ปลด‘โจ๊ก’ชอบกฎหมาย จ่อเชือดซ้ำวินัยร้ายแรง

คกก.พิทักษ์ระบบคุณธรรมฯ มีคำสั่งให้ "บิ๊กโจ๊ก" ออกจากราชการชอบด้วยกฎหมาย เจ้าตัวไม่ยอมแพ้ จ่อยื่นร้องศาลปกครองสูงสุดคุ้มครองภายใน 90 วัน หลัง ก.พ.ค.ตร.ถกลับ ขณะที่ กก.วินัยร้ายแรงซ้ำดาบสอง เตรียมออกหมายเรียกสัปดาห์หน้ารับทราบข้อกล่าวหา

 วันที่ 6 ส.ค. นายธวัชชัย ไทยเขียว หนึ่งในคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. และรองโฆษก ก.พ.ค.ตร.  โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ร้องทุกข์ของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนว่า  วานนี้ (5 ส.ค.) คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ได้ประชุมพิจารณาวินิจฉัยคดีที่เป็นที่สนใจและมีคำวินิจฉัยเรื่องอุทธรณ์ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หรือ สุรเชชษฐ์  หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) โดยได้ส่งคำวินิจฉัยไปให้ผู้อุทธรณ์และคู่กรณีในอุทธรณ์ทราบ ซึ่งปรากฏหลักฐานว่าคู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้รับคำวินิจฉัยแล้ว

พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ได้อุทธรณ์ว่า คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2567 ที่สั่งให้ผู้อุทธรณ์ออกจากราชการไว้ก่อน เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ พิจารณาและวินิจฉัยให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว และมีคำขออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากกรณีนี้เป็นที่สนใจของประชาชน มีการนำเสนอความเห็นผ่านสื่อสารมวลชนจำนวนมาก โดยมีความเห็นที่หลากหลายแตกต่างกันทั้งในข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงอย่างกว้างขวาง

ก.พ.ค.ตร.ได้พิจารณาวินิจฉัยตามอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติ และตามกฎ ก.พ.ค.ตร. ว่าด้วยอุทธรณ์และการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ พ.ศ.2567 ซึ่งกำหนดให้ใช้วิธีการไต่สวนและได้ดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริง โดยคู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ และมีโอกาสได้โต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตนแล้ว

ข้อเท็จจริงตามอุทธรณ์ คำขอคุ้มครองชั่วคราว คำชี้แจงของผู้อุทธรณ์ คำแก้อุทธรณ์ของคู่กรณีในอุทธรณ์ คำชี้แจงและเอกสารที่เกี่ยวข้องของคู่กรณีทั้งสองฝ่าย และการแถลงด้วยวาจาของคู่กรณีทั้งสองฝ่ายรับฟังได้ว่า ผู้อุทธรณ์ได้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา และถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง คู่กรณีในอุทธรณ์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาผู้ออกคำสั่งอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 105 มาตรา 107 มาตรา 131 และมาตรา 179 ประกอบกฎ ก.พ.ค.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2547 ออกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน

  วินิจฉัยว่า คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2567 เป็นคำสั่งที่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ ที่กฎหมาย และกฎ ก.ตร.กำหนด และเป็นการใช้ดุลยพินิจที่เหมาะสม จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย วินิจฉัยยกอุทธรณ์ และยกคำขอกำหนดวิธีการชั่วคราวของผู้อุทธรณ์

ทั้งนี้ หากผู้อุทธรณ์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของ ก.พ.ค.ตร. มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุด โดยวิธีการยื่นฟ้องต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของศาล หรือยื่นฟ้องโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนภายในระยะเวลา 90 วัน นับแต่วันที่ทราบหรือถือว่าทราบคำวินิจฉัยนี้

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่ทราบว่าผลออกมาเป็นอย่างไร  ยังไม่ได้รับผลคำวินิจฉัย อยู่ระหว่างรอ และไม่ทราบว่า เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ก.พ.ค.ตร.มีการประชุมลับจนถึงเกือบเที่ยงคืน  พร้อมยืนยันหากผลออกมาเป็นลบ หรือคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฎหมาย จะยื่นศาลปกครองสูงสุดต่อภายใน 90 วัน

 มีรายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า  ในช่วงสัปดาห์หน้า คณะกรรมการสอบสวนซึ่งมี พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นหัวหน้าคณะ กรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมพวกรวม 5 คน กระทำผิดวินัยร้ายแรง จะประชุมเพื่อกำหนดวันเรียกตัว พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ พร้อมพวกมารับทราบข้อกล่าวหา หลังจากที่คณะกรรมการฯ  ได้รวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเสร็จสิ้นแล้ว

สืบเนื่องจากกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง กรณีตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ มีคำสั่งที่ 746/2566 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2566 และคำสั่งที่ 114/2567 ลงวันที่ 6 มีนาคม 2567 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ กรณีต้องหาคดีอาญาในความผิดฐานสมคบ โดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน ตามคดีอาญาที่ 391/2566 ของสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน และตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2566 จากการสอบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่นว่ามีส่วนร่วมในการกระทำการในเรื่องที่ทำการสอบสวนนั้นด้วย ตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ.2547 ข้อ 28 และจากรายงานของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ 593/2566 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2566.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง