
โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ พอใจผลงานบริหารจัดการน้ำของประเทศ ใช้งบกลางคุ้มค่า 2 ปี เพิ่มแหล่งน้ำกว่า 2.6 หมื่นแห่งทั่วประเทศ เก็บน้ำฝนใช้หน้าแล้ง 742 ล้าน.ลบ.ม. ประชาชนได้ประโยชน์ครอบคลุมพื้นที่ 7.5 ล้านไร่
3 เม.ย. 2565 – นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบของประเทศอย่างต่อเนื่องใกล้ชิด พอใจผลการดำเนินงานพัฒนาและบริหารจัดน้ำอย่างเป็นระบบภายใต้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการแก้ไขปัญหาเชิงการป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้น ทั้งการบรรเทาผลกระทบภัยแล้ง ป้องกันน้ำท่วม และคุณภาพน้ำ ซึ่งตลอด 2 ปีที่ผ่านมา (ปี 2563 – 2564) รัฐบาลได้มีการบูรณาการทุกหน่วยงานด้านน้ำโดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นหน่วยงานกลางในการบูรณาการพิจารณาแผนงาน/โครงการของหน่วยงานต่าง ๆ สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพในการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก ระบบกระจายน้ำเพื่อสนับสนุนน้ำอุปโภค-บริโภค ตลอดจนการเกษตรครอบคลุมทั้งประเทศ รวม 26,830 แห่ง เช่น การขุดเจาะบ่อบาดาล แหล่งน้ำสำรองเพื่อผลิตน้ำประปา ก่อสร้างฝายและสระเก็บน้ำเพื่อการเกษตร ขุดลอกคลอง และกำจัดวัชพืช เป็นต้น
นายธนกรกล่าวว่า สำหรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำต่าง ๆ ภายใต้งบกลาง ปี 2563 มีทั้งสิ้น 20,795 แห่ง ซึ่งทุกแห่งได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ปริมาณน้ำเก็บกักเพิ่มขึ้น เกิดประโยชน์กับประชาชนและเกิดการจ้างแรงงานกว่า 184,000 ราย ส่วนงบกลาง ปี 2564 มีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำรวม 6,035 แห่ง เน้นรองรับสถานการณ์ฝนตกน้อย และความต้องการใช้น้ำเพิ่มสูงขึ้นจากการอพยพกลับภูมิลำเนาเดิมของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 เพื่อประกอบอาชีพเกษตรกรรม ล่าสุดดำเนินการแล้วเสร็จ 3,642 แห่ง และอยู่ระหว่างดำเนินการ 2,441 แห่ง ซึ่งรัฐบาลโดย สทนช. มีการติดตามความก้าวหน้าและเร่งดำเนินการเพื่อให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ คาดว่าหากโครงการทั้งหมดแล้วเสร็จ จะสามารถทำให้เก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนเพื่อใช้ประโยชน์ในช่วงหน้าแล้งได้รวม 742 ล้าน ลบ.ม. อีกทั้งยังสามารถนำน้ำบาดาลมาใช้ได้ถึง 91 ล้าน ลบ.ม. และมีน้ำดิบผลิตประปาได้อีก 62 ล้าน ลบ.ม. ส่งผลให้เกิดประโยชน์โดยตรงกับประชาชนถึง 3.65 ล้านครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 7.5 ล้านไร่
“นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2565 ยังได้มีมติอนุมัติงบกลางฯ เพื่อพัฒนาโครงการรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี 2565 รวม 2,525 แห่ง ซึ่งคาดว่าหากดำเนินการแล้วเสร็จ จะสามารถช่วยป้องกันและลดผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งได้ รวมทั้งเพิ่มการลงทุนภาครัฐและจ้างแรงงานคนในท้องถิ่นด้วย” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว ///
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯชมทุกภาคส่วนช่วยบริหารน้ำและเกษตรยั่งยืน
นายกฯ ชื่นชมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำและการเกษตรแบบยั่งยืน
'ประวิตร' เตรียมควงแกนนำ พปชร. ติดตามบริหารจัดการน้ำ อยุธยา-สระบุรี 8 มี.ค.
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการจ.พระนครศรีอยุธยาและจ.สระบุรี โดยมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค
นายกฯ ติดตามแก้น้ำท่วม-ปัญหาที่ดินทำกิน อ.ไชยา ย้ำรัฐบาลสร้างโอกาสเท่าเทียม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำ การแก้ไขปัญหาอุทกภัยพื้นที่อำเภอไชยา และปัญหาที่ดินทำกิน โดยนายกรัฐมนตรีรับฟังรายงานสรุปโครงการบรรเทาอุทกภัยและบริหารจัดการน้ำพื้นที่อำเภอไชยา
โฆษกรัฐบาลยก 'บริหารจัดการน้ำ' เป็นวาระแห่งชาติ ยิ้มปี 65 ไม่เจอภัยแล้ง
โฆษกรัฐบาลย้ำ รัฐบาลให้ความสำคัญกำหนดทรัพยากรน้ำเป็นวาระแห่งชาติ ส่งผลเกิด 44 โครงการสำคัญระดับประเทศ พร้อมกำหนดมาตรการรองรับฤดูฝน ฤดูแล้ง ทำให้ปี 64/65 ไม่มีการประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้ง
พท.ขอบคุณ 'ลุงตู่' ชัดเจนเรื่องอยู่ต่อ 2 ปีจะได้ทำให้ชาวบ้านตัดสินใจเสียที
'เพื่อไทย' ขอบคุณ 'บิ๊กตู่' ชัดเจนประกาศขออยู่ต่อ 2 ปี ทำประชาชนตัดสินใจง่ายขึ้นจะเลือกใครว่าจะจมปลักกับคำนำทัพเดิมๆ หรือคนใหม่
'คุณหญิงกัลยา' บินสหรัฐ พบ 'แทมมี ดักเวิร์ธ'
คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำคณะผู้บริหารจากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และคณะทำงานโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริ เดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา