‘ปูติน’เตือนชาติปิดน่านฟ้า

แฟ้มภาพ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย (Photo by Ramil SITDIKOV / SPUTNIK / AFP)

ยูเครนดิ้นรนขอความช่วยเหลือจากต่างชาติ "เซเลนสกี" อ้อนสภาสหรัฐส่งความช่วยเหลือด้านอาวุธเพิ่มเติมและคว่ำบาตรรัสเซียยิ่งขึ้น "ปูติน" เตือนชาติใดกำหนดเขตห้ามบินเหนือยูเครนเท่ากับขัดแย้งด้วยอาวุธกับรัสเซีย พร้อมขู่รัฐบาลยูเครนทำแบบนี้ต่อไปจะพานสูญเสียอธิปไตย

สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม 2565 ซึ่งเป็นวันที่ 11 นับตั้งแต่กองทัพรัสเซียบุกรุกรานยูเครนตามคำสั่งของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่ให้เปิด "ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร" ในประเทศเพื่อนบ้านของรัสเซียแห่งนี้ ว่ารัสเซียยังคงเดินหน้าโจมตีหลายเมืองของยูเครน รวมถึงที่เมืองมาริอูโปลในภาคใต้ ที่รัสเซียตกลงหยุดยิงชั่วคราวเมื่อวันเสาร์ เพื่อเปิดทางให้อพยพพลเรือนหลายแสนคนในเมืองนี้ซึ่งถูกปิดล้อมมานานหลายวัน กับที่เมืองโวลโนวาคาซึ่งอยู่ติดกัน

เจ้าหน้าที่ยูเครนสั่งเลื่อนการอพยพเมื่อวันเสาร์ โดยกล่าวหาว่ารัสเซียไม่ได้ทำตามข้อตกลงหยุดยิง และยังถล่มมาริอูโปลกับพื้นที่โดยรอบอย่างต่อเนื่อง

กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศในเวลาต่อมาว่า การโจมตีจะเดินหน้าต่อเพราะยูเครนไม่เต็มใจจะขยายการหยุดยิง ในวันอาทิตย์กองทัพยูเครนกล่าวว่า ทหารรัสเซียที่โอบล้อมเมืองนี้กำลังถล่มโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน

วาดิม บอยต์เชนโก นายกเทศมนตรีกล่าวในคำสัมภาษณ์เผยแพร่ทางยูทูบว่า    "มาริอูโปลไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว" และว่ามีประชาชนหลายพันคนได้รับบาดเจ็บ แต่มีคำแถลงจากทางการมาริอูโปลว่า พวกเขาจะพยายามอพยพประชากรอีกครั้งตั้งแต่เวลา 19.00 น.ของวันอาทิตย์ตามเวลาไทย

ผู้แทนเจรจาของยูเครนกล่าวว่า จะมีการพูดคุยเกี่ยวกับการหยุดยิงกับรัสเซียรอบที่ 3 ในวันจันทร์ แต่ข่าวกล่าวว่าฝ่ายรัสเซียยังไม่มีท่าทีที่แน่ชัด

การโจมตีของรัสเซียทำให้ชาวยูเครนพากันอพยพหนีภัยข้ามชายแดนเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านทางฝั่งตะวันตกโดยเฉพาะโปแลนด์ โดยในวันอาทิตย์ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งองค์การสหประชาชาติกล่าวว่า จำนวนผู้ลี้ภัยออกจากยูเครนในช่วง 10 วันมานี้มีมากกว่า 1.5 ล้านคนแล้ว เป็นวิกฤติผู้ลี้ภัยที่จำนวนเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดนับแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนหน้านี้หน่วยงานของยูเอ็นเคยประเมินว่า จำนวนผู้ลี้ภัยจากยูเครนจะสูงถึง 4 ล้านคนภายในเดือนกรกฎาคม

ผู้ชุมนุมต่อต้านสงครามเตรียมเดินขบวนกันที่กรุงวอชิงตันของสหรัฐและอีกหลายเมืองทั่วโลก ภายหลังอเล็กเซย์ นาวาลนี นักต่อต้านปูตินที่ถูกจำคุกอยู่ขณะนี้ เรียกร้องให้ทั่วโลกร่วมกันชุมนุมต่อต้านสงครามในวันที่ 6 มีนาคม เมื่อวันเสาร์ก็มีการชุมนุมในหลายประเทศทั้งในชิลี, ฝรั่งเศส และอิสราเอล

กองทัพยูเครนโพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันอาทิตย์ว่า ทหารกำลัง "สู้รบอย่างดุเดือด" กับทหารรัสเซียเพื่อควบคุมพรมแดนที่เมืองมีโคลาอีฟในภาคใต้ และเมืองเชอร์นิฮิฟในภาคเหนือ รวมถึงยังมีปฏิบัติการที่แคว้นโดเนตสค์ในภาคตะวันออก แต่ความพยายามหลักเน้นที่การปกป้องเมืองมาริอูโปล

รัฐบาลยูเครนเรียกร้องโลกตะวันตกเพิ่มความช่วยเหลือทางทหาร ประธานาธิบดีเซเลนสกีร้องขอให้เพื่อนบ้านในยุโรปตะวันออกส่งเครื่องบินรบที่ผลิตโดยรัสเซียมาให้ เนื่องจากนักบินยูเครนเคยฝึกมาก่อน

เมื่อคืนวันเสาร์ เซเลนสกีแถลงเรียกร้องชาวยูเครนในพื้นที่ที่ทหารรัสเซียยึดครอง ให้ออกมาต่อสู้ขับไล่ปิศาจนี้ออกไปจากเมือง เขายังปลุกปลอบขวัญด้วยว่า ทหารยูเครนกำลังตีโต้ตอบทหารรัสเซียรอบเมืองคาร์คิฟ เมืองใหญ่อันดับสองในภาคตะวันออก และสร้างความสูญเสียแก่ฝ่ายรุกรานชนิดที่คนพวกนั้นไม่เคยพบเจอแม้แต่ในฝันร้าย

เมื่อคืนวันเสาร์ ผู้นำยูเครนได้วิดีโอคอลกับสมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐ สื่ออเมริกันรายงานว่า เขาได้ร้องขอบรรดาพันธมิตรในโลกตะวันตกช่วยจัดส่งอากาศยานมาให้ รวมถึงเรียกร้องอีกครั้งให้เพิ่มความช่วยเหลือด้านอาวุธ, ห้ามการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย, กำหนดเขตห้ามบิน และขอให้วีซ่าและมาสเตอร์การ์ดระงับบริการบัตรเครดิตในรัสเซีย โดยในวันอาทิตย์ ทั้งสองบริษัทนี้ก็ประกาศระงับการดำเนินการในรัสเซียเป็นที่เรียบร้อย

สหรัฐเคยกล่าวว่า จะมอบอาวุธให้ยูเครนเพิ่มเติม โดยทำเนียบขาวเผยว่า สหรัฐกำลังทำงานร่วมกับโปแลนด์ เพื่อนบ้านของยูเครนที่กำลังพิจารณาว่าจะส่งเครื่องบินรบให้ยูเครนหรือไม่ ด้านสภาคองเกรสรับปากว่าจะจัดตั้งงบช่วยเหลือฉุกเฉินเพิ่มอีก 10,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มเติมจากการอนุมัติความช่วยเหลือด้านอาวุธยุทโธปกรณ์มูลค่า 350 ล้านดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ก่อน ส่วนข้อเรียกร้องให้ห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซียนั้น ทำเนียบขาวยังคงปฏิเสธ ด้วยเกรงว่าจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอีก และทำร้ายผู้บริโภคในสหรัฐที่เผชิญกับปัญหาภาวะเงินเฟ้ออยู่แล้ว

ด้านประธานาธิบดีปูตินยังคงอ้างว่า เขาต้องการให้ยูเครนวางสถานะเป็นกลาง โดยปลอดการทหารและพวกนาซี พร้อมกับเตือนว่า การกระทำของยูเครนอาจทำให้ประเทศนี้สูญเสียอธิปไตย "ฝ่ายบริหาร (ยูเครน) ในปัจจุบันต้องเข้าใจว่า หากพวกเขายังคงทำในสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่นี้ต่อไป พวกเขากำลังทำให้อนาคตความเป็นรัฐของยูเครนไม่แน่นอน" ผู้นำรัสเซียกล่าวเมื่อวันเสาร์ "และถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้น พวกเขาจะเป็นผู้ที่รับผิดชอบทั้งหมด"

ปูตินยังได้เปรียบเทียบการคว่ำบาตรของตะวันตกกับ "การประกาศสงคราม" แต่ "ขอบคุณพระเจ้าที่ยังไม่ไปถึงจุดนั้น" ขณะเดียวกัน เขาเตือนนาโตเรื่องการกำหนดเขตห้ามบินด้วยว่า จะก่อผลลัพธ์ร้ายแรงมหาศาล ไม่เพียงต่อยุโรปเท่านั้น แต่รวมถึงทั้งโลก "การเคลื่อนไหวใดๆ ไปในทิศทางนี้ เราจะถือว่าประเทศนั้นๆ มีส่วนร่วมในการขัดกันด้วยอาวุธ".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง