ใต้ระอุ!ก่อเหตุ4จว.44จุด

ไฟใต้ปะทุ ก่อความไม่สงบ  44 จุด 4 จังหวัด หว่านไปทั่วทั้งปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ เสาส่งสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์ ฯลฯ แม่ทัพภาค 4 สั่งตรึงกำลัง 24 ชั่วโมง เผยคนร้ายมุ่งหวังทำลายระบบสาธารณูปโภค ระบบเศรษฐกิจ สร้างสถานการณ์ทำลายบรรยากาศเดือนรอมฎอนสันติสุข   นายกฯ สั่งรักษาการ ผบ.ตร.ลงพื้นที่ด่วน ขณะที่ สส.ก้าวไกลร่ายเป็นฉาก เข้าใจความรู้สึกอึดอัดของผู้คนในพื้นที่   เพิ่งรำลึกให้คนตายครบรอบโศกนาฏกรรมตากใบ

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567 พ.อ.เอกวริทธิ์ ชอบชูผล โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยกรณีเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567 เวลาประมาณ  01.00 น. เป็นต้นไป กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงพยายามสร้างสถานการณ์ก่อกวนหลายจุดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หวังทำลายระบบเศรษฐกิจ สาธารณูปโภค ลดความเชื่อมั่นของเจ้าหน้าที่ และพยายามสร้างสถานการณ์ทำลายบรรยากาศเดือนรอมฎอนสันติสุข ล่าสุด กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ดำเนินการควบคุมพื้นที่และตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุดังกล่าว ภาพรวมพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้สร้างสถานการณ์ในพื้นที่ทั้งสิ้น จำนวน 44 จุด (ข้อมูล ณ เวลา 13.30 น.) ดังนี้ 1.พื้นที่จังหวัดยะลา จำนวน  12 จุด 2.พื้นที่จังหวัดปัตตานี จำนวน  23 จุด 3.พื้นที่จังหวัดนราธิวาส   จำนวน 7 จุด และ 4.พื้นที่จังหวัดสงขลา   จำนวน 2 จุด

โดยแบ่งเป็นเหตุลอบวางระเบิด จำนวน 1 เหตุการณ์ ที่สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง (ปตท.) ณ หมู่ที่ 2 ตำบลเกาะจัน อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี เป็นเหตุให้มีประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 1 ราย และเหตุการณ์ลอบวางเพลิง จำนวน 43 เหตุการณ์ (ร้านสะดวกซื้อ 7-11, เสาส่งสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์, เผารถยนต์-ยางรถยนต์, กล้องวงจรปิด CCTV, เสาไฟฟ้า, สายเคเบิลทีวี, รีสอร์ต, โรงไม้, ร้านเฟอร์นิเจอร์, โรงโม่หิน, เหมืองแร่, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, โรงงานผลิตเมทัลชีท, โรงบรรจุก๊าซ)

ภายหลังเกิดเหตุ พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กำชับหน่วยในพื้นที่ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ให้มีการบูรณาการกำลังทุกภาคส่วน และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง รัดกุม รอบคอบ มีการวางแผนและวิเคราะห์สถานการณ์ในพื้นที่ให้พร้อมรับมือต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน ตลอดจนยกระดับการรักษาความปลอดภัยฐานปฏิบัติการอย่างเข้มงวด ให้มีความพร้อมปฏิบัติภารกิจตลอด 24 ชั่วโมง โดยมอบหมายให้หน่วยที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามขยายผล ตรวจสอบวัตถุพยาน รวบรวมหลักฐานในพื้นที่เกิดเหตุอย่างละเอียด เพื่อตรวจหาความเชื่อมโยงของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด ขอให้พ่อแม่พี่น้องประชาชน รวมถึงผู้ประกอบการ ได้มีความมั่นใจว่ากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังคงยืนยันที่จะดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกท่านสามารถประกอบกิจการ อาชีพ รวมถึงการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ตามปกติ

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ก่อเหตุรุนแรงมุ่งหวังทำลายระบบสาธารณูปโภค ระบบเศรษฐกิจ สร้างสถานการณ์ทำลายบรรยากาศเดือนรอมฎอนสันติสุข โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นการก่อกวนในการประกอบศาสนกิจของพี่น้องประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามในห้วงเวลาแห่งการปฏิบัติตน พัฒนาตนเองด้วยความเพียรอันบริสุทธิ์และทำจิตใจให้สงบ นับว่าเป็นการกระทำไร้มนุษยธรรมและละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยไม่คำนึงถึงหลักการอันดีงามของศาสนา

ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หากพบบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 โทร. 06-1173-2999 หรือเบอร์สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งขอเรียนให้ทราบว่า ผู้ให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การนำพาซ่อนเร้น การให้การสนับสนุนที่พักพิง หรือการสนับสนุนเสบียงอาหาร จะมีความผิดตามกฎหมาย ป.วิอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ที่รัฐสภา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เดินทางไปยังอาคารรัฐสภา โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มารอรายงานสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น

จากนั้น นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับรายงานจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ แล้ว และรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะลงพื้นที่ทันที ทั้งนี้ ช่วงเดือนรอมฎอนเขาก็แสดงกำลัง เมื่อสักครู่ก็ได้โทรศัพท์หาผู้บัญชาการทหารบก ท่านแสดงความเป็นห่วง และได้สั่งการ ซึ่งจะต้องมีการรวบรวมข้อมูล

