เลขาฯประธานชวนหลั่งน้ำตาอำลา ปชป. เรียกร้องขอความเป็นธรรมเป็นผู้เสียสละ แต่ถูกโพลไร้มาตรฐานเขี่ยให้ไม่ให้ลงสมัคร ไม่มีที่ยืนในพรรค จากนี้ไปจะไปหารังใหม่ที่ชื่อว่ารวมไทยสร้างชาติ
08 ธ.ค.2565 - นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานรัฐสภาผู้แทนราษฎร และ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จังหวัดตรัง 4 สมัย กล่าวเปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า เป็น ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ พ.ศ.2544 เป็น ส.ส.มา 4 สมัย บรรพบุรุษก็อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ทุกคนก็รักศรัทธาต่อพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด การตัดสินใจลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ เพราะไม่มีที่ยืน พรรคเขาใช้วิธีทำโพลเลือกผู้สมัครของการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ และประกาศว่าตนเองแพ้โพล ส่วนลึกในใจก็เสียใจเพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ให้กำเนิดตนมา มีท่านนายกฯชวน ท่านนายกกิจ เปรียบเสมือนบิดาทางการเมือง
นายสมบูรณ์กล่าวต่อว่า ก่อนที่จะตัดสินใจลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์เพื่อย้ายไปอยู่พรรคใหม่ ก็ได้ปรึกษาผู้ใหญ่ โดยเฉพาะท่านชวน โดยแจ้งให้ท่านทราบว่าทางพรรคเขาได้ทำโพลและประกาศว่าผมแพ้โพล พูดง่าย ๆ คือ ผมไม่มีที่ยืน ผมจึงเรียนกับท่านชวนไปว่าจะขอลงสู้เพื่อเป็นผู้สมัครของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้พี่น้องประชาชนเป็นผู้ตัดสิน เมื่อทางพรรคส่งได้คนเดียว เมื่อทางพรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่งตนเอง ก็จำเป็นที่ต้องไปหาพรรคการเมืองอื่นที่เขายินดีที่จะส่งเป็นผู้สมัคร ซึ่งทั้งนี้ถามว่าตนเองจะตอบกับประชาชนผู้เป็นเจ้าของเสียงอย่างไรนั้น ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าวันนี้แสดงความจำนงว่าลงสมัครเป็นผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อรัฐธรรมนูญกำหนดมาว่าในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ส.ส.เขต จะมี 400 เขตทั่วประเทศ จังหวัดตรังจาก 3 เขตก็จะเพิ่มเป็น 4 เขต ก็จะกลับมาเหมือนกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2544 เมื่อมี 4 เขต ตนเองเป็น ส.ส.อยู่ในเขต 4 ซึ่งเป็น ส.ส.มา 4 สมัย
