กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานพระนโยบายให้ “กองทุนหทัยทิพย์” หนุนกองทัพบกสร้างบังเกอร์-หลุมหลบภัยชายแดนเป็นต้นแบบ ส่วนรั้วอยู่ระหว่างหาพื้นที่เหมาะสม “อนุทิน” รับหนังสือ “ปานเทพ” ชงยกเลิก MOU 43-44 ลั่นกองทัพมีอำนาจเต็มที่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำไทย ตอก “กห.กัมพูชา” หาว่าไทยละเมิดเปิดเสียงหลอน ซัดกลับยิงจรวด-โดรนข้ามมาไทยเป็นอันตรายคนไทยเช่นกัน สั่ง มท.เร่งวางแผนกรณีอพยพซ้ำ "เท้ง" หวั่นไทยเพลี่ยงพล้ำในเวทีโลก "ทหาร-ตำรวจ-ปกครอง" พร้อมลุยทวงคืนอธิปไตย รอเพียงคำสั่งเท่านั้น
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม เวลา 09.50 น. ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จออก ณ ห้องประชุมชั้น 11 อาคารอัครราชกุมารี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ พระราชทานพระวโรกาสให้ คุณหญิงจรัสศรี ทีปิรัช รองประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ฝ่ายบริหารและผู้อำนวยการสำนักองค์ประธาน นำ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก และคณะ เฝ้า เพื่อรับพระราชทานพระนโยบายโครงการให้การสนับสนุนการก่อสร้างต่างๆ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤตความมั่นคงปลอดภัยบริเวณพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา สนองพระปณิธานฯ ตามที่มีพระดำริให้จัดตั้ง “กองทุนหทัยทิพย์” ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์ขึ้น ซึ่งได้มีพิธีเปิดกองทุนฯ อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 ก.ย.2568 ที่ผ่านมา
ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้กราบทูลรายงานถึงแนวทางการดำเนินงานของกองทัพบกที่ได้น้อมนำพระนโยบายไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการจัดตั้งคณะทำงานโครงการสนับสนุน “กองทุนหทัยทิพย์” กองทัพบก โดยมีพลเอก อานุภาพ ศิริมณฑล หัวหน้าคณะฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา เป็นหัวหน้าคณะทำงานฯ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของ “กองทุนหทัยทิพย์” รวมทั้งประสานความร่วมมือและการสนับสนุนภาครัฐ เอกชน และประชาชน ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเกิดจากสถานการณ์ความไม่สงบ ความขัดแย้ง ภัยพิบัติต่างๆ
ขณะเดียวกัน ผู้บัญชาการทหารบกได้กราบทูลรายงานเพิ่มเติมถึงแนวทางการก่อสร้างรั้วบริเวณพื้นที่ชายแดนนั้น โดยพร้อมสนับสนุนกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งจะเป็นหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบหลักตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาพื้นที่ที่เหมาะสมและวางแผนการดำเนินงานอย่างรอบด้าน
โอกาสนี้ พระราชทานพระนโยบายให้ “กองทุนหทัยทิพย์” สนับสนุนกองทัพบกในการจัดสร้างที่มั่นกำบัง (บังเกอร์) ให้กับกำลังพลที่ฐานปฏิบัติการ และสร้างหลุมหลบภัย เพื่อใช้เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้แก่ประชาชน ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินซึ่งเป็นการดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพื่อดูแลความปลอดภัยของทั้งกำลังพลและประชาชนในพื้นที่ชายแดนสำหรับใช้เป็นต้นแบบในห้วงแรกนี้
ที่รัฐสภา นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ได้ยื่นหนังสือถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว. มหาดไทย เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 เนื่องจากกัมพูชาละเมิดข้อตกลงร้ายแรง โดยให้มีผลบังคับใช้ในอีก 8 เดือนข้างหน้า และระหว่างนี้ให้ระงับการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ไว้ก่อน จนกว่าจะมีมติยกเลิก MOU 43 และ MOU 44
ทั้งนี้นายกฯ รับหนังสือพร้อมระบุว่า ขอไปอ่านเอกสารก่อน
จากนั้น นายอนุทินให้สัมภาษณ์ภายหลังกาประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ ระบุนายกฯ ได้เน้นย้ำในที่ประชุม ครม. 4 ประเด็นในการไปคุยกับกัมพูชาที่มาเลเซีย ว่า ถ้า 4 ประเด็นนี้ได้รับการตอบสนอง กัมพูชาได้แก้ไข จะทำให้ภัยที่มีผลต่อความมั่นคงของไทยลดลง
เมื่อถามว่า นักวิชาการกังวลเรื่องการเปิดเสียงหลอน และจะเอาไปฟ้องประชาคมโลก นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามว่าขณะนี้กองทัพภาคที่ 1 ใช้เครื่องจักรในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำเขตแดนไทย นายอนุทินกล่าวว่า กองทัพมีอำนาจในการดำเนินการตามที่เขาตัดสินใจ เพราะในพื้นที่ที่เป็นปัญหาก็เป็นการใช้กฎอัยการศึกอยู่แล้ว ฉะนั้นการตัดสินใจต่างๆ กองทัพมีอำนาจเต็มที่ในการตัดสินใจ ซึ่งรัฐบาลก็ให้การสนับสนุน
“นายกฯ ไทยก็มองว่าระเบิดที่เข้ามาจรวดที่ยิงเข้ามาในเขตไทยจากฝั่งกัมพูชาก็เป็นการทำอันตรายกับประชาชนคนไทย โดรนที่บินเข้ามาในเขตไทย นายกฯ ไทยก็มองว่าเป็นสิ่งที่ละเมิดอธิปไตยของประเทศไทย” นายอนุทินกล่าวถึงกรณี รมว.กลาโหมกัมพูชาระบุว่าการเปิดเสียงรบกวนเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรง
เมื่อถามว่า ก็จะเป็นการตีความได้ว่ารัฐบาลไฟเขียวให้ทำ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ทราบ ทุกคนต้องทำตามกฎหมาย ใครอยากจะบอกอะไรก็บอกได้หมด แต่เราต้องใช้กฎหมายเป็นตัวกำหนด
ส่วนกระแสแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีบางคนไม่ค่อยถูกใจ จะมีการให้กำลังใจในการทำงานอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า เราต้องให้กำลังใจทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ ข้าราชการ ฝ่ายปกครอง และพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่มีข้อพิพาทต้องให้กำลังใจ และสนับสนุนทุกอย่างให้เขานำชัยชนะปกป้องประชาชนได้ปกป้องอธิปไตยได้
ถก 4 ฝ่ายมีความคืบหน้า
ด้านนายสีหศักดิ์ กล่าวถึงการเดินทางเยือนมาเลเซีย และร่วมประชุม 4 ฝ่าย ระหว่างมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา ไทย และกัมพูชา เพื่อหารือแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา ว่า การหารือเป็นไปด้วยดี และแต่ละฝ่ายจะกลับมาปรึกษารัฐบาล รวมถึงวันนี้ได้รายงานให้นายกฯ รับทราบ ถือว่ามีความคืบหน้า แต่ต้องมาดูจะปฏิบัติอย่างไร โดยจะมีการประชุมที่เกี่ยวข้องต่างๆ ซึ่งเราว่าสิ่งที่พูดคุยกันจะปรากฏผล ครั้งต่อไปคาดว่าจะเดินทางไปกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย วันที่ 17 ต.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เราจะยังคงยืนยันข้อเสนอ 4 ประเด็นในการพูดคุยวงประชุม GBC ต่อหรือไม่ นายสีหศักดิ์กล่าวว่า เหมือนเดิม แล้วเราก็คุยตามนั้น และต้องนำไปหารือในที่ประชุม JBC ด้วย
เมื่อถามถึงกรณีที่กัมพูชาจะไปร้องศาลโลกกรณีที่ไทยฉายภาพยนตร์เปิดเสียงหลอนในพื้นที่บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ไม่ได้กังวลในเรื่องนี้ แต่กังวลในเรื่องที่พูดคุยกันใน 4-5 เรื่อง ที่นายกฯ ระบุว่าเป็นเรื่องสําคัญ ถ้าเราจะเดินหน้าในความสัมพันธ์ ก็มีอยู่ 4 เรื่องที่จะคุยกับกัมพูชา มาเลเซียได้ซักถามกรณีบ้านหนองจาน เขามุ่งในประเด็นที่เป็นปัญหาหลักในตอนนี้
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทินสั่งการในที่ประชุม ครม. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาการให้ความช่วยเหลือประชาชนในกรณีที่ต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัยหลายครั้ง หากมีความจำเป็นต้องทบทวนมติ ครม. ก็ให้เร่งดำเนินการเสนอมาที่ ครม.โดยเร็ว
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่กัน จอมพลัง นำเครื่องเสียงไปเปิดเสียงผีและเครื่องบินรบ รวมถึงฉายหนังกลางแปลงยุคที่ชาวกัมพูชาเข้ามาลี้ภัยว่า เชื่อว่าประชาชนทุกคนที่เป็นคนไทยอยากจะช่วยเหลือการแก้ไขปัญหาชายแดน ส่วนเรื่องเสียงสะท้อนที่ออกมามีความเหมาะสมหรือไม่ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลและนายกฯ โดยตรง ที่จะทำอย่างไรให้ประชาชนทุกภาคส่วน ให้ประเทศไทยมีความได้เปรียบจากประเทศกัมพูชาหรือช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ ไม่ได้ทำให้ไทยเพลี่ยงพล้ำหรือเสียเปรียบในเวทีโลก
ทั้งนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นพื้นที่ที่ประกาศกฎอัยการศึก การที่มีภาคประชาชนเข้าไปดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด จะถือว่าหน่วยงานภาครัฐประเทศไทยให้การสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าวที่อาจจะละเมิดต่อกฎหมายระหว่างประเทศหรือไม่ แล้วจะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบในเวทีการต่างประเทศหรือไม่ นายกฯ และ รมว.การต่างประเทศต้องตอบให้ชัด
พร้อมลุยทวงอธิปไตยคืน
จากกรณีเหตุการณ์ที่มวลชนกัมพูชาชุมนุมประท้วงขัดขวางเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ขณะวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคงบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นเขตอธิปไตยแผ่นดินไทย เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยต้องใช้มาตรการสากลเข้าควบคุมระงับเหตุ โดยเมื่อวันที่ 13 ต.ค. ได้มีการให้กำลังทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง สนธิกำลังในการซักซ้อมฝึกทบทวนทักษะและยุทธวิธีการปราบจลาจล เพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ เตรียมรับมือเหตุการณ์เคลื่อนไหวและความไม่สงบในการควบคุม, กระจายกำลัง และจับกุม หากมีการทำร้ายเจ้าหน้าที่และก่อความวุ่นวายหรือมีอาวุธ โดยการปฏิบัติดังกล่าวมีความพร้อม รอเพียงคำสั่งวันในการปฏิบัติการผลักดันเท่านั้น
มีรายงานข่าวจากหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดเปิดเผยว่า วันนี้ได้ตรวจพบทุ่นระเบิดในพื้นที่ปฏิบัติการบ้านหนองหญ้าแก้ว ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารอีกจำนวน 2 ทุ่น โดยเวลา 11.15 น. ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ชนิดสะเก็ดระเบิด POMZ-2 จำนวน 1 ทุ่น สภาพพร้อมทำงาน ที่พิกัด 48PTA 55255 29022 จากนั้นไม่ห่างกันในเวลา 11.32 น. ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ชนิดสะเก็ดระเบิด POMZ-2 อีก 1 ทุ่น สภาพพร้อมทำงาน ที่พิกัด 48PTA 55264 29010 ทั้งนี้ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดได้ดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดทั้ง 2 ทุ่น ตามขั้นตอนเรียบร้อย
โดยตั้งแต่การลงพื้นที่เก็บกู้ทุ่นระเบิดตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค.68-14 ต.ค.68 ในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล รวมแล้ว 9 ทุ่น เป็นชนิดระเบิดอยู่กับที่ PMN สภาพพร้อมใช้งาน 6 ทุ่น, ชนิดระเบิดอยู่กับที่ MN 79 สภาพพร้อมใช้งาน 1 ทุ่น และชนิดสะเก็ดระเบิด POMZ-2 สภาพพร้อมใช้งาน (หากติดตั้งลวดสะดุด) จำนวน 2 ทุ่น
วันเดียวกัน นายโมฮัมหมัด ฮาซัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าร่วมเป็นสักขีพยานพิธีลงนามในข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งจะเกิดขึ้นระหว่างการประชุมสุดยอด สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ระหว่างวันที่ 26-28 ต.ค.นี้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' แถลงการณ์ สยบข่าวชิงยุบสภา พร้อมชี้แจงซักฟอก ไม่คิดจับ รธน. เป็นตัวประกัน
“อนุทิน” แถลงการณ์สยบข่าวชิงยุบสภาฯ รู้ตัวดีเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ยืนยันเดินหน้าตาม MOA ไม่มีจับรัฐธรรมนูญเป็นตัวประกัน แต่หากมียื่นอภิปรายเพื่อหาทางออกประเทศ พร้อมชี้แจง ย้ำปัญหาสแกมเมอร์ มีมาตั้งแต่รัฐบาลก่อนหน้านี้ รัฐบาลไม่ได้สร้างปัญหา แต่มาเพื่อแก้ปัญหา
'อภิสิทธิ์' แนะ 'นายกฯหนู' ควรยอมถูกซักฟอก คือความสง่างามของผู้นำระบอบประชาธิปไตย
'อภิสิทธิ์’ กระตุก ‘อนุทิน’ ขออย่าคิดว่าถูกยื่น ‘ซักฟอก’ คือการโดนด่าฟรี ควรยอมรับการตรวจสอบคือความสง่างามของผู้นำในระบอบประชาธิปไตย
“ทุ่นระเบิด-เชลยศึก”สู่โหมด“ไรดาร์” กับระเบิดเวลาเขตแดน“ได้-เสมอ-เสีย”
การดำเนินการตามถ้อยแถลงนายกรัฐมนตรีไทยและกัมพูชา ซึ่งได้ลงนามกันทางมาเลเซีย โดยมี “โดนัลด์ ทรัมป์” นายกรัฐมนตรีเป็นสักขีพยาน ในประเด็นร้อนเรื่องการถอนอาวุธ ยังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่โปร่งใส หรือมีคำถามเรื่องการปกปิด อำพรางซ่อนเร้นหรือไม่ อีกทั้งมีหลักประกันอะไรที่จะไม่มีการเคลื่อนย้ายอาวุธร้ายแรงที่เป็นภัยคุกคามกับไทยกลับมาอีก
จ่อปล่อย18เชลยเขมร
ไทยจ่อปล่อยตัว 18 เชลยศึกกัมพูชา 12 พ.ย.นี้ "บิ๊กเล็ก" เดินหน้าทวงคืน
‘ราชรถ’งดงามสมพระเกียรติ
"กรมสมเด็จพระเทพฯ" ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรมที่สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ
โวศก.พ้นหล่ม! เดินหน้ากระตุ้น มั่นใจปี68โต2%
"เอกนิติ" การันตีเศรษฐกิจไทยโตพ้นหล่ม กางผลงาน 1 เดือน

