เชื่อมั่นอุตฯลดลง สอท.ชงตั้งวอร์รูม รับมือปธน.ทรัมป์

ส.อ.ท.ชี้ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ งวด ธ.ค.ลดลงจากการเร่งผลิตก่อนช่วงวันหยุด อุปสงค์ในประเทศชะลอตัว ซ้ำสินค้าต่างชาติหั่นส่วนแบ่งตลาด แนะรัฐเร่งขยายผลเจรจา FTA เพิ่มแต้มต่อการค้า พร้อมตั้งวอร์รูมรับมือนโยบายการค้าสหรัฐฯ หลัง "ทรัมป์" สาบานตน “ภูมิธรรม” ยันไทยพร้อมปรับนโยบายสอดรับการมาของทรัมป์ ย้ำสัมพันธ์ 2 ประเทศปึ้กอยู่แล้ว

เมื่อวันจันทร์ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ธ.ค. 2567 อยู่ที่ระดับ 90.1 ปรับตัวลดลงจาก 91.4 ในเดือนพ.ย. 67 ซึ่งเป็นผลจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอลง จากการเร่งผลิตในเดือนก่อนหน้า ประกอบกับในเดือน ธ.ค.มีวันทำงานน้อย และมีวันหยุดต่อเนื่องในช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมทั้งสถานการณ์น้ำท่วมและสภาพอากาศแปรปรวนในพื้นที่ภาคใต้ยังไม่คลี่คลาย ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอลง ต้นทุนราคาวัตถุดิบทางการเกษตรเพิ่มขึ้น จากสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงเดือนก่อนหน้า ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร

อีกทั้งอุปสงค์ในประเทศชะลอลง สะท้อนจากยอดขายสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ในเดือน พ.ย. 67 หดตัว 31.34% นอกจากนี้สถาบันการเงินยังระมัดระวังการอนุมัติสินเชื่อ สินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างหดตัวลง จากการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะที่อยู่อาศัย ขณะที่กลุ่มพลังงานชะลอลงตามคำสั่งซื้อที่ลดลง รวมไปถึง กำลังซื้อในประเทศโดยเฉพาะในส่วนภูมิภาคยังเปราะบาง จากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังคงบั่นทอนความสามารถในการใช้จ่ายของประชาชน และผู้ผลิตเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากสินค้าจีน ที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดในประเทศและในภูมิภาคอาเซียน ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยลดลง

ทั้งนี้ ในเดือน ธ.ค.ยังมีปัจจัยบวกจากผู้ประกอบการ ที่จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าแฟชั่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน เป็นต้น รวมถึงผลจากการจัดทำ FTA ไทย-EFTA  (สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป) ได้สำเร็จ ขณะที่ผู้ประกอบการมีการใช้สิทธิ์ FTA ในช่วง ม.ค.-ก.ย. 67) คิดเป็น 85.58% เพิ่มขึ้น 2.11% ส่งผลดีต่อภาคการส่งออก ประกอบกับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวต่อเนื่อง ตามอุปสงค์ในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น และอยู่ในช่วงขาขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์

จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,372 ราย ครอบคลุม 46 กลุ่มอุตสาหกรรมของ ส.อ.ท. ในเดือน ธ.ค. 67 พบว่าปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ เศรษฐกิจในประเทศ 56.3% เศรษฐกิจโลก 52.4% สถานการณ์การเมืองในประเทศ 40.1% ส่วนปัจจัยที่กังวลลดลง ได้แก่ ราคาน้ำมัน 37.2% อัตราแลกเปลี่ยน  (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับเหรียญสหรัฐฯ 36.5% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 29.4% ขณะที่ดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 95.5 ปรับตัวลดลงจาก 96.7 ในเดือน พ.ย. 67 โดยปัจจัยที่ผู้ประกอบการยังคงห่วงกังวล คือการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้นในอัตราวันละ 7-55 บาท (เฉลี่ย 2.9%) ส่งผลกระทบต่อต้นทุนแรงงานของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SME ความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าและการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ตามนโยบาย Trump 2.0 อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและการขยายตัวของเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยสนับสนุนที่คาดว่าจะมาจากมาตรการลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt 2.0 และโครงการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ให้กลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป คาดว่าจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงไตรมาส 1/2568 และแนวโน้มการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง

นายเกรียงไกรกล่าวด้วยว่า ภาคเอกชนได้มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ได้แก่ 1.เสนอให้ภาครัฐจัดตั้งวอร์รูม เพื่อเตรียมแนวทางรับมือนโยบายการค้าของสหรัฐฯ เพื่อลดผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย และรับมือกับผลกระทบทางอ้อม รวมทั้งสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการขยายตลาดกับสหรัฐฯ 2.ให้ภาครัฐออกมาตรการเยียวยาสำหรับผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา 3.เสนอให้ภาครัฐออกมาตรการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรและอุปกรณ์ในโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อลดต้นทุนการผลิต รวมถึงการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในภาคอุตสาหกรรม และ 4.เร่งขยายผลความสำเร็จจากการเจรจาความตกลงการค้าเสรี FTA ไทย–EFTA ไปสู่การเจรจาความตกลงการค้าเสรี FTA ไทย-สหภาพยุโรป เพื่อขยายโอกาสทางการค้า

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการประเมินท่าทีก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดา ผู้นำของประเทศใดขึ้นมาไทยก็ต้องดูนโยบายว่าสอดรับกันหรือไม่ หากปรับอะไรได้ก็ปรับเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ ซึ่งหน่วยต่างๆ จะเป็นผู้ดูรายละเอียด

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลไทยมีการประเมินว่าจะต้องมีการปรับนโยบายหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่ได้มีการสรุป เนื่องจากนายทรัมป์เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง แต่หากดูโดยรวมพื้นฐานสหรัฐอเมริกาและไทยก็มีความสัมพันธ์ที่ดีอยู่แล้ว ส่วนทางการทูตหากสหรัฐมีข้อเสนอแนะอะไรก็จะเสนอมา ไทยก็จะรับพิจารณาตามหลักเกณฑ์ของไทย และให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดักคอ‘ชิตตู’กุมความลับไทยเทา

เงื้อค้างหมายจับ “ชิตตู” เลื่อนพิจารณาไป 17 ก.พ. “โรม” ดักคอเป็นผู้กุมความลับโยงไทยเทา ตั้งข้อสังเกตรอให้ถ่ายเททรัพย์สินออกไปหมดหรือไม่