ตีปี๊บดึง5บริษัทยักษ์ญี่ปุ่น ลงทุนตั้งฐานผลิตในไทย

"เศรษฐา" ตีปี๊บหารือ 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่น ดึงลงทุนตั้งฐานการผลิตในไทย ชวน "โซนี่" จัดทัวร์นาเมนต์ E-Sports เตรียมลงนามตั้งฐานผลิตเชื้อเพลิงจากซากอ้อยร่วม "มิตซุย" หวังช่วยลด PM 2.5 ชวน "นายกฯ มาเลย์" ลงพื้นที่ชายแดนใต้ร่วมกัน สร้างความแน่นแฟ้น ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ไม่สงบ

เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม เวลา 14.00  น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงโตเกียว ซึ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 2 ชั่วโมง) ณ ห้อง Sky Room ชั้น 24 โรงแรม The Peninsula Tokyo นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พบหารือกับผู้บริหารบริษัท Mitsui & Co., Ltd. บริษัท Mitsui & Co., Ltd. เป็นบริษัทการค้า การบริหารธุรกิจและการพัฒนาโครงการระดับโลก ติดอันดับ 1 ใน 5 ของญี่ปุ่น ดำเนินธุรกิจหลักในด้านพลังงาน ทรัพยากรแร่และโลหะ เหล็ก เป็นต้น โดยปัจจุบันบริษัทร่วมมือกับภาคเอกชนของไทย และร่วมดำเนินการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการใช้ประเทศไทยเป็นฐานผลิต “บรรจุุภัณฑ์รักษ์โลก” ซึ่งมุ่งหวังว่าจะตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจของบริษัท และส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารที่เป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์หลักของประเทศไทยอีกด้วย

ต่อมาเวลา 14.25 น. นายเศรษฐาพบหารือกับผู้บริหารบริษัท Ajinomoto Co., Inc. บริษัท Ajinomoto Co., Inc. เป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องปรุงรสและอาหาร อาหารแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและอื่นๆ โดยแบ่งกิจกรรมทางธุรกิจเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.ธุรกิจอาหาร ที่มีการนำ AminoScience ไปใช้กับเครื่องปรุงรสและอาหาร และอาหารแช่แข็ง 2.ธุรกิจ AminoScience ที่มีการนำ AminoScience ไปใช้กับผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและอื่นๆ โดยมีบริษัทในเครือ 135 แห่ง ตั้งอยู่ใน 36 ประเทศทั่วโลก และมีโรงงานผลิต 117 แห่งใน 24 ประเทศทั่วโลก โดยบริษัทมีการดำเนินธุรกิจผงชูรส โรงงานผงปรุงรสอาหารในจังหวัดกำแพงเพชร สระบุรี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ ปทุมธานี และมีสํานักงานภูมิภาคในกรุงเทพฯ

จากนั้นเวลา 15.00 น. นายกฯ พบหารือกับผู้บริหารบริษัท Sony Group Corporation ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของโลก ทั้งนี้ สินค้าหลักที่ผลิตในไทย ได้แก่ กล้อง (ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตเพื่อการส่งออกทั่วโลก ยกเว้นจีน) และ Backend semiconductors โดยหารือเกี่ยวกับการเปิดโรงงานที่ 4 ภายใต้บริษัท Sony Device Technology (Thailand) ที่สวนอุตสาหกรรมบางกระดี จังหวัดปทุมธานี ซึ่งจะทำการประกอบ Semiconductor Laser สำหรับ Hard Disk Drive ที่ใช้ใน Data Center รวมถึงการประกอบ Image Sensor สำหรับการใช้งานในยานยนต์ ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับการอนุมัติแล้ว

ต่อมาเวลา 15.25 น. นายเศรษฐาพบหารือกับผู้บริหารบริษัท MUFG & Softbank MUFG Bank, Ltd. ธนาคารชั้นนำและใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีสินค้าและบริการทางการเงินที่ครอบคลุมทั้งในด้านธุรกิจและการลงทุนให้กับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ภาครัฐ และลูกค้ารายย่อยทั่วโลก มีสาขาในประเทศ 421 สาขา และสาขาต่างประเทศ 105 สาขา ครอบคลุม 40 ประเทศทั่วโลก โดยบริษัท MUFG & Softbank พร้อมให้ร่วมมือกับรัฐบาลไทย ผ่านการทำงานร่วมกับทีมนายกรัฐมนตรี และบีโอไอ เพื่อดึงดูดนักลงทุนชาวญี่ปุ่นที่กำลังพิจารณาย้ายฐานการผลิต โดยจะมีการจัด Roundtable Meeting และการตั้งบูธของบีโอไอ เพื่อให้บริการคำปรึกษา ระหว่างวันที่ 20-21 มิ.ย.2567 ณ โอซาก้าและโตเกียว

หลังจากนั้น นายเศรษฐาพบหารือกับผู้บริหารบริษัท Nidec Corporation บริษัทที่มุ่งเน้นการพัฒนาการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์และเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ในครัวเรือน มีความเชี่ยวชาญทางด้านผลิตภัณฑ์และโซลูชันการใช้งานเกี่ยวกับมอเตอร์ ซึ่งมีการดำเนินธุรกิจในไทยมายาวนานกว่า 35 ปี โดยนายกฯ ขอให้บริษัทพิจารณาขยายการลงทุนชิ้นส่วนสำคัญอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ชิ้นส่วนสำหรับ EV ในไทย ทั้่งนี้ บริษัทแจ้งว่าให้ความสำคัญให้การจ้างงานคนไทย และร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในไทยด้านโครงการรับนักศึกษาเข้ามาฝึกงาน

ต่อมาเวลา 16.30 น. นายกฯ เปิดเผยว่า เตรียมหารือกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ระหว่างการร่วมงานเลี้ยงรับประทานอาหารค่ำ โดยจะพูดคุยเรื่องการค้าการลงทุน รวมถึงปัญหาที่จะช่วยเหลือกันด้านการท่องเที่ยว เรื่องอาหารฮาลาล โดยเฉพาะปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะลงพื้นที่หลังเกิดเหตุไม่สงบในหลายจุด โดยจะถือโอกาสนี้สอบถามว่านายกรัฐมนตรีมาเลเซียว่างและเห็นสมควรหรือไม่ว่าการที่ผู้นำ 2 ประเทศลงพื้นที่พร้อมกัน จะทำให้มีความแน่นแฟ้นขึ้น และอาจทำให้ปัญหาต่างๆ คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น             นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์หลังการหารือกับบริษัทเอกชนรายใหญ่ของญี่ปุ่น 5 ราย ได้แก่ บริษัท Mitsui & Co., Ltd.,  บริษัท Ajinomoto, บริษัท Sony Group Corporation, บริษัท MUFG & Softbank และบริษัท Nidec Coper ว่า บริษัท Mitsui ซึ่งมีความคืบหน้าจากการหารือรอบที่แล้ว ช่วงเดือนธันวาคม 2566 ที่ประเทศญี่ปุ่น และมีความคืบหน้าในการเตรียมลงนามเอ็มโอยู อาจจะมีการตั้งฐานการผลิตเชื้อเพลิงพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน (SAF) ที่ใช้ในเครื่องบินที่เมืองไทย ซึ่งทำมาจากซากพืชที่เหลือใช้จากภาคเกษตรกร เช่น ซากอ้อย เชื่อว่าเรื่องนี้จะสามารถลด PM 2.5 ได้อย่างดี โดยต้องมีการทำประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความคิดเห็นก่อน นอกจากนี้กลุ่มบริษัท Mitsui ยังทำธุรกิจที่เกี่ยวกับการขุดเจาะหาน้ำมัน ซึ่งมีการหารือในเรื่องของปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา (OCA) ที่มีความคืบหน้า โดยสัปดาห์หน้าจะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อเดินหน้าต่อ

นายเศรษฐากล่าวว่า เพิ่งทราบว่า บริษัท Mitsui มีโรงงานบรรจุภัณฑ์ในมาเลเซีย จึงเชิญชวนให้มาที่ประเทศไทยด้วย ซึ่งบริษัทกำลังพิจารณา นอกจากนี้บริษัท Mitsui ยังมีบริษัทในเครืออีกหลายบริษัท โดยทุกเดือนผู้บริหารบริษัทในเครือจะมีการพูดคุยหารือกัน จึงฝากข้อความไปว่า ให้มั่นใจว่าประเทศไทยเปิดแล้วไม่มีเวลาไหน เหมาะสมในการลงทุนเท่าเวลานี้

ขณะที่บริษัทที่สองได้หารือกับบริษัท Ajinomoto ซึ่งอยู่ในเมืองไทยมานาน จะมีการขยายโครงการในอนาคตอีกกว่า 10 โครงการ มีมูลค่าประมาณ 4,400 ล้านบาท ต่อมาได้พูดคุยกับบริษัท Sony Group Corporation ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำที่ผลิตเทคโนโลยีและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงภาพยนตร์ จึงอยากเชื้อเชิญในมาตั้งสาขาในภูมิภาคที่ประเทศไทย เพราะโรงงานของบริษัท Sony ไม่ได้ขายในประเทศเพียงอย่างเดียว ยังมีการส่งออกไปทั่วโลกด้วย ซึ่งจะเป็นการตอกย้ำในเรื่องของการทำเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่รัฐบาลกำลังจะมีการลงนามร่วมกันเร็วๆ นี้ในหลายประเทศ จึงได้ให้ความมั่นใจในเรื่องนี้ไป หลังรัฐบาลพยายามลงนามเอฟทีเอกับสหภาพยุโรป (อียู) ภายในสิ้นปีหน้า นอกจากนี้ตนได้เชิญบริษัท Sony เข้ามาจัดทัวร์นาเมนต์ E-Sports ที่ประเทศไทย ซึ่งจะสอดคล้องในเรื่องของการท่องเที่ยวและเฟสติวัล

ส่วนการหารือกับบริษัททางการเงิน 2 บริษัท คือ  MUFG & Softbank และ Nidec Coper เป็นบริษัทที่ลงทุนในประเทศจีนและอยากย้ายฐานการผลิตมาที่ประเทศไทย เชื่อว่าประเทศไทยของเรามีการส่งเสริมการลงทุนที่แข็งแกร่ง บวกกับความเป็นกลางทางการเมือง จึงเป็นจุดดึงดูดที่ทำให้บริษัทต่างชาติย้ายฐานการผลิตเข้ามา ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และมีความต้องการที่อยากให้เข้ามาทำ Start-up จึงอยากให้ประเทศไทยเป็นฐานในการปลุกปั้นให้แข็งแกร่งขึ้นมาได้

ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัท Nidec Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตการส่งออกอุตสาหกรรมไฮเทค โดยเฉพาะมอเตอร์ที่ใช้ในรถยนต์ EV และโดรน และจะมีการลงทุนในปีนี้อีก 1,700 ล้านบาท ถือเป็นนิมิตหมายอันดี เพราะเจ้าของมาเอง และทุกคนก็รักประเทศไทยมาก อย่างไรก็ตามยังมีความต้องการให้ขยายระยะเวลาในการฝึกงานจาก 3 เดือนในนานกว่านั้นเพื่อให้มีความรู้ความสามารถเชิงลึก ต้องกลับไปพิจารณาเรื่องนี้ว่าจะทำให้หรือไม่ และขอร้องให้นักศึกษาปริญญาโทมาศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น แก้ไขปัญหาในอนาคตรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมไฮเทค.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯลุ้น FTA อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ฉบับอัพเกรด เพิ่มมูลค่าการค้า

นายกฯ หวัง ยกระดับการค้าระหว่างประเทศ เชื่อมั่น FTA อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ฉบับอัพเกรดจะเสริมสร้างการใช้ประโยชน์ทางการค้าระหว่างประเทศสมาชิกได้เต็มที่

18 มิ.ย.ลุ้น 4 คดีร้อน จับตาใครจะพินาศ?

จับตาว่าในวันที่ 18 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป จะมีการพิจารณาคดีทางการเมือง 4 ประเด็นร้อน ที่จะส่งผลสะเทือนไปถึงเสถียรภาพของรัฐบาล การเมืองไทยในระยะเวลาต่อไป

พร้อมเลือกสว.รอบ2

เตรียมการเลือก สว.ระดับจังหวัดทั่วประเทศคึกคัก เลขาธิการ กกต.เตือนผู้สมัคร สว.มารายงานตัวให้ทันเวลาก่อน 09.00 น. ย้ำสายเพียง 1 วินาทีก็ไม่ได้