เอกชนยังอุ่นใจ ได้รบ.พรรคเดิม สานต่อนโยบาย

ประธาน ส.อ.ท.เทียบ "ชัยเกษม-เเพทองธาร" เด่นคนละแบบ ชี้ "ชัยเกษม" มีความเก๋าทางการเมือง "แพทองธาร" เป็นคนรุ่นใหม่เข้าใจวัยรุ่น แต่มั่นใจจากมุมมองพรรคเดียวกันสามารถสานต่อนโยบายได้ ด้านหอการค้าภาคเหนือห่วงการเมืองไม่นิ่งกระทบความเชื่อมั่น  นายกฯ ใหม่ภาพต้องดี หากยังเป็นนอมินีสุดท้ายประชาชนกระอัก

เมื่อวันพฤหัสบดี นายเกรียงไกร เธียรนุกุล  ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ว่า  หากให้เปรียบเทียบความสามารถว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของพรรคเพื่อไทย ระหว่างนายชัยเกษม นิติสิริ กับ น.ส.เเพทองธาร ชินวัตร นั้น  นายชัยเกษมถือว่าเป็นนักกฎหมาย มีประสบการณ์ และเป็นผู้ใหญ่ มีความใกล้ชิดกับระบบราชการมายาวนาน แต่ในมุมธุรกิจอาจไม่เก่งเท่านายเศรษฐา ทวีสิน แต่ด้วยอายุและสุขภาพที่หลายคนยังมีความกังวล โดยทราบจากสื่อตลอดว่าท่านยังไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ หากต้องเผชิญกับท่ามกลางการทำงานที่หนักก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ ถือว่าคนละสไตล์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำงานไม่ได้ จึงอาจจะต้องดูทีมที่จะมาทำงานแทนว่าจะเป็นอย่างไร

ขณะที่ น.ส.แพทองธาร อาจจะด้อยกว่าในด้านประสบการณ์ที่เพิ่งเข้ามาในวงการทางการเมือง ถือว่าใหม่ในช่วง 1 ปี อาจจะต้องใช้เวลาในการยอมรับ แต่ด้วยข้อดีของการที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่สามารถเชื่อมต่อได้ระหว่างเด็กวัยรุ่นกับคนที่สูงอายุ ถือเป็นข้อต่อที่ดี และมีพลังสนับสนุนอยู่เบื้องหลังคือ นายทักษิณ ชินวัตร ที่คอยเป็นพี่เลี้ยงใกล้ชิดที่สุด

"นายชัยเกษมมีจุดเด่นด้านนักกฎหมาย คลุกคลีในวงการเมืองมานาน ส่วน น.ส.แพทองธาร มีจุดเด่นคือ สด ใหม่ เป็นคนรุ่นใหม่ เป็นโซ่ข้อกลางที่ดีเชื่อมระหว่างเด็กรุ่นใหม่ แต่ในลักษณะผู้นำทั้งคู่ถือว่าอยู่ในพรรคเดียวกันคือเพื่อไทย ที่ทำงานมีระบบอยู่แล้ว มีทีมงานที่คอยช่วยมาจากเป็นทีมเดิม ทั้งเป็นผู้ช่วย กำกับ และเป็นโค้ช" นายเกรียงไกรกล่าว

นายเกรียงไกรกล่าวด้วยว่า ในเชิงนโยบายมองว่าหากเป็นพรรคเดิมที่มาเป็นผู้นำ อย่างน้อยยังเชื่อว่านโยบายหลายอย่างยังคงจะต่อเนื่องในหลายโครงการ แต่แน่นอนว่าอาจจะไม่ใช่ทุกโครงการ เพราะจากเวลาหนึ่งสู่เวลาหนึ่ง และจากเงื่อนไขหนึ่งสู่เงื่อนไขหนึ่ง บางโครงการที่อาจจะมีความเสี่ยงหรือล่อแหลมต่อเรื่องของการผิดกฎหมาย หรืออาจเสี่ยงถูกฟ้องร้องนำไปสู่การถูกดำเนินคดีต่างๆ ก็อาจจะต้องทบทวน และต้องยอมรับว่าจากคดีทางการเมืองต่างๆ ของพรรคเพื่อไทยได้เห็นชัดคือ ล่าสุดคดีของนายเศรษฐา ทวีสิน การใช้กฎหมายต่างๆ ถือเป็นจุดอ่อนทำให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อีกทั้ง จากประสบการณ์พรรคตั้งแต่ต้นจนล่าสุด คงจะต้องพยายามเลี่ยงอะไรที่มีความเสี่ยงด้านกฎหมาย ที่ผ่านมานายกฯ ของกลุ่มเพื่อไทยถูกฟ้องในคดีต่างๆ จนต้องหลุดจากเก้าอี้ ถือเป็นการสุ่มเสี่ยง ซึ่งนายชัยเกษมก็จะระมัดระวังด้านกฎหมายเป็นพิเศษ

ด้านนายณรงค์ ตนานุวัฒน์ ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าภาคเหนือตอนบน กล่าวว่า เวลานี้ภาคเอกชนมีความกังวลกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่นิ่ง ล่าสุดนายกรัฐมนตรีต้องหลุดพ้นจากตำแหน่งอีก ในขณะที่ประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาต่างๆ รวมถึงอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการพลิกฟื้นและขับเคลื่อนนโยบาย แม้สุดสัปดาห์นี้จะทราบผลเรื่อง แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนต่อไปจากขั้วรัฐบาลเดิมก็ตาม โดยคาดหวังว่านโยบายต่างๆ ที่กำลังขับเคลื่อนจะเดินหน้าต่อไปได้ เพราะความเชื่อมั่นทางการเมืองถือเป็นปัจจัยสำคัญหลัก จะต้องมีเสถียรภาพหรือมีความนิ่งและต่อเนื่อง หากมีการเปลี่ยนขั้วการเมืองตลอดเวลาจะทำให้นโยบายที่รัฐบาลเคยขับเคลื่อนนั้นหยุดชะงักไปได้

"ขณะนี้ปัญหาของประเทศมีหลายเรื่องที่จะต้องเร่งดำเนินการ โดยเฉพาะกำลังซื้อของประชาชน การขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก การกระตุ้นการลงทุน ภาระหนี้ ฯลฯ หากมีการแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เร็ว ไม่ยืดเยื้อ จะเป็นเรื่องที่ดี ก็ไม่น่าจะมีผลต่ออัตราการขยายตัวในภาพรวมตามที่คาดไว้ นอกจากนี้ นายกฯ คนต่อไปก็จะต้องมีภาพของความเชื่อมั่นที่ดีทั้งในและต่างประเทศด้วย แต่หากยังอยู่ในวังวนเดิมหรือเป็นนอมินีเหมือนที่เป็นอยู่ สถานการณ์ก็จะยิ่งแย่มากขึ้น สุดท้ายประชาชนจะต้องแบกรับภาระมากขึ้นอีก ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่หนักมาก" นายณรงค์กล่าว. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พ่อนายกฯขู่เช็กบิล! พรรคร่วมโดดประชุมครม.-นักร้อง/ขอพระเจ้าอยู่ต่ออีก17ปี

"เพื่อไทย" คึก! 3 นายกฯ ร่วมทีมขึ้นรถไฟสัมมนาพรรคที่หัวหิน "นายกฯ อิ๊งค์" ขอ  สส.ไม่แบ่งขั้ว-อายุ ยอมรับ 3 เดือนโฟกัสงานรัฐบาล

3 นายกฯ 'อิ๊งค์-ทักษิณ-เศรษฐา' ร่วมเปิดงานสัมมนาพรรคเพื่อไทย

พรรคเพื่อไทยจัดสัมนาภายใต้โครงการ เสริมศักยภาพ สส. และบุคลากรทางการเมือง มีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯในฐานะหัวหน้าพรรค นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ รวมถึงแกนนำ