นายกฯสั่งพณ. รับมือของแพง ห้ามตุนสินค้า

นายกฯ ยันพยายามทำอย่างเต็มที่แก้ปัญหาของแพง สั่ง “จุรินทร์” เตรียมแผนรับมือสถานการณ์ที่จะตามมา ห้ามไม่ให้มีการกักตุนสินค้าโดยเด็ดขาด ขู่หากใครยังคิดเอาเปรียบประชาชนต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่ทันที

เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันดีเซลว่า ก็ทราบดีอยู่แล้วว่าขณะนี้สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกเป็นอย่างไร และมีปัญหาในเรื่องเตรียมการรองรับก๊าซแอลพีจี ซึ่งรัฐบาลก็พยายามทำอย่างเต็มที่ พยายามหาเงินเพื่อที่จะทำให้ราคาน้ำมันอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เดือดร้อนมากนัก ซึ่งเราก็ต้องติดตามว่าต่อไปสถานการณ์น้ำมันโลกจะเป็นอย่างไร รัฐบาลก็พร้อมที่จะแก้ไข แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องดูในเรื่องของงบประมาณว่ามีเพียงพอหรือไม่

 “สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็อยากจะทำความเข้าใจกับประชาชนว่า ในสถานการณ์วันนี้มันมีหลายสถานการณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ฉะนั้นการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ ทั้งเงินกู้ งบกลาง หรือเงินของกระทรวงก็มีปัญหาทั้งหมด เพราะทุกคนเดือดร้อนไปหมด ฉะนั้นก็ขอให้เข้าใจว่ารัฐบาลและนายกฯ ก็พยายามทำงานอย่างเต็มที่”

นายกฯ กล่าวว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมาหลายวันนายกฯ จำเป็นจะต้องเรียกหน่วยงานมาชี้แจงทำความเข้าใจ เพื่อต้องการทราบข้อมูลและข้อเท็จจริง ไม่ใช่ว่าไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี แต่ในฐานะที่นายกฯ เป็นผู้บังคับบัญชาของส่วนราชการ เพียงแต่ขอข้อเท็จจริง และขอให้ช่วยกันทำงานกับนายกฯ รัฐมนตรี ให้ดีที่สุด ทั้งนี้ ก็ต้องระวังข้อกฎหมายด้วยในการใช้จ่ายงบประมาณ งบประมาณต่างๆ โครงการต่างๆ ที่ออกไป เพราะเป็นงานระดับนโยบาย นายกฯ จึงจำเป็นต้องใช้ศูนย์สั่งการที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นสถานที่รับฟังข้อมูลต่างๆ เพราะที่นี่คือศูนย์ราชการ ศูนย์บัญชาการการแก้ปัญหาทั้งประเทศและเป็นศูนย์ข้อมูลต่างๆ มากมาย ซึ่งวันนี้ตนก็ทำงานและติดตามทุกวัน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า เรื่องสินค้าแพงวันนี้ได้เรียกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาคุย โดยเฉพาะเรื่องน้ำมันปาล์มจะออกรูปแบบไหนต่อไป สถานการณ์มีปัญหาอยู่ตรงไหน เดิมเราใช้น้ำมันปาล์มมาผสมกับน้ำมันดีเซลต่างๆ แต่เมื่อราคาน้ำมันสูง และเมื่อเอาน้ำมันปาล์มมาผสมจึงทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น จำเป็นต้องปรับลดบางรายการลงไป อย่างไรก็ตาม ยังดีใจที่สถานการณ์น้ำมันปาล์มยังอยู่ในราคาที่ดีอยู่ ดังนั้นความเดือดร้อนไปยังภาคประชาชน ภาคผู้ผลิต เกษตรกร ยังคงไม่มากนัก

วันนี้เป็นเวลาที่ทุกคนควรจะร่วมมือกันแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติมากกว่าการให้ความสำคัญในเรื่องอื่นๆ ในเรื่องสินค้าราคาแพง วันนี้ได้เน้นย้ำไปยังนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ไปแล้ว ขอให้เตรียมมาตรการ คงไม่ใช่เฉพาะเรื่องหมูอย่างเดียว รวมถึงสถานการณ์อื่นๆ ที่จะตามมาอีก อย่าให้เป็นการฉวยโอกาส วันนี้ได้ให้ไปสำรวจในบรรดาหมูต่างๆ ที่อยู่ตามฟาร์ม ห้องเย็นอะไรต่างๆ เพื่อที่จะแก้ปัญหาให้ดีที่สุดในเรื่องการลดความเดือดร้อน

นายกฯ เผยว่า มาตรการของรัฐก็เตรียมทยอยออกมาเพื่อช่วยพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย อย่างไรก็ตาม เราต้องคำนึงถึงงบประมาณต่างๆ ที่มีอยู่ด้วย ทุกคนต้องเข้าใจ จะทำอะไรก็ตามเพื่อคนหมู่มากจำนวนมากมันใช้เงินสูง และเราก็มีข้อจำกัดในการใช้งบประมาณอยู่พอสมควร นายกรัฐมนตรีก็ต้องระมัดระวังไม่ให้มันผิดวิธีการจัดการงบประมาณ หรือในเรื่องของวินัยการเงินการคลัง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า วันนี้ได้มอบหมายไปแล้วให้กระทรวงพาณิชย์ ติดตามทุกเรื่องในช่วงนี้ ไปจนถึงช่วงเทศกาลตรุษจีน ฉะนั้นขอร้องอย่างเดียวอย่าฉวยโอกาสกัน เพราะช่วงนี้ประชาชนเดือดร้อน เราต้องรวมใจกัน เพื่อทำให้ประชาชนพ้นความเดือดร้อนให้ได้โดยเร็วที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามสถานการณ์โลกไปด้วย รวมถึงสถานการณ์ในภูมิภาค ซึ่งตนได้ติดตามหลายประเทศ บางประเทศขอไม่เอ่ยชื่อ มีการติดเชื้อมากกว่าเราเยอะ ประชาชนมีความเดือดร้อนมากกว่าเราเยอะแยะที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ขณะที่เราได้แก้ไขไปมากพอสมควรแล้วในช่วงที่ผ่านมา โดยการดูแลประชาชนจำนวนหลายสิบล้านคนให้เข้าถึงมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังโพสต์เฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut-Chan-o-cha” ระบุว่า สำหรับในด้านปากท้อง ด้านเศรษฐกิจ ผมได้สั่งการให้รัฐมนตรีของกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้ดูแลเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเบื้องต้น ครม.ได้อนุมัติงบประมาณฉุกเฉินกว่า 1,480 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการสินค้าราคาประหยัด โดยเฉพาะในช่วงตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยจะมีการตั้งจุดจำหน่ายมากกว่า 3,000 จุดทั่วประเทศ

"ผมยังได้สั่งการให้มีการควบคุมราคาสินค้าไม่ให้ขึ้นราคาในสภาวะเช่นนี้ เช่น เนื้อไก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญอื่นๆ และผมได้กำชับให้ทุกฝ่ายมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ไม่ให้มีการกักตุนสินค้าโดยเด็ดขาด ผมถือว่าในสภาวะเช่นนี้ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา หากใครยังคิดเอาเปรียบพี่น้องประชาชนในยามนี้ ถือว่าไม่เห็นแก่ส่วนรวม และต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่ทันที" นายกฯ ระบุ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า รัฐบาลมั่นใจว่าจะสามารถชี้แจงฝ่ายค้านได้ทุกประเด็น และถือเป็นโอกาสดีที่ประชาชนจะได้ทราบถึงความก้าวหน้าเกี่ยวกับนโยบายและการบริหารราชการแผ่นดิน ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายประเด็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชน ภาระหนี้สิน สินค้าอุปโภคบริโภคราคาแพง หรือวิกฤตโรคระบาดโควิดที่ระบาดในคน และโรคอหิวาต์แอฟริกาที่ระบาดในสุกร รวมถึงภาวะวิกฤตด้านการเมืองนั้น รัฐบาลก็พร้อมตอบข้อซักถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่แล้ว เพราะรัฐบาลทำงานแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างมีขั้นตอนมาตั้งแต่ต้น และมีความคืบหน้าเป็นระยะ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ย้ำมาตลอดว่าการดำเนินการทุกอย่างต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ ที่สำคัญต้องยึดโยงกับประชาชน โดยยึดถือประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ

"นายกฯ เป็นสุภาพบุรุษทางการเมือง และให้เกียรติการทำงานของรัฐสภาและ ส.ส.ทุกคนมาตลอด ทั้งนี้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเป็นหนึ่งในกลไกตรวจสอบรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่ฝ่ายค้านสามารถดำเนินการได้ ซึ่งรัฐบาลจะใช้โอกาสนี้ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจด้วยตัวเลขสถิติ รวมถึงข้อมูลและข้อเท็จจริงต่างๆ อย่างชัดเจน" นายธนกรกล่าว

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาเนื้อหมูในปัจจุบัน พบว่าราคาได้ปรับตัวสูงขึ้นไปมาก เนื่องจากปริมาณหมูเข้าสู่ตลาดลดลง ส่วนเนื้อไก่ ราคาปรับขึ้นเล็กน้อย เพราะคนหันไปบริโภคไก่ เพื่อทดแทนเนื้อหมูที่ราคาสูงขึ้น โดยราคาเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่ผ่านมา เนื้อวัวยังไม่เปลี่ยนแปลงด้านราคา แต่ก็จะจับตาปลา ส่วนใหญ่มีราคาลดลง เช่น ปลาทับทิม ลด 6.8%, ปลานิล ลด 4% ส่วนมะละกอเป็นสินค้าที่มีข่าวว่าราคาปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่จากการตรวจสอบ ไม่พบว่ามีราคาสูงขึ้นตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

 “ก่อนหน้านี้มีข่าวมะละกอราคาสูงขึ้นในพื้นที่หลายจังหวัด เช่น เพชรบูรณ์ ศรีสะเกษ มหาสารคาม เท่าที่พาณิชย์จังหวัดลงพื้นที่ไปตรวจสอบตามข่าวที่เกิดขึ้น อย่างในเพชรบูรณ์ ที่บอกว่าขายถุงละ 200 บาท (ถุง 10 กิโลกรัม) ราคาก็ไม่ถึงขนาดนั้น อยู่แค่ 150-180 บาท ที่ศรีสะเกษ ตามข่าวบอกว่า 200 กว่าบาท ไปสอบถามคนที่เป็นต้นตอ เขาบอกว่า พูดรวมๆ เวลาจะไปซื้อมะละกอ มีต้นทุนรวมค่าสามล้อ ก็เลย 200 บาท ส่วนที่มหาสารคาม มีข่าวร้านส้มตำร้านดังซื้อมะละกอ 280 บาท พอไปตรวจ ไปคุยกับเจ้าของ บอกว่าช่วงปีใหม่มีบางคนซื้อมะละกอสูงถึง 280 บาทก็มี แต่ร้านไม่ได้ซื้อแพงขนาดนั้น ซื้อแค่ 140-180 บาท แต่ล่าสุดมีข่าวชาวสวนมะละกอกำลังเดือดร้อน ราคาตกเหลือ กก.ละ 3 บาท แต่ไปดูในเนื้อข่าว เป็น กก.ละ 12 บาท จึงต้องติดตามกันใกล้ชิดต่อไป” นายบุณยฤทธิ์กล่าว

นสพ.วิวัฒน์ พงษ์วิวัฒนชัย อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวถึงข้อเสนอให้นำเข้าเนื้อสุกรเพื่อเพิ่มปริมาณในประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศในแถบยุโรป ว่าสมาคมและเกษตรกรคัดค้านเรื่องนี้ เพราะนอกจากจะมีความเสี่ยงเรื่องโรคต่างถิ่นที่อาจปนเปื้อนเข้ามากระทบกับฝูงสุกรของไทยแล้ว ผู้เลี้ยงยังทราบดีว่าหากเปิดรับให้ทางยุโรปนำสุกรเข้ามาในไทยได้ ย่อมมีความเสี่ยงที่จะต้องเปิดรับเนื้อสุกรจากยุโรปตลอดไป และมีโอกาสที่จะส่งเข้ามาไม่จำกัด

อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศ ร่วมกันยืนราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มไว้ไม่เกิน 110 บาท/กก. ไปจนถึงเทศกาลตรุษจีน เพื่อลดภาระผู้บริโภค ส่วนทางแก้ที่เหมาะสมของเรื่องนี้คือ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด หากสุกรมีน้อย ราคาสูงขึ้น ก็จะกดดันให้ความต้องการบริโภคลดลงตามกลไกตลาด ในที่สุดปริมาณและการบริโภคจะกลับสู่สมดุลเอง โดยที่ไม่ต้องมาควบคุมให้เสียเวลา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' อวดคนอีสาน 10 เดือน ผลงานเพียบ ไตรมาส 4 ได้เงินหมื่นแน่

นายกฯ พบชาวหนองพอก อวดผลงาน 10 เดือน ราคาพืชผลการเกษตรดี ยันเร่งแก้ปัญหาน้ำประปา ปราบหนี้นอกระบบให้หมด ย้ำ 'ดิจิทัล วอลเล็ต' ไตรมาส 4 ได้แน่