ดร.ณัฎฐ์ จวกยับ 'นรินท์พงศ์'​ อิงแอบการเมือง บิดเบือนภารกิจหลักสมาคมทนายความ

'ดร.ณัฎฐ์' มือกฎหมายมหาชนคนดัง จวกยับ-สอนมวย 'นรินท์พงศ์' นายกสมาคมทนายความฯ ปม ส.ว.โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ยันไม่ใช่ภารกิจหลัก ใช้สมาคมฯ เล่นการเมือง คาดคะเน ตีปลาหน้าไซ ไม่เหมาะสม

24 เม.ย. 2566 -​ จากกรณี นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ว่า ประเทศไทยยังสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติทางการเมืองหลายครั้ง อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากรัฐธรรมนูญ 2560 ออกแบบโดยเผด็จการ ที่มีเจตนาต้องการสืบทอดอำนาจ ได้เขียนกำหนดไว้ในมาตรา 272 ให้ สว.มีสิทธิออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งผลการลงมติของ สว.จะนำไปสู่วิกฤติของบ้านเมือง

ล่าสุด ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม หรือ “ดร.ณัฎฐ์” มือกฎหมายมหาชนคนดัง กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ก่อนอื่นต้องเข้าใจ ก่อนว่า เดิมสมาคมทนายความแห่งทนายความแห่งประเทศไทยเกิดขึ้นก่อนสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยสภาทนายความเกิดขึ้น ตาม พรบ.ทนายความ พ.ศ.2528 ทำให้บทบาทของสมาคมทนายความแห่งประเทศไทยถูกลดบทบาทลงเป็นเพียงสมาคมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ประชาชนยังสับสนระหว่าง สภาทนายความกับสมาคมทนายความ แต่ภารกิจหลักในการควบคุมวิชาชีพทนายความและมรรยาทนายความเป็นหน้าที่ของสภาทนายความ ส่วนสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งแพะพาณิชย์ โดยมีภารกิจช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง

การออกแถลงการณ์ทางการเมืองไม่ได้เป็นภารกิจหลัก ทำให้ประชาชนสับสนว่า เอาองค์กรทนายความมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่ความจริงแล้ว สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย แยกเด็ดขาด ต่างหากจากสภาทนายความฯ ประชาชนอย่าไปสับสน ตนจะสอนมวย นายนรินท์พงศ์ ให้ หากจะให้สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยแข่งขันให้เท่าเทียมกับสภาทนายความ ให้ประชาชนยอมรับในภารกิจหลักในการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมและยากจน จะต้องไม่เอาสมาคมทนายความฯมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง

ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่าประเทศไทยไม่ได้ตกอยู่ในวิกฤติการณ์ทางการเมือง ทางตันทางการเมือง ขณะนี้รัฐบาลมีคณะรัฐมนตรีรักษาการฯภายหลังยุบสภา โดยอยู่ในระหว่างเลือกตั้ง โดยพรรคการเมืองและนักการเมือง อยู่ระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง นายนรินท์พงศ์ จะรู้ได้อย่างไร ว่า พรรคการเมืองใด ชนะการเลือกตั้ง และพรรคการเมืองใดจัดตั้งรัฐบาลได้ ขนาดผลโพลต่างๆยังชี้นำ เป็นโพลรับจ้าง บิดเบือนข้อมูลการเก็บตัวอย่าง ไร้ความน่าเชื่อถือ เป็นไปตามพรรคการเมืองใดจ้าง ไม่ได้อิสระตามหลักวิชาการ การโยนหินถามทาง ปมโหวตเสียงสมาชิกวุฒิสภาล่วงหน้าเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี เรียกว่า “ตีปลาหน้าไซ” นายนรินท์พงศ์ เป็นนักกฎหมาย จะต้องศึกษารัฐธรรมนูญให้ช่ำชอง เป็นนายกสมาคมทนายความฯอย่าไปเอาสมาคมองค์กรไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพราะไม่ใช่ภารกิจหลักของสมาคมทนายความฯ

ดร.ณัฐวุฒิ ยืนยันว่าขณะนี้บ้านเมืองยังไม่ถึงทางตัน การแถลงการณ์เหมือนจะห่วงใยบ้านเมือง แต่แฝงไปด้วยตีปลาหน้าไซ ประชาชนอ่านเกมออก โดยเฉพาะข้อกฎหมายมาตรา 272 วรรคหนึ่ง ตามรัฐธรรมนูญ ได้บัญญัติไว้ว่า ในระหว่างห้าปีแรกนับตั้งแต่ที่มีรัฐสภาชุดแรก การให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรี ให้ประชุมร่วมกันของรัฐสภาและมีมติเห็นชอบนายกรัฐมนตรี ให้ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ในสภา หมายความว่า ใช้เสียงทั้ง ส.ส.และสว.รวมกัน 700 เสียง เกินกึ่งหนึ่ง คือ 376 เสียง ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แต่กระนั้นเลย กระบวนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรียังไม่เกิดขึ้น เพราะยังไม่ทราบผลการเลือกตั้ง ส.ส. และยังไม่ถึงวันหย่อนบัตรเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 โดยพรรคการเมืองใด จะชนะเลือกตั้ง รวบรวมเสียง เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แล้วนายนรินท์พงศ์ จะไป หยั่งรู้ฟ้าดินได้อย่างไร ว่า สว.จะโหวตเลือกใคร เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นดุลพินิจ สว. โดยเฉพาะหาก รวบรวม ส.ส.ได้ถึง 376 เสียง โดยไม่จำต้องพึ่งเสียง สว. 250 เสียง การเมืองอาจเกิดขึ้นได้หมด อาจพลิกได้เพียงข้ามคืน อย่าประมาท