เมื่อถามว่า มีรายงานเบื้องต้นหรือไม่ว่าเหตุใดจึงมีการเจาะจงก่อเหตุความรุนแรงในช่วงเดือนรอมฎอน นายเศรษฐาตอบว่า เป็นการแสดงกำลัง ซึ่งเขาทำเป็นประจำอยู่แล้ว เดี๋ยวต้องไปนั่งหาข้อมูลต่อ

ซักว่าเป็นความเกี่ยวเนื่องกับวันครบรอบ 20 ปีเหตุการณ์ตากใบด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ทราบครับ

ถามต่อว่า ได้กำชับให้แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ลงพื้นที่ดูแลอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้สั่งการผ่านทางผู้บัญชาการทหารบกไปแล้ว ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 4 ก็จะดูแลในเรื่องนี้

ด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐเผยว่า จะรีบลงพื้นที่ โดยนายกฯ ได้กำชับเรื่องความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน เชื่อว่าผู้ก่อความไม่สงบจะหาโอกาสก่อเหตุ ทั้งนี้เตรียมประสานกับแม่ทัพภาคที่ 4  และในช่วงเช้าได้กำชับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ลงพื้นที่ตรวจเข้มในพื้นที่เกิดเหตุ และรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการและบ้านพัก ซึ่งต้องมีการข่าวว่าจะเกิดอะไรตามมาหรือไม่

ต่อมา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐลงพื้นที่ โดยเดินทางไปยังบริษัท สหพันธ์การไฟฟ้า จำกัด ต.ท่าสาป อ.เมืองฯ จ.ยะลา เพื่อติดตามสถานการณ์ พร้อมเข้าร่วมประชุมกับหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ถึงมาตรการยกระดับความปลอดภัยในการดูแลประชาชน โดยระบุว่า กลุ่มคนร้ายได้ใช้แนวความคิดที่ผิดไปจากหลักศาสนา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง พยายามดูแลความเรียบร้อยในช่วงเทศกาลถือศีลอด แต่ปรากฏว่ากลุ่มคนร้ายก็ใช้ช่องว่างตรงนี้ในการก่อเหตุ ซึ่งเขาเลือกช่วงเวลากลางคืนในการกระทำ และเราได้วิเคราะห์แล้วว่าเขาไม่ได้ประสงค์ต่อชีวิต เพียงแต่ต้องการที่จะสร้างสถานการณ์ก่อกวนเพื่อแสดงศักยภาพว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังมีความเคลื่อนไหวอยู่ ซึ่งวันนี้ฝ่ายความมั่นคงก็จะได้ประชุมหารือกันและวางมาตรการให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น

นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า เป็นการส่งสัญญาณผิดพลาดหลายสัญญาณ ถ้าดูจากรูปแบบการก่อเหตุ จะเห็นได้ว่าเป็นรูปแบบที่เคยเกิดขึ้น ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ขนาดนั้น หลายคนอาจจะเกิดขึ้นในช่วงที่สภากำลังพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2567

 “หลายคนอาจจะบอกว่าไม่สงบก็ไม่มา เป็นเหตุผลที่เจ้าหน้าที่ดึงงบ ผมขอเรียนว่าผมไม่ได้คิดอย่างนั้น ดูจากรูปแบบและจังหวะช่วงเวลา ถ้านับจากปฏิทินอิสลาม เมื่อคืนเป็นวันครบรอบโศกนาฏกรรมตากใบ ซึ่งเราคุยกันมาหลายรอบ ทั้งในที่เปิด ในสภา ว่าจะทำอย่างไรกับการดำเนินคดีอาญา หาผู้รับผิดชอบต่อการทำให้คนตายเมื่อ 20 ปีที่แล้ว วันนี้ถ้านับปฏิทินอิสลามถือว่าครบรอบ 20 ปีนั้น ซึ่งหากเป็นปฏิทินปกติคือ 25 ตุลาคม” นายรอมฎอนกล่าว

นายรอมฎอนกล่าวต่อว่า เมื่อวานนี้ก็มีการรำลึกให้กับคนตาย ตนเข้าใจความรู้สึกอึดอัดของผู้คนในพื้นที่ และการปฏิบัติการแบบนี้มันตอบสนองต่อความรู้สึกนั้น ตนพยายามพูดอย่างระมัดระวังให้แยกแยะระหว่างกลุ่มผู้ก่อการร้ายและกลุ่มนักสู้ เขาสัมผัสความรู้สึกที่อึดอัดแบบนั้นได้ แต่กลับกลายเป็นฝ่ายรัฐบาลที่ตนรู้สึกว่าไม่ตอบสนองต่อประเด็นเรื่องความยุติธรรม จนกลายเป็นเปิดช่องว่างให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง วันนี้เราพูดคุยถึงพื้นที่สันติสุขมากพอที่จะรับฟังเสียงต่างๆ เหล่านั้นแล้วหรือยัง

ส่วนจะฝากอะไรไปถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีหรือไม่ ในฐานะกำกับ กอ.รมน. นายรอมฎอนกล่าวว่า  นายกรัฐมนตรีอย่าอ่านสถานการณ์ผิด  แต่ไม่แน่ใจว่าใครรายงานให้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ต้องการการประเมินสถานการณ์ที่ตรงไปตรงมา ต้องการภาวะความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรี ในการชี้ทิศทางว่าจะไปทางไหน ถ้าปล่อยให้เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติทางหนึ่ง ส่งเสียงทางหนึ่งแบบนี้ ประชาชนก็จะสิ้นหวัง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง