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่จะให้ผู้ออกมาใช้สิทธิ์กันมากขึ้น
ส่วนกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ เสนอส่งให้นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ เป็นว่าที่ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมในนามพรรคพลังประชารัฐนั้น นพ.ชลน่านระบุว่า ไม่กังวล เพราะคู่แข่งก็ถือเป็นวิกฤตสำหรับเราอยู่แล้ว แต่ที่มั่นใจเพราะว่าที่ผู้สมัครของพรรคได้ทำพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จึงไม่กังวลคู่แข่งเท่าไหร่ ไม่ว่าจะมาจากพรรคไหน แต่สิ่งที่น่ากังวลไปกว่าคือวิธีการจัดการเลือกตั้งของผู้มีอำนาจรัฐ ที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าในการเลือกตั้งปี 2562 คือคะแนนที่เกิดขึ้นมาจากการจัดตั้ง อำนาจรัฐ อำนาจเงินหรือไม่ ที่ทำให้ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยในขณะนั้น ซึ่งได้รับคะแนนกว่า 32,000 คะแนนแพ้การเลือกตั้ง ดังนั้นพรรคจึงต้องหาวิธีการจัดการปัญหานี้ เพื่อให้คะแนนเลือกตั้งเกิดจากการใช้สิทธิ์ใช้เสียงที่แท้จริงของประชาชน
เขายังเผยว่า การเลือกตั้งซ่อมเขตหลักสี่ครั้งนี้ จะเป็นการแข่งขันที่ดุเดือด เพราะขณะนี้ก็มีไม่ต่ำกว่า 5 พรรคการเมืองแล้วที่ประกาศจะส่งผู้สมัคร และยังมีผู้สมัครที่มีความหลากหลาย รวมทั้งยังเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี และการเลือกตั้งซ่อมอาจไม่ได้เน้นหนักที่นโยบาย แต่เป็นเรื่องอารมณ์ความรู้สึก เชื่อว่าชาวหลักสี่และจตุจักรต้องการชำระล้างศักดิ์ศรีที่สูญหายไปกลับคืนมา
"สนามเลือกตั้งซ่อมสนามนี้ ไม่ใช่การเลือกตั้งซ่อมปกติทั่วไป เพราะเกิดขึ้นใกล้กับสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. รวมถึงการเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นด้วย ดังนั้นทุกพรรคจึงต้องการใช้สนามเลือกตั้ง ทดสอบวัดกระแสพรรคตัวเองว่าเป็นอย่างไรในพื้นที่ กทม. ทุกพรรคต้องพยายามทุ่มกำลังในการลงพื้นที่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะจัดทัพใหญ่ลงพื้นที่ไปช่วยผู้สมัครของพรรคในครั้งนี้" นพ.ชลน่านกล่าว
ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า "ส่งสมัครแน่นอน พรรคไทยภักดีขอขอบคุณในกำลังใจและพลังที่พี่น้องประชาชน สนับสนุนให้พรรคส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมแทนตำแหน่งที่ว่าง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ขอยืนยันว่าพรรคไทยภักดีส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงสมัครแน่นอน และจะแถลงข่าวเปิดตัวเป็นทางการต่อไป"
นพ.วรงค์ยังได้เชิญสื่อมวลชนร่วมกิจกรรมแถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ วันอาทิตย์ที่ 26 ธ.ค. 2564 เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานพรรคไทยภักดี
มีรายงานข่าวความเคลื่อนไหวของ "กลุ่ม 4 กุมาร" นำโดยนายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และอดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่ก่อนหน้านี้มีกระแสเตรียมตั้งพรรคการเมืองใหม่
ล่าสุดในวันที่ 3 ม.ค.นี้ นายอุตตมและนายสนธิรัตน์นัดสื่อมวลชนพูดคุยเปิดใจเกี่ยวกับการจัดตั้งพรรคการเมือง โดยมีกระแสข่าวว่าได้มีได้การส่งคนไปขอจดทะเบียนพรรคในชื่อ "พรรคสร้างอนาคตไทย" กับกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)แล้ว
ทั้งนี้ นายสนธิรัตน์และนายอุตตมจัดอยู่ใน "กลุ่ม 4 กุมาร" ซึ่งนอกจากทั้งสองคนแล้ว ยังมีนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาฯและอดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ,นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองและอดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเคยร่วมทำงานกันในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ และมีบทบาทในการขับเคลื่อนพรรคพลังประชารัฐ แต่เมื่อเกิดปัญหาขัดแย้งภายในพรรคเกี่ยวกับโควตารัฐมนตรี ทำให้ทั้ง 4 คนประกาศลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับมีข่าวเตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่
ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ที่ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ และจะเข้าร่วมงานการเมืองกับ 4 กุมาร เผยว่ารับหน้าที่ดูแลพื้นที่ภาคใต้ของพรรคใหม่ ที่สามารถเปิดเผยได้คือเป็นพรรคการเมืองที่นักธุรกิจและผู้ประกอบการ รวมถึงนักการเมืองสายกลางรวมตัวกันเพื่อแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทย เนื่องจากวิกฤตโควิด-19 ตลอด 2-3 ปี ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยและทั่วโลก โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ทำให้คนตกงาน ว่างงานเพิ่มขึ้น มีคนจนเพิ่มขึ้นจำนวนมาก
"พรรคของเราได้ข้อสรุปเพื่อทำนโยบายของพรรค ตั้งเป้าหมายแก้ไขเรื่องปากท้อง ค่าครองชีพ หรือการสู้รบความยากจนของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นแนวคิดของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยุคก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ โดยเราจะผลักดันให้นายสมคิดเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ให้เข้ามาแก้ไขปัญหาหมวดเศรษฐกิจ" นายนิพิฏฐ์ระบุ
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ชุมพร และเขตเลือกตั้งที่ 6 จังหวัดสงขลา ว่าขณะนี้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ได้เตรียมการเลือกตั้งอย่างเต็มรูปแบบ และแต่งตั้งนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง เป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ชุมพร และแต่งตั้งนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งเขตเลือกตั้งที่ 6 จังหวัดสงขลา เพื่อให้การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในนามพรรค ได้ดำเนินการอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ยึดหลักรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และให้มีการสื่อสารนโยบายต่างๆ ของพรรคแก่ประชาชนได้รับทราบอย่างเต็มที่ ทั้งสองคนจะเป็นหลักในการบัญชาการการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในพื้นที่
"ท่านเฉลิมชัยยังได้แต่งตั้งผมให้เป็นผู้อำนวยการประสานงานส่วนกลาง เพื่อประสานการทำงานในเขตพื้นที่กับส่วนกลางทั้งในเรื่องกฎหมาย และในการจัดบุคลากรร่วมรณรงค์และอำนวยการต่างๆในเขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดชุมพร และเขตเลือกตั้วที่ 6 จ.สงขลา อย่างเต็มรูปแบบ มั่นใจว่าจะชนะการเลือกตั้งทั้งสองเขตอย่างแน่นอน" นายราเมศกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พปชร.จัดใหญ่ เปิดตัว 492 ผู้สมัครส.ส. คนแน่นบางกอกอารีนา ดารานักแสดงเพียบ
พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดกิจกรรมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 400 คน ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 92 คน รวม 492 คน และเปิดนโยบายพรรค นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ
ทำบุญ100วันรล. ทร.ของบกู้200ล. ชงกกต.ไฟเขียว
ครบ 100 วันเรือสุโขทัยอับปาง “ผบ.ทร.” ทำบุญใหญ่อุทิศส่วนกุศลแด่ 29 ดวงวิญญาณ
ขึ้นดอกเบี้ยอีก0.25% กนง.หนุนเศรษฐกิจฟื้น
กนง.มีมติเอกฉันท์ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ต่อปี สู่ระดับ 1.75% ต่อปี
ผบ.ทบ.เดือด! คนดีคงไม่ทำ พ่นกำแพงวัง
ผบ.ทบ.เดือด! ซัดมือพ่น "กำแพงวัดพระแก้ว" คนดี-คนปกติคงไม่ทำ
31พรรคลงนามจรรยาบรรณ
กกต.พร้อมแล้ว รับสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์-แบ่งเขต เผยพรรคการเมืองระวังตัวแจไม่หลุดปมใหญ่สังกัด 30 วัน
ปชป.ฮึดปลุกเรตติ้ง ‘ชวน-มาร์ค’ทุ่มหาเสียง/เลื่อนถกครม.สมัครปาร์ตี้ลิสต์
"บิ๊กตู่" เมิน "ยงยุทธ" เสนอทางออกกลืนเลือดคนละก้อน หลัง "ทักษิณ" ประกาศกลับไทย ยันไม่ใช่ตัวขัดแย้ง