ข้อแถลงการณ์ทั้งสองข้อของนายนรินท์พงศ์  เป็นการคาดเดา เปรียบดังหมอดู ไม่ต่างจากหมดเดา แบบนี้ ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องแถลงการณ์ในนามสมาคมทนายความฯเลย เพราะเหตุการณ์ยังไม่ได้เกิด เป็นการคาดคะเนทั้งสิ้น เพราะยังไม่แน่ชัดว่า ถึงเวลาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี สว.จะเลือกใคร เพราะบุคคลที่จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคการเมืองนั้นจะต้องคว้าที่นั่ง 25 ขึ้นไป และบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 วรรคสอง การเสนอชื่อต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

อีกทั้ง พรรคการเมืองได้เสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจำนวนมาก ไม่อาจคาดหมายว่า ว่าที่นายกรัฐมนตรีเป็นใคร เป็นการคาดเดาล้วนๆ นายนรินท์พงศ์ ไม่ต้องไปกังวลใจแทนพรรคเพื่อไทยว่า จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ อย่างไร เพราะแถลงการณ์อย่างนี้ ไม่ได้อยู่ในสภาวะทางตันของบ้านเมือง ประชาชนมองออกว่า เจตนาเพื่ออะไร ถือหางใคร ฝ่ายใด แทนที่จะผลักดันภารกิจช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ถามว่า สมาคมทนายความฯมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อการเมืองหรือไม่ อย่างไร

นักกฎหมายมหาชนผู้นี้ กล่าวต่อไปว่าการออกแบบรัฐธรรมนูญ เป็นผลผลิตจากการรัฐประหาร แต่ผ่านการโหวตประชามติจากเสียงส่วนใหญ่ของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ เป็นประชาธิปไตยโดยตรง เป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง โดยเขียนไว้ในหลายมาตรา ส่วนมาตรา 272 ให้อำนาจ สว.โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แต่มีกรอบระยะเวลา คือ อายุ สว.ครั้งแรก คือ 250 คน เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา สว.ลดลงเหลือ 200 คน โดยไม่มีอำนาจโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเหลืออีกไม่เกินสองปีกว่าๆ เดิมฝ่ายค้านหาช่องทางแก้ไขมาตรานี้ ทุกช่องทางแล้ว แต่ล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่ทำไมถึง นายนรินท์พงศ์ กลับไม่พูดถึงรัฐธรรมฉบับปี 2560 เป็นฉบับแก้ไขยาก เพราะในมาตรา 256 (6) การออกเสียงลงคะแนนในวาระสาม ขั้นสุดท้ายให้ใช้วิธีเรียกชื่อและต้องมีคะแนนเห็นชอบจาก สว.หนึ่งในสามหรือประมาณ 84 คน ประเด็นดังกล่าวนี้ พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล เสนอมาทุกช่องทางแล้ว ล้มไม่เป็นท่า

"ผมว่า หากจะเอาดีทางด้านนี้ นายนรินท์พงศ์ อย่าลืม ทำหน้าที่นายกสมาคมทนายความฯ ต้องผลักดันภารกิจช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย เพราะประชาชนให้ความเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของนายกสภาทนายความมากกว่า ที่ไม่เอาองค์กรมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง" ดร.ณัฐวุฒิ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สว.แจงเหตุผลดูงานต่างประเทศ ระบุใช้ต่อยอดพัฒนาการศึกษาไทย

นายออน กาจกระโทก สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะเลขานุการกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์การเดินทางไปดูงานต่างประเทศของคณะกมธ.สามัญชุดต่างๆ วุฒิสภา ในช่วงคาบเกี่ยว

ประธาน กกต. แจงความคืบหน้าเลือก สว. ชุดใหม่

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. กล่าวถึงความคืบหน้าของระเบียบ และประกาศกกต. เกี่ยวข้องกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า เสร็จไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ โดยมี 1 ฉบับที่ส่งไปแล้ว และอยู่ระหว่างการ

นายกฯ ยัน ร่วมโต๊ะอาหารเที่ยงกับ 'เอกนัฏ'

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ร่วมโต๊ะอาหารกลางวันกับนายกรัฐมนตรีและคณะ

ฉาวทิ้งทวนก่อนหมดวาระ! สว.เทงบ 81 ล้าน บินคึกเมืองนอก รุมจวกเตือนแล้วไม่ฟัง

ความเคลื่อนไหวของวุฒิสภา (สว.) ที่จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 10 พ.ค. นี้ ปรากฏว่าสำนักงานเลขาวุฒิสภา ได้รับการจัดสรรงบประมาณร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 รายการค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปดูงานไปประชุมทวิภาค

'ทวี' ยันไม่เคยได้ยิน เพื่อไทยจะเอาตำแหน่งประธานสภาฯ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีมีกระแสว่าพรรคเพื่อไทยจะขอเก้าอี้ประธานสภา ว่า รัฐธรรมนูญได้มีการเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนถึงการเข้าดำรงตำแหน่งประธานสภาว่าเป็นเรื่องของสภา ส่วนเรื่องคณะรัฐมนตรีนั้นเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี