ชำแหละชั้น 14 ผลัก ‘อุ๊งอิ๊ง’ เข้าคิลลิ่งโซน

ลาก "อุ๊งอิ๊ง" เข้าสู่คิลลิ่งโซน! คู่รักคู่แค้นทักษิณวิจารณ์เดือด ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ผวาความจริงถูกเปิดเผย ไม่ได้ป่วยวิกฤตและไม่ได้ติดคุกจริง ถือเป็นการกระทำขัดพระบรมราชโองการ   การถวายฎีกาขออภัยโทษเป็นการกราบบังคมทูลเท็จ จำต้องส่งลูกสาวเป็นนายกฯ ลั่น! เรายังไม่รีบลงถนน แต่ควรรออย่างอดทนและใจเย็น เพราะตอนจบเรื่องนี้คือโศกนาฏกรรม

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2567 หลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร ได้รับเลือกจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปนั้น กระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อออนไลน์ได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการมองว่าจะเป็นฉากสุดท้ายของนักการเมืองตระกูลชินวัตร

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า การตั้งรัฐบาลภายใต้เสียงเห็นชอบ 319 เสียงให้ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวทักษิณ ชินวัตร” เป็นนายกฯ เปรียบเหมือนกับน้ำกรดแช่เย็น เพราะเริ่มก้าวไปสู่เป้าหมายเกมปัดกวาดล้างตระกูลชินวัตร จากอำนาจทางการเมือง

อีกทั้งกล่าวว่า 6 เสียงของ สส.พรรคไทยสร้างไทย ฝ่ายค้าน ร่วมลงมติเห็นชอบให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ เป็นเพียงปรากฏการณ์ที่ทักษิณต้องการจะฉีกหน้าคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และพรรคไทยสร้างไทยทั้งหมด ดังนั้น การแหกโผของ สส.ไทยสร้างไทยจึงไม่ใช่เรื่องเสียง เพราะเสียงพรรคร่วมมีมากเกินความต้องการให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ  อยู่แล้ว

“แม้พรรคไทยสร้างไทยไม่มี สส.สักคนก็ยังมีความยิ่งใหญ่ เพราะความยิ่งใหญ่ไม่ได้อยู่ที่จำนวนคน แต่อยู่ที่จุดยืนทางการเมือง” นายจตุพรระบุ

พร้อมทั้งกล่าวว่า สภาเห็นชอบให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ (และรอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง) ดูเหมือนเป็นชัยชนะเบ็ดเสร็จของทักษิณ ผู้เป็นพ่อและเจ้าของพรรคเพื่อไทย แต่แกนนำพรรคร่วมกลับมีสีหน้ากังวลกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม อะไรจะเกิดขึ้นตามมา ขออย่าทำให้ประชาชนเดือดร้อน

นายจตุพรเชื่อว่า สิ่งที่น่าจับตาอนาคตการเมืองมากที่สุด ไม่ใช่อุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ ที่ไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง แต่ควรใส่ใจกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำหนังสือขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดชั้น 14 รพ.ตำรวจ ในช่วงที่ทักษิณได้อภิสิทธิ์ชนพักรักษาตัวถึง 6 เดือน

อย่างไรก็ตาม การขอตรวจสอบของ ป.ป.ช.  เพราะคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  (กสม.) ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบการรักษาที่ รพ.ตำรวจ เป็นการเอื้อประโยชน์ช่วยเหลือนักโทษไม่ต้องติดคุก ดังนั้น หากการตรวจสอบพบว่ามีความผิดจริง  ย่อมทำให้ตัวการรับโทษ ม.157 ส่วนคนร่วมทำผิดเจอคดี ม.149 จากปรากฏการณ์นี้ สะท้อนว่าเป้าหมายสำคัญอยู่ที่จัดการทักษิณ และต้องการกวาดชินวัตรให้เรียบราบจากการเมืองไทย

ลากอุ๊งอิ๊งมาอยู่ในเขตคิลลิ่งโซน

"ถ้าพิสูจน์ว่า ทักษิณไม่ได้ป่วยวิกฤตและไม่ได้ติดคุกจริง ถือเป็นการกระทำขัดพระบรมราชโองการ การถวายฎีกาขออภัยโทษเป็นการกราบบังคมทูลเท็จ สิ่งนี้เท่ากับบีบคั้นให้ทักษิณเข้าเป้าหมายหมากตัวสุดท้าย ลากอุ๊งอิ๊งมาอยู่ในเขตคิลลิ่งโซน (killing zone) เพราะต้องการอำนาจนายกฯ มาช่วยตัวเอง”

นายจตุพรกล่าวว่า ครอบครัวชินวัตรคงมีความกังขาและผิดสังเกตการเดินหมากทางการเมืองของบางฝ่ายอำนาจมาก่อนหน้านั้นแล้ว จึงไม่ยอมให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ ตั้งแต่พรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์ตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดแรงบีบคั้นจ้องเล่นงานป่วยทิพย์ ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ทักษิณจำเป็นหาตัวช่วยที่ไว้ใจได้ จึงมาถึงคิวอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ แต่กลับมาเข้าหมากเกมคิลลิ่งโซน เพื่อกวาดชินวัตรให้เรียบ ดังนั้น ทักษิณมีทางเลือกแค่พาครอบครัวหนีไปต่างประเทศ หรือยอมติดคุก จึงเป็นสิ่งต้องตัดสินใจ

"การเอาลูกมาเป็นนายกฯ ย่อมผ่านการคิดที่ไม่ธรรมดามาแล้ว ไม่ใช่แค่เรื่องการเสี่ยงให้เป็นนายกฯ ในเขตแดนที่ควบคุมไม่ได้ แล้วส่อจะจบลงเหมือนตัวเองและน้องสาว (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ดังนั้น การเป็นนายกฯ ของอุ๊งอิ๊ง จึงไม่ใช่ชัยชนะของทักษิณและชินวัตรเลย แต่เป็นความเสี่ยงที่จำเป็นต้องเลือก"

นายจตุพรย้ำว่า การถูกลากไปอยู่ในคิลลิ่งโซน ด้วยเหตุจากการละโมบโลภมาก คิดแต่ว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นตลอดเวลา ซึ่งเป็นจุดอ่อนของทักษิณ ดังนั้น คนมีพฤติกรรมเหิมเกริมตลอดเวลา คิดว่าตัวเองขี่ใครได้ตลอดเวลา เหนือกว่าทุกคนแล้ว คนนั้นจะถูกจัดการอย่างง่ายดายที่สุด สิ่งนี้เป็นความโชคดีของประชาชน ขอให้อดทนไว้

“เรายังไม่รีบลงถนน แต่ควรรออย่างอดทนและใจเย็น เพราะตอนจบเรื่องนี้คือโศกนาฏกรรม" นายจตุพรเชื่อ

พร้อมทั้งย้ำว่า อุ๊งอิ๊งมาเป็นนายกฯ เป็นผู้นำประเทศ คงไม่ได้อยู่ที่อายุ แต่ขึ้นกับศักยภาพและวุฒิภาวะพร้อมฉายแววการเป็นผู้ปกครองที่ดีได้หรือไม่ และสามารถนำพาประเทศผ่านวิกฤตเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความมั่นคงได้หรือไม่  ส่วนอุ๊งอิ๊งแทบไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมเลย นอกจากคุณสมบัติลูกของทักษิณเท่านั้น

“การสืบทอดประชาธิปไตยไม่ใช่การสืบทอดทางสายเลือด แต่ต้องมีศักยภาพโดยผ่านการเตรียมการ เรียนรู้ เพราะประเทศเป็นของคนทุกคน ตัวอย่างประเทศกัมพูชา ฮุน เซน เตรียมลูกขึ้นมาสืบต่ออำนาจ ด้วยการผ่านประสบการณ์บริหาร จัดการอำนาจมากมาย แต่อุ๊งอิ๊งไม่มีเลย”

ยอมให้ข้าศึกยึดเมือง

ขณะที่  ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้านปรัชญาการเมือง ระบุว่า ในยุทธวิธีการรบ จะมีแผนอยู่รูปแบบหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยคุ้นชิน  แผนการที่ว่าคือการยอมให้ข้าศึกยึดเมืองได้ภายใต้เงื่อนไขที่ถูกวางไว้แล้ว (จะด้วยการตั้งใจวางหรือจากปัจจัยภายนอกก็ตาม)

เช่น ยอมให้ข้าศึกยึดเมือง แต่รู้อยู่แล้วว่าไม่ช้าก็เร็วจะเกิดโรคระบาดหรือน้ำท่วมใหญ่ จนทำให้เมืองนั้นเกิดความวุ่นวาย ข้าวยากหมากแพง ประชาชนประท้วง เกิดความวุ่นวายจนไม่สามารถบริหาร

ดังนั้นแม้ข้าศึกจะยึดเมืองไว้ได้ แต่ก็ปกครองไม่ได้ ในทางการเมืองก็ทำให้ความชอบธรรมจากการยอมรับของพลเมืองพังทลายลง ในทางกองทัพก็ทำให้กองทัพข้าศึกหมดกำลัง หรือเกิดความแตกแยกภายใน

การวางกับดักแบบนี้ ไม่เน้นการเอาชนะ แต่เป็นการยอมแพ้ในศึกระยะประชิดหน้า แต่ลากข้าศึกให้บอบช้ำ เพื่อรอโอกาสหาทางกลับมาเอาชนะในระยะยาว

ยังไม่นับรวมวิธีการบริหารความขัดแย้ง ที่เน้นให้ข้าศึกแต่ละฝ่ายสู้รบกันเองและลดทอนกำลังของอีกฝ่ายลง โดยตนเองไม่ต้องเอาชนะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ได้

กลยุทธ์เหล่านี้เป็นวิธีการที่มีความล้ำลึก และต้องดูสถานการณ์หรือบริบทแวดล้อมดีแล้วจริงๆ  เพราะหากเดินหมากพลาด และบริบทที่วางนั้นไม่ได้เป็นดังที่คิด อาจส่งผลเสียใหญ่หลวงได้ในอนาคต

ขณะที่ องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความ “ขอแสดงความยินดีกับ "คุณแพทองธาร ชินวัตร" กับตําแหน่งใหม่นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย นับว่าเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ต่อจาก "คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" มากไปกว่านั้น “คุณแพทองธาร ชินวัตร” ยังเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยด้วย

และที่สําคัญครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของชาติไทย ที่ได้นายกรัฐมนตรีสําเร็จการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ทางเราก็เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านนายกฯ คนใหม่จะทุ่มเทแรงกาย แรงใจ หยาดเหงื่อ และจะพยายามอย่างยิ่งที่พาชาติไทยรํ่ารวยมั่งคั่ง และที่สําคัญคือจะเป็นความหวังของประชาชนและพวกเรานิสิตจุฬาฯ สู่อนาคตที่ดี”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แถลงผลงาน3เดือน‘รัฐบาลอิ๊งค์’ โชว์อนาคตประเทศ รอดหรือร่วง?

ได้เวลาตีปี๊บผลงานรัฐบาล 90 วันของ “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี วันนี้ 12 ธันวาคม 2567 ในหัวข้อ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” (2025 Empowering Thais : A Real Possibility) ซึ่งจัดเป็นครั้งแรกของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) พร้อมถ่ายทอดสดให้คนไทยได้รับชม