ป.ป.ช.ร่ายยาวเหตุผลให้พรรคการเมืองส่งเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงทุจริตเชิงนโยบาย!

ป.ป.ช. แจงยิบปมให้พรรคการเมืองส่งเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงทุจริตเชิงนโยบายแก่ กกต. ยันเป็นกลไกตรวจสอบกฎหมาย เพื่อความโปร่งใส ยับยั้งความเสียหายแก่ประเทศ ระบุเลือกตั้งจบ กกต.ต้องสรุปส่งมาให้

11 พ.ค.2566 - นายภูเทพ ทวีโชติธนากุล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะรองโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏข่าวกรณีสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีหนังสือด่วนที่สุดที่ ลต 0015/ว1104 ลงวันที่ 3 พ.ค.2566 เรื่อง เกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงการทุจริตเชิงนโยบายในขั้นตอนการพัฒนานโยบายถึงหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรค เพื่อจัดส่งเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงฯ ให้พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งนำไปใช้ประกอบการวิเคราะห์การพัฒนานโยบายหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองและเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จให้จัดส่งมายังสำนักงาน ป.ป.ช. โดยตรงต่อไปนั้น สำนักงาน ป.ป.ช. ขอเรียนชี้แจงว่า เกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงฯ เป็นกลไกป้องกันการทุจริตที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. พัฒนามาจากเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงเพื่อสกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบายในโครงการของรัฐที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติรับทราบเมื่อเดือน มิ.ย.2562 โดยได้มีการทบทวนปรับปรุงเกณฑ์ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทการเมืองไทยในปัจจุบัน เพื่อใช้เป็นกลไกในการสร้างความโปร่งใสในกระบวนการพัฒนานโยบายของพรรคการเมือง

นายภูเทพ กล่าวว่า เกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงการทุจริตเชิงนโยบายนั้น คาดหวังว่าจะช่วยในการป้องกัน ระงับ ยับยั้ง การทุจริตเชิงนโยบาย ซึ่งเป็นปัญหาที่พบมากขึ้นในปัจจุบันที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างมหาศาล ตลอดจนจะช่วยเป็นเครื่องมือให้พรรคการเมืองได้แสดงเจตนารมณ์ที่ดีในการอธิบายที่มา วัตถุประสงค์ ความคุ้มค่า ผลกระทบความเป็นไปได้ของนโยบายที่กำหนดขึ้นมาใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง รวมทั้งเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองของผู้มีสิทธิเลือกตั้งด้วย ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มติเห็นชอบเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงฯ ดังกล่าว เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2566 และให้เสนอต่อ กกต.ตามนัยมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 เรียบร้อยแล้ว เพื่อนำไปประกอบการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตามมาตรา 57 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ต่อไป

นายภูเทพ กล่าวว่า เมื่อการเลือกตั้งเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว สำนักงาน กกต.จะต้องดำเนินการสรุปผลการดำเนินการขับเคลื่อนเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงฯ และส่งข้อมูลให้แก่สำนักงาน ป.ป.ช. โดยองค์ประกอบของการสรุปผลอย่างน้อยประกอบไปด้วย 1.แบบฟอร์มการประเมินความเสี่ยง 2.ข้อมูลสรุปผลเชิงปริมาณ ได้แก่ 1.รายชื่อพรรคการเมืองที่ขึ้นทะเบียนไว้ 2.รายชื่อพรรคการเมืองที่