“ผมแสดงความจำนงเป็นผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อแสดงความจำนงไปแล้ว ทางพรรคแจ้งว่าเนื่องจากในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ถ้าส่งลงไปอาจจะแพ้การเลือกตั้ง ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าใช้หลักอะไรเป็นหลักคิดว่าถ้าส่งลงจะแพ้การเลือกตั้ง เพราะถ้าดูตามคะแนนเดิม ตนเองลงในเขตเลือกตั้งที่ 4 ครั้งแรกปี 2544 ผมได้คะแนน 9 พัน กว่าคะแนน พอปี 2548 เป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 2 คนได้ที่ 1 คะแนน 59,600 คะแนน พอครั้งที่ 3 เนื่องจากมีการรวมเขต เขต 3,4 มารวมกันผมได้คะแนน 122,000 กว่าคะแนน ถ้าเฉลี่ยได้ประมาณ 6 หมื่นกว่าคะแนน พอครั้งที่ 4 ปี 2554 ผมได้คะแนน 74,387 คะแนน ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง เดินเข้าคูหา 100 คน ลงคะแนนให้ผม 90 กว่าคน เพราะฉะนั้นถ้าคิดว่าตนเองเป็นหลุมดำหรือลงเลือกตั้งแล้วผมงแพ้ ถ้าดูตามคะแนนแล้ว ผมเองยังมั่นใจของคะแนนไว้วางใจของพี่น้องประชาชนที่ให้เรา กว่า 7 หมื่น 4 พันคะแนนถือว่าเยอะมาก”
นายสมบูรณ์เล่าอีกว่า เมื่อให้เหตุผลไปแล้ว เขาแจ้งว่า เนื่องจากเขตนี้มีผู้สมัครมากกว่า 1 คน โดยหลักการจริง ๆ ก็ พรรคก็คงต้องใช้ระบบพิจารณาระหว่างตนเองกับผู้สมัครอีกคน เราดูกันว่าความเหมาะสมควรจะเป็นใคร เป็นสมาชิกกันมามากน้อยแค่ไหน การเป็นสมาชิกมันเป็นความจงรักภักดีต่อพรรค ตนเองเป็นสมาชิกมาหลายสิบปีแล้ว พรรคต้องพิจารณาว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาคุณสมบูรณ์แพ้นะ เพราะฉะนั้นครั้งนี้เราจำเป็นต้องหาผู้สมัครใหม่ ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้เอาอย่างนี้ไหม เรามาสำรวจความเห็นของคนในพรรคประชาธิปัตย์ในเขตเลือกตั้งและสมาชิก
นายสมบูรณ์ย้ำว่า ได้แจ้งไปแล้วว่าไม่เห็นด้วยกับการทำโพล พรรคต้องมีวิธีที่พิจารณาที่เป็นธรรมกว่าวิธีการตัดสินด้วยการทำโพล เช่นถ้าทำโพลด้วยหลักวิชาการ ทำโพลอย่างถูกต้อง ตนเองเป็นเป็นนักกีฬา เมื่อผลการแข่งขันออกมาแล้วเรายอมรับได้ แต่ในการทำโพลครั้งนี้ มีข้อน่าสังเกตเยอะมาก หลังจากที่ประกาศผลตนเองได้ไปสอบถามทำหนังสือถึงท่านหัวหน้าพรรคว่า ขอทราบรายละเอียดของการทำโพล เช่น สถาบันที่ทำโพลคือที่ไหน ตามข่าวแจ้งว่าเป็นมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ การออกแบบสำรวจสอบถามเรื่องแบบสำรวจมันก็ต้องถูกหลักตามวิชาการ เชื่อถือได้ การกระจายตามประชากรของเขตที่ 4 ของชุมชน ตำบล เป็นอย่างไร สุดท้ายก็ไม่ได้รับคำตอบ หลังจากนั้นไปหาท่านเลขาธิการได้ให้ชื่ออาจารย์ที่ทำโพล ซึ่งหลังจากนั้นได้ติดต่อไปยังอาจารย์ทั้ง 3 ท่าน ที่ได้รับรายชื่อมา แล้วเดินทางไปยังหาดใหญ่ ไปสอบถามว่าในการทำโพลครั้งนี้อาจารย์มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง และได้ทำหนังสือไปยังหัวหน้าอีกฉบับหนึ่ง เรียนให้ทราบว่าหลังจากที่ตนเองไปพบท่านอาจารย์ที่ทำโพลทั้ง 3 ท่านแล้ว สรุปว่า โพลที่ทำโพล ส.ส.ตรังเขต 4 ไม่ใช่ ม.อ.เป็นผู้ทำโพล เป็นเพียงแค่อาจารย์ของ ม.อ.เป็นนักวิชาการอิสระ ที่มารับจ้างทำโพล ด้วยเงินค่าจ้าง 1 แสน 8 หมื่นบาท ตามที่อาจารย์ได้แจ้งมา
“ผมได้ถามว่าเมื่อทางมหาวิทยาลัยไม่ได้เป็นผู้ทำโพล ไม่ได้รับรองผลโพล ก็คืออาจารย์เป็นผู้รับรองถูกต้องหรือไม่ ผมจึงถามต่อไปว่าวัตถุประสงค์ของการทำโพลครั้งนี้อาจารย์ทราบหรือไม่ว่าทำเอาไปตัดสินว่าใครเป็นผู้สมัคร ทางอาจารย์แจ้งว่าไม่ทราบ เขาคิดว่าเอาไปประกอบการพิจารณา อาจจะมีการพิจารณาหลาย ๆ หลักเกณฑ์ การทำโพลว่าจะเป็นหลักเกณฑ์ การออกแบบสอบถามมีหลายข้อ ผมถามว่ามีหลักเกณฑ์อย่างไร เรื่องความน่าเชื่อถือ ความยุติธรรมของแบบสอบถามมีการชี้นำหรือไม่ ทางอาจารย์ตอบว่าแต่ละข้อมูลได้มาจากทางพรรค แต่จริง ๆ แล้วอาจารย์ต้องมาวิเคราะห์ว่าข้อมูลนี้มีความเป็นธรรมกับผู้สมัครหรือไม่”
นายสมบูรณ์เปิดใจต่อว่า เมื่อสอบถามการกระจายแบบสอบถามไปยังประชากรอาจารย์ให้ใครลงไปสำรวจ เขาแจ้งว่าให้เครือข่ายเยาวชนในจังหวัดตรัง แบบสอบถาม 6,300 ชุด อาจารย์จัดสรรอย่างไร แบบสอบถามต้องมีตราประทับ ต้องรันนิ่งนัมเบอร์ที่จะออกไปตามอำเภอต่าง ๆ เพื่อให้ได้ 6,300 ชุด ทางอาจารย์แจ้งว่าไม่ทำเลย ไปถ่ายเอกสารทั้งหมดที่เหลือ จึงมองว่านี่เป็นข้อสังเกต ซึ่งไปเจอการถ่ายเอกสารที่ร้านถ่ายเอกสารที่หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลเป็นพันแผ่น เอกสารดังกล่าวเป็นตัวจริงหรือไม่ เขาบอกว่าเป็นแบบสอบถามจริง จึงนำไปแจ้งความว่าเอกสารดังกล่าวอาจจะเอามาเป็นการทุจริตในการทำโพลก็ได้ ไปสอบถามใคร หรือมานั่งเขียนเอาเอง ซึ่งได้ถามว่าอาจารย์ได้ออกไปควบคุมหรือไม่ ทางอาจารย์บอกปฏิเสธว่าไม่ได้ออกไปควบคุม เพราะเชื่อใจ จึงมองว่าการทำโพลไม่โปร่งใส เพราะตนเองเป็น ส.ส.มา 4 สมัยย่อมมีทีมงาน เมื่อไปสอบถามทีมงานในพื้นที่ว่ามีใครได้ใบสำรวจบ้างหรือไม่ คำตอบที่ได้คือไม่มีใครได้ใบสำรวจสักคนเดียว ก็แสดงว่าการสำรวจนี้สำรวจจริงหรือไม่ เป็นการจัดทำเป็นโพยหรือไม่ เมื่อผลออกมาแล้วก็ไม่ได้คำตอบก็รอว่าเขาพิจารณาอย่างไร
“มันเป็นสิ่งที่เจ็บปวดบางเรื่องเราไม่ได้รับความเป็นธรรม ผมเองรักพรรคประชาธิปัตย์มาก มาวันนี้เราเองกลับไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องนี้ ทางท่านหัวหน้าแนะนำให้ตนไปลงบัญชีรายชื่อ ผมก็ขอบคุณท่านหัวหน้า แต่ผมขอลงเขต เพราะก่อนหน้านี้เคยเสียสละไปแล้วในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ตรังเหลือ 3 เขต ทั้งที่เป็นสิทธิของผม ผมก็ทำเพื่อพรรค ไม่ให้พรรคมีการทะเลาะแย่งกัน เพราะการเมืองถ้าทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนจะมาแย่งกันทำไม เราสามารถที่จะทำงานตรงจุดไหนก็ได้ ผมจึงไปขึ้นบัญชีรายชื่อลำดับที่ 35 เป็นที่ทราบคือลำดับไม่ถึง ท่านชวนก็เมตตาให้ไปเป็นเลขาประธานรัฐสภา ผมก็ทำหน้าที่เลขานุการประธานรัฐสภาอย่างดี แล้ววันนี้ทำงานให้พรรคก็ยังทำอยู่ ไม่ว่าจะเจอโควิด หรือ น้ำท่วม งานบุญ งานกุศลต่าง ๆW
นายสมบูรณ์กล่าวว่า ในวันนี้จะไปยื่นไปลาออกกับ กกต. ทั้งนี้ดูพรรคที่ต้องมีนโยบายที่ทำเพื่อพี่น้องประชาชน และโดยเฉพาะในเรื่องของความเป็นธรรม ผ่านการเมืองมา 20 กว่าปี เห็นนโยบายของพรรคการเมืองไม่ให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ซึ่งจะเห็นข่าวในวันสองวันนี้ ในเรื่องการเลือกปฏิบัติของพรรคการเมืองในกรณีทีเป็นรัฐบาล พรรคนี้ไม่เลือกเราไม่พัฒนา เชื่อว่าพรรคที่เห็นแก่ประชาชนให้ความยุติธรรมต่อประชาชน วันนี้เห็นนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติก็ตัดสินใจว่าจะไปขอร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ ยัน ร่วมโต๊ะอาหารเที่ยงกับ 'เอกนัฏ'
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ร่วมโต๊ะอาหารกลางวันกับนายกรัฐมนตรีและคณะ
ท้ารอดู 'ทักษิณโมเดล' พา 'ยิ่งลักษณ์' กลับไทย ไม่ติดคุก
นายเทพไท เสนพงศ์ สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ท้าให้รอดู “ยิ่งลักษณ์” กลับไทย ไม่ติดคุก
'พิมพ์ภัทรา' พร้อมรับทุกอย่างหากถูกปรับครม. ย้ำให้ถามหัวหน้าพรรครทสช.
น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)มีการเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่ ว่า เมื่อมีการกล่าวถึงเรื่องการจะปรับครม.ย่อมมีความหวั่นไหวเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
รทสช. ยัน 4 รัฐมนตรีของพรรคยังไม่ถูกปรับพ้นครม.
- ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ใน
กมธ.อุตฯมั่นใจมีคนของรัฐพันปัญหาแคดเมียม
กมธ.อุตฯ ถกปัญหาแคดเมียม 'อัครเดช' เสนอดับเบิ้ลซีลใส่ตู้คอนเทรนเนอร์ก่อนขนย้าย จี้เร่งเคลื่อนย้ายฝังกลบก่อน 7 พ.ค. ยันมี จนท.รัฐเอี่ยวลักลอบขนย้ายแน่ เผย 4 ตัวละครเกี่ยวข้องเป็นทุนจีนเทา
ฮือฮา! ชาวบ้านแห่ดู เรือไม้ตะเคียนทองอายุ 200 ปี
ชาวบ้านฮือฮา! แห่ดู “เรือไม้ตะเคียนทองโบราณ” คาดเป็นเรือขายสินค้า ก่อนยุคกรุงศรีอยุธยา อายุไม่ต่ำกว่า 200 ปี หลังมีเรื่องราวสุดแปลกเกิดขึ้นกับ หนุ่มใหญ่วัย 52 ปี มีอาการผิดปกติ คล้ายถูกดลจิตดลใจให้ไปพบเจอคว่ำจมอยู่กลางแม่น้ำตรัง