บอกเด็กๆ ‘ลุง’ ฟังโซเชียล

“บิ๊กตู่” ร่วมกิจกรรมวันเด็กปี 65 พาเยาวชนนั่งเก้าอี้นายกฯ  ย้ำทุกคนต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติ  ยึดมั่น 3 สถาบันหลัก พร้อมเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในการทำงานของรัฐบาลเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ ชี้สังคมจะดีขึ้นได้ด้วยคนทุกช่วงวัย ยันรับฟังโซเชียลฯ ที่มีประโยชน์ก็จำ ไม่มีประโยชน์ก็ลบทิ้ง พร้อมแก้ไข

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 มกราคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ร่วมกิจกรรมการจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 ในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งเป็นการบันทึกเทปล่วงหน้า ภายใต้มาตรการป้องกันโควิดอย่างเคร่งครัด โดยนายกฯพาตัวแทนเด็กเยาวชน 5 คนนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และสร้างแรงบันดาลใจแก่เด็กและเยาวชนในอนาคต พร้อมทั้งได้นั่งพูดคุยกับเด็ก เยาวชนถึงความสนใจในด้านต่างๆ และความใฝ่ฝันถึงอาชีพที่อยากทำในอนาคต

ได้แก่ ด.ญ.เพชร เพชรทอง อยากเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียง, ด.ญ.มลธนัช เผื่อนประเสริฐสุข ที่ชื่นชอบกีฬายิงปืน, ด.ญ. ภูวริศา อมาตยกุล อยากเป็นนักธุรกิจ,  นายปุณณานนท์ ตรีวรรณกุล ที่อยากนำผ้าไทย วัฒนธรรมไทยไปเผยแพร่ให้เป็นสากล นายกรัฐมนตรียังชื่นชมความสามารถในการคิดเลขของ ด.ช.ปองคุณ บุญเกตุ พร้อมอวยพรขอให้เรียนวิชาที่ชอบอย่างสนุก ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี และขอให้ทุกคนมีความฝัน มีความตั้งใจในสิ่งที่อยากทำ ตั้งเป้าอนาคตของตนเอง ค้นหาสิ่งที่ตนเองชอบ เพราะอาจมีหลากหลายด้าน ขอให้มีความกตัญญูรู้คุณต่อบิดา มารดา เพื่อที่ได้เป็นหนึ่งในพลังการขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้าด้วยกัน

จากนั้น ที่ตึกภักดีบดินทร์ นายกฯ พบผู้แทนเยาวชนดีเด่นและนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ จำนวน 19 คน โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การทำงานที่ผ่านมามีการผสมผสานกันระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นกลางและคนรุ่นใหม่ แต่ทั้งหมดถือว่าเราเป็นคนยุคเดียวกัน เราแบ่งแยกกันมิได้ วันนี้ยินดีที่ได้พบกับลูกหลานทุกคนและขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของเยาวชนและเด็กๆ ทุกคน ที่ได้เป็นตัวแทนนำชื่อเสียงกลับมาสู่ประเทศชาติ รวมทั้งเด็กและเยาวชนทุกคนที่อุทิศตนต่อการทำงานเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของทุกคน สำหรับคำขวัญวันเด็ก นายกรัฐมนตรีเป็นผู้เขียนเอง ซึ่งทุกๆ ปีนายกรัฐมนตรีจะเขียนเองทั้งหมด รู้คิด เพราะสมองเรามีไว้คิด เมื่อคิดแล้วจะต้องทำให้รอบคอบ และสิ่งสำคัญที่สุดนอกจากตัวเราและครอบครัวเราแล้ว จะต้องรับผิดชอบต่อสังคม เพราะนี่คือส่วนหนึ่งของสังคม เป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นคน ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม แผ่นดิน ผืนน้ำ ป่าไม้ ภูเขา เรามีส่วนร่วมทั้งสิ้น นี่คือบ้านเมืองของเรา” นายกรัฐมนตรีกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ความสำเร็จต่างๆ ของพวกเราวันนี้เป็นเครื่องยืนยันว่าคนไทยไม่น้อยหน้าไปกว่าใคร จากสถิติไปแข่งขันในหลายประเภท ทั้งนักศึกษา ทั้งอาชีวะก็ได้รับรางวัลที่หนึ่งมาโดยตลอดในหลายสาขา เรามีความเชื่อมั่นว่าทุกคนในที่นี้ เมื่อเจริญเติบโตขึ้นจะสามารถสร้างชื่อเสียง สร้างอนาคตให้กับประเทศไทยในเรื่องของการพัฒนาและสร้างความก้าวหน้า

            “ผมในฐานะหัวหน้ารัฐบาลวันนี้ ยินดีที่จะสนับสนุนในทุกกิจกรรมเพื่อให้เยาวชนไทยทั้งประเทศมีคนเก่ง คนดี และต้องมีคุณธรรมจริยธรรม ในเรื่องคุณธรรมนั้น เป็นเรื่องของแต่ละคนที่จะต้องมี เมื่อสังคมทั้งหมดมีคนที่มีคุณธรรม อย่างเช่นทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องนี้ ถือเป็นหน่วยหนึ่งที่เป็นองค์กรที่มีจริยธรรมที่ดีงาม เผื่อแผ่ และแบ่งปัน และนึกถึงคนอื่น” นายกรัฐมนตรีกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาล ตนยินดีและตั้งใจอย่างยิ่งที่จะเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานของรัฐบาล เพื่อร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศของเราในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิม และสิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมีเสถียรภาพ และการเคารพกฎหมาย รวมทั้งการยึดถือยึดมั่นใน 3 สถาบันหลักของชาติคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สิ่งเหล่านี้ทำให้ประเทศไทยเจริญเติบโตมาแล้วกว่า 800 ปี ทุกคนต้องเรียนรู้ในประวัติศาสตร์ของเราด้วย ซึ่งประวัติศาสตร์ไม่ใช่อยู่แค่สมัยยุคที่เราเกิดมา แต่ประวัติศาสตร์ของเรามีมายาวนาน ตั้งแต่ยุคคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย และพ่อแม่ของเรา วันนี้ต้องขอบคุณมากๆ และยินดีที่ได้พบกับเด็กและเยาวชนในวันนี้

ขณะที่ตัวแทนเยาวชน 5 คนเป็นผู้แทนกล่าวข้อเสนอต่อนายกฯ โดยข้อเสนอ ได้แก่ ขอให้รัฐบาลเปิดโอกาสให้เด็กที่เรียน ปวช. ได้มีสิทธิ์สมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัย ขอให้ส่งเสริมการเข้าถึงปัญหาการบริการสุขภาพจิตในแต่ละโรงเรียน ขอผลักดันระบบอินเทอร์เน็ตให้ดีขึ้น ให้เด็กๆ ทุกคนได้ใช้ เนื่องจากขณะนี้ยังต้องเรียนออนไลน์ ขอเรื่องการศึกษาในระบบให้สอดแทรกเนื้อหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศเข้าไปในแต่ละวิชา ส่วนการศึกษานอกระบบ เน้นการลงมือทำให้มากขึ้น และการศึกษาตามอัธยาศัยให้ภาครัฐเป็นตัวกลางในการสนับสนุนให้เยาวชนมีความรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และเสนอพัฒนากระบวนการยุติธรรมในการดำเนินคดีด้านสิ่งแวดล้อม โดยเพิ่มบุคลากรที่มีความซื่อตรงและยกระดับระบบการติดตามประเมินผลให้ชาวบ้านได้มีส่วนร่วมในการติดตามประเมินผลของภาครัฐ ต่อจากนั้นตัวแทนเยาวชนในโครงการเด็กอวด (ทำ) ดี เสนอบทสรุปโครงการด้วยการขับร้องเพลงฉ่อยต่อนายกฯ

ขณะที่นายกฯ กล่าวว่า “สังคมจะดีขึ้นได้ด้วยคนไทยทุกคน ทุกช่วงวัย ทุกรุ่น ไม่มีรุ่นไหนทั้งนั้น นี่คือรุ่นปัจจุบัน ลุงก็อยู่ในรุ่นปัจจุบันด้วย แต่อายุมากกว่า แต่ลุงต้องเก็บตกเก็บเรื่องที่เราพูดมาทั้งหมดเพราะลุงเป็นคนฟังคน ลุงเป็นคนชอบอ่านหนังสือ หนังสืออะไรก็ได้ เจอข้างตัวอ่านหมด แล้วมาคิด ถ้าเราไม่อ่านหนังสือจะไม่มีหลักคิดว่าจะคิดเรื่องอะไร ฉะนั้นสิ่งสำคัญคืออ่านหนังสือ แสวงหาความรู้ร่วมกัน ที่ต้องเริ่มด้วยสังคมสู่ผู้นำปฏิบัติ ต้องขอบคุณในการทำงานตลอดมา รู้จักและจำได้ ขอให้โครงการนี้เดินหน้าต่อไปและยินดีด้วย ลุงรักพวกเราทุกคน ฝากพวกเรารักประเทศไทยแล้วกัน วันนี้ยินดีอีกครั้งที่ได้พบพวกเราทุกคน ถือเป็นโอกาสที่ลุงได้พบคนหลายวัยในช่วงนี้ ถึงลุงไม่เจอ ก็อ่านอยู่ตามในสื่อและโซเชียลฯ ก็อ่าน มีประโยชน์ลุงก็จำ ไม่มีประโยชน์ลุงก็ลบทิ้ง ลุงฟังทุกอัน และก็มาหาวิธีการแก้ไข”

จากนั้นนายกฯ ได้นำเด็กและเยาวชนเยี่ยมชมห้องประชุมและห้องทำงานต่างๆบนตึกไทยคู่ฟ้าและสถานที่สำคัญภายในทำเนียบรัฐบาลอย่างเป็นกันเอง นายกฯยังได้ถ่ายรูปเซลฟีกับเด็กๆ ที่ให้ความสนใจขอถ่ายรูปด้วยในอิริยาบถที่ผ่อนคลาย อย่างไรก็ตาม แม้วันเด็กแห่งชาติในปี 2565 นี้ทำเนียบรัฐบาลไม่ได้เปิดให้เด็กและเยาวชนเข้าร่วมกิจกรรมเหมือนเช่นทุกปี เนื่องจากต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกันโควิด-19 แต่นายกฯ ได้ฝากของขวัญไปให้กับเด็กและเยาวชนในภูมิภาคทั่วประเทศผ่านคาราวานปันสุข.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง