กต.นัดถกเมียนมา 19 ธ.ค.นี้ ช่วยลูกเรือไทย 4 คน “โรม” ผิดหวังคำตอบทางการ จี้นำกลับไทยให้เร็วที่สุด พร้อมกระทุ้ง ท่าทีต้องเข้มแข็งกว่านี้ แฉยึกยักปล่อยตัว เหตุมีลูกเรือต้านรัฐบาลพม่า สส.ประชาชนไล่บี้ รมต.บัวแก้วทำงานเชิงรุก
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงกรณีลูกเรือคนไทย จำนวน 4 คน ถูกควบคุมตัวในพื้นที่จังหวัดเกาะสอง ที่ยังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการการส่งกลับของเมียนมาว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีการหารือร่วมกับรองนายกรัฐมนตรีเมียนมา รวมถึงได้พูดคุยกับเอกอัครราชทูตไทยประจำเมียนมา ทราบว่าขณะนี้ติดเรื่องขั้นตอนกฎหมายในการส่งตัวออกมา แต่ไม่ได้มีปัญหาอื่นๆ โดยได้ส่งข้อความฝากไปยังเอกอัครราชทูตไทยประจำเมียนมา ว่ามีความห่วงใยลูกเรือคนไทยทั้ง 4 คน และอยากให้มีการปล่อยตัวเร็วที่สุด ซึ่ง รมว.การต่างประเทศของไทยจะมีการหารือร่วมกันกับฝ่ายเมียนมาในวันที่ 19 ธ.ค.
พล.ต.ธนาธิปกล่าวว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้แสดงความห่วงใยต่อความรู้สึกของคนในครอบครัวลูกเรือทั้ง 4 คน จึงได้ประสานให้หน่วยงานในพื้นที่ ประกอบด้วย คณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา ศูนย์ประสานงานประมงชายแดนไทย-เมียนมา (ศปชล.) อีกทั้งหน่วยงานของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นหน่วยประสานงานในการแจ้งข่าวสารความเป็นอยู่ให้กับครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบได้รับทราบในทุกๆ ด้าน
โฆษกกระทรวงกลาโหมระบุว่า เพื่อให้มั่นใจว่าครอบครัวจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่องอย่างใกล้ชิด พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเยียวยาดูแลสภาพจิตใจของคนในครอบครัว เพื่อบรรเทาความวิตกกังวลในช่วงที่มีการประสานงานการส่งตัวกลับประเทศไทย โดยนายภูมิธรรมยืนยันว่าจะเดินหน้า พร้อมช่วยเหลือและประสานงานเพื่อให้ลูกเรือคนไทยทั้ง 4 คน ได้เดินทางกลับประเทศไทยด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มกำลัง
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ กล่าวก่อนประชุมของ กมธ. กรณีปัญหาเรือประมงไทยถูกเรือรบเมียนมายิง และความคืบหน้าในการช่วยเหลือลูกเรือประมง รวมถึงวาระพิจารณากรณีปัญหาการตั้งฐานทัพว้าล้ำแดนไทย โดยมีการเชิญเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารเรือ เลขาธิการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ แม่ทัพภาคที่ 3 และเจ้ากรมแผนที่ทหาร
นายรังสิมันต์กล่าวว่า จริงๆ แล้วไม่ได้มีแค่มิติเรื่องของ 4 คน แต่มีเรื่องความเสียหาย เพราะต้องยอมรับว่าเครื่องมือที่ใช้ในการประมงมีราคาสูง เมื่อมีเหตุเช่นนี้ ต้องมาคุยกันว่าจะมีวิธีการอย่างไร ที่จะให้ชาวประมงได้รับการเยียวยา ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย อยู่ๆ ถูกยิงขึ้นมาต้องมีอะไรบางอย่างที่ต้องมาคุยกันว่าทำไมเขาถึงถูกกระทำแบบนี้ และถ้าถูกกระทำไปแล้วจะมีอะไรที่เยียวยาเขาบ้าง
นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ประมง และคนไทยทั้ง 4 คนที่ถูกจับไป แต่รวมไปถึงบทบาทของประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศไทยต้องแสดงออกว่าเราเป็นประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยเป็นของตัวเอง เราเป็นประเทศที่มีอำนาจขนาดกลาง อยู่ๆ จะมายิงกันโดยมีการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถยอมรับได้
ต่อมานายรังสิมันต์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งภายหลังการประชุม กมธ.ว่า ต้องยอมรับว่ายังไม่มีความชัดเจนถึงแนวทางดำเนินการกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว หรือการป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ แต่สิ่งที่ต้องย้ำเตือนคือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับประมงไทย เป็นเหตุการณ์เกินกว่าเหตุมาก โดยได้รับข้อมูลว่ามีการใช้กลไกคณะกรรมการชายแดนท้องถิ่นไทย-เมียนมา หรือ TBC ในการคัดค้าน แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงเช่นนี้แล้ว ตนมีความเห็นว่าไทยควรจะมีท่าทีที่ต้องเข้มแข็งมากกว่านี้ ไทยไม่สามารถยอมรับได้ เราอาจจะต้องประท้วงในลักษณะที่เข้มแข็งมากกว่านี้
ประธาน กมธ.กล่าวว่า ส่วนเรื่องความชัดเจนว่าคนไทย 4 คนจะถูกปล่อยตัวกลับเมื่อไหร่นั้น เป็นเรื่องที่ตอบยากมาก เพราะอยู่ที่ทางการเมียนมาจะส่งคนไทยให้หรือไม่ อีกทั้งเรือประมงที่ถูกยิงเสียหาย ใครจะเป็นผู้ชดใช้ค่าเสียหาย ไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้ คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรือประมง ไม่มีการเตือน หรือแจ้งล่วงหน้า แต่เป็นการยิงเข้ากลางลำเรือ อาจทำให้เกิดการเสียชีวิตได้หลักสิบถ้าไม่หนี
ผู้สื่อข่าวถามว่า อาจมีข้อมูลอื่นนอกจากเป็นเรือประมงปกติหรือไม่ ทำให้เมียนมาไม่ยอมปล่อยตัว นายรังสิมันต์กล่าวว่า มีข้อมูลในทำนองที่ทางเมียนมามองว่าลูกเรือบางคนที่เป็นคนเมียนมา อาจเกี่ยวข้องกับการต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา ไม่ทราบข้อมูลข้อเท็จจริง แต่เป็นคนละเรื่องกับลูกเรือของไทย
เขากล่าวด้วยว่า จากเดิมได้รับข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศว่า วันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา ลูกเรือทั้ง 4 ควรจะได้กลับบ้าน แต่ก็ไม่ทราบสาเหตุว่าสุดท้ายเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่สามารถกลับได้ และไม่มีคำอธิบายชี้แจงใดๆ เบื้องต้นกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่พยายามช่วยเหลือลูกเรือ ไม่ได้มีแนวทางว่าจะเพิ่มแรงกดดันไปมากกว่านี้ ไม่มีข้อมูลไหลเข้าสู่ กมธ. เรื่องแนวทางที่จะมีการยกระดับไปมากกว่านี้ ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลควรจะยกระดับเพื่อช่วยเหลือ
“ผมเห็นว่าท่าทีของรัฐบาลไทยอ่อนเกินไป ควรจะทำให้มั่นใจว่ารัฐบาลจะปกป้องได้ ขณะที่ผู้ปฏิบัติงานตัดสินใจได้ระดับหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือส่วนหัวหรือรัฐบาลจะเอาอย่างไรในเรื่องนี้ เพราะรัฐบาลควรต้องสร้างหลักประกันให้คนไทยว่าจะได้รับความปลอดภัย ต้องแสดงท่าทีเข้มแข็ง” นายรังสิมันต์ระบุ
นายรังสิมันต์ยังกล่าวถึงกรณีกลุ่มว้าแดงเข้ามาตั้งฐานทัพในฝั่งประเทศไทยว่า ได้รับข้อมูลในเชิงบวกว่า ฝ่ายไทยพยายามทำทุกทาง โดยเฉพาะกองทัพไทย ที่จะให้ข้อมูลในเชิงบวก แต่แน่นอนว่ายังไม่มีการการันตีหรือให้คำมั่นว่าทางกลุ่มว้าแดงจะถอนฐานทัพออกจากเขตแดนไทย เบื้องต้นทางการไทยโดยเฉพาะทางกองทัพไทยไม่อยู่เฉยในเรื่องนี้ พยายามดำเนินการทุกความเป็นไปได้ ดังนั้น ทางกรรมาธิการจึงหารือกันว่าจะให้เวลากับหน่วยงานต่างๆ ได้ดำเนินการตามแนวทางที่ได้มีการพูดคุยกับกรรมาธิการภายในเดือนนี้ หลังจากนั้นเดือนหน้าจะติดตามว่ามีมาตรการใดเพิ่มอีกบ้าง หากทางว้าแดงไม่ถอนฐานทัพออกไป จะไปคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารบกเรื่องแนวทางต่อไป
ด้านนายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะรองประธาน กมธ.การต่างประเทศ กล่าวว่า ทางการไทยได้ขอให้เมียนมาสอบสวนเรื่องนี้ แต่จนถึงบัดนี้ทางการไทยยังไม่มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาสอบสวนว่า จริงๆ แล้วเรือประมงไทยที่ถูกทหารเรือเมียนมายิงและถูกจับไปนั้น มีการรุกล้ำน่านน้ำของเมียนมาจริงหรือไม่ หรือเหตุเกิดในน่านน้ำไทย
"หากเราไม่ตั้งคณะสอบสวนของเราเองขึ้นมา และรอฟังผลการสอบสวนของฝ่ายเมียนมา แน่นอนว่าผลการสอบสวนของพม่าย่อมต้องบอกว่าเรือประมงไทยรุกล้ำน่านน้ำของพม่าเขา ใครเขาจะมาบอกว่าเรือไทยที่ถูกยิงขณะอยู่ในเขตน่านน้ำไทย การตั้งคณะสอบสวนฝ่ายไทยก็ไม่ได้กระทบกับความปลอดภัยของลูกเรือประมงไทย 4 คนที่ยังถูกทหารพม่าจับไว้ เพราะเป็นเรื่องภายในของไทยที่เราสอบหาข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ ทำไมเราไม่ค้นหาข้อเท็จจริงตอนนี้ จะรออะไร” นายจุลพงศ์ย้ำ
เขากล่าวว่า อยากตั้งคำถามไปยัง รมว.การต่างประเทศว่า ทำได้แค่ลงบันทึกช่วยจำให้เมียนมาสอบสวนเรื่องนี้ และรอให้เมียนมาปล่อยคนไทยเท่านั้นหรือ จะทำอะไรในเชิงรุกที่แสดงว่ากระทรวงการต่างประเทศใช้วิธีทางการทูตที่แสดงความแข็งกร้าวที่จะไม่ยอมให้มีการละเมิดน่านน้ำไทยหรือไม่ หากทำได้แค่นี้ นายกฯ ควรต้องลงมาสั่งการเอง ให้หน่วยงานไทยภายใต้บังคับบัญชาทำงานเชิงรุกมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ที่พูดเช่นนี้ไม่ได้ต้องการให้ใช้กำลังทหาร แต่การกำหนดท่าทีและนโยบายต่างประเทศของไทยที่ไม่ชัดเจนจะก่อให้เกิดปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านรอบประเทศไทยมาโดยตลอด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ท้องถิ่น’ ผวา! พรรคครอบงำ
กกต.จับ "หมูเด้ง" เป็นพรีเซนเตอร์ช่วยรณรงค์ประชาสัมพันธ์ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.อบจ.-นายก อบจ. ขณะที่นักการเมืองท้องถิ่นเผยน่ากลัวมาก!
‘อิ๊งค์’ คุยคำโต รับมือ ‘PM2.5’ ตั้งแต่พ.ย.ปี67
"แพทองธาร" ยันเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่ใช่บ่อนเสรี แต่เป็นการสร้างรายได้ท่องเที่ยว วอนประชาชนช่วยกันอธิบาย เผยไม่เกินปลายปีนี้ลงนาม "FTA" เผย
‘ทักษิณ’โรคจิต! เผยเกิดปีวัวกลางวันชอบเสือกที่ไหนเลือกจะกลับไปซํ้า
"ทักษิณ" สีสันไม่ตก! ลั่นเป็นคนโรคจิต งานง่ายๆ ไม่ชอบทำ ชอบทำงานยาก เพราะเกิดปีวัวกลางวัน วัวตอนเที่ยงกว่าจะได้กินฟางต้องไถนาก่อน ยันเสือกเพื่อความเจริญของประเทศชาติ
ฟุ้งประชุมWEFผลสำเร็จอื้อซ่า
นายกฯ อิ๊งค์โชว์วิสัยทัศน์เวทีโลก ไทยพร้อมเปิดรับการลงทุน
‘พิธา’อู้ฟู่รวย63.5ล้าน ‘พ่อตาธรรมนัส’ลํ่าซำ!
เปิดเซฟ “พิธา” อู้ฟู่ 63.5 ล้านบาท มีเงินให้กู้ยืมน้องชาย 13 ล้านบาท
บิ๊กอ้วนโยนบาปกฟภ. มท.1ป้องไม่ใช่หน้าที่
“ภูมิธรรม” เผยไทยตัดไฟชายแดนแล้ว 2 จุด “แม่ระมาด-แม่สอด”