ไม่วิกฤต!คลังการันตีศก.สดใส

“คลัง” การันตีเศรษฐกิจไทยเดือน ม.ค. สัญญาณดีขึ้น อานิสงส์ต่างชาติแห่เข้าไทยคึกคัก 3 ล้านคน ดันท่องเที่ยวฟื้นตัว พ่วงบริโภคเอกชนสดใส   ดัชนีเชื่อมั่นขยับเพิ่มต่อเนื่อง 6 เดือน สูงสุดรอบ 47 เดือน ส่งออกบูม 6 เดือนติด จับตาสถานการณ์เศรษฐกิจใน-นอกประเทศ หวั่นกระทบภาคการผลิต

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สคร.) เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือน ม.ค. 2567 ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยรวม 3.04 ล้านคน คิดเป็น 41.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ รัสเซีย และอินเดีย รวมถึงการบริโภคภาคเอกชนที่มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่ง ขยายตัว 2.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน รายได้เกษตรกรที่แท้จริง เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 0.6% รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 62.9 จากระดับ 62.0 ในเดือนก่อน ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และสูงสุดในรอบ 47 เดือน สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสริมจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยมีมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ 22,649.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 10% เป็นผลมาจากการขยายตัวของสินค้าในหมวดเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขณะที่สินค้าข้าว ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง สิ่งปรุงรสอาหาร และเครื่องดื่มก็ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง  เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และน้ำตาลทราย ชะลอตัว โดยเมื่อจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ปรับตัวดีขึ้นในตลาดทวีปออสเตรเลีย ขยายตัว 27.2% อาเซียน-5   ขยายตัว 18.1% และสหรัฐ ที่ขยายตัว 13.7% รวมทั้งกลุ่มตลาดอื่นๆ อาทิ ตลาดรัสเซียและกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (Commonwealth of Independent States: CIS) ที่ขยายตัวได้สูงถึง 64.6%

สำหรับการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณชะลอลงจากเดือนก่อน โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -26.5% การลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -7.2% ขณะที่ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -3.3%

ขณะที่ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -4.4% จากการลดลงของผลผลิตในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ข้าว ยางพารา และปาล์มน้ำมัน อย่างไรก็ดี ข้าวโพด และผลผลิตในหมวดไม้ผล ยังคงขยายตัว สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 90.6 จากระดับ 88.8 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากยอดคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน รวมถึงภาคการส่งออกฟื้นตัวต่อเนื่องตามอุปสงค์ในตลาดโลก

อย่างไรก็ดี ในส่วนของเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ม.ค. 2567 อยู่ที่ -1.11% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.52% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.2566 อยู่ที่ 61.3% ต่อจีดีพี โดยยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตของไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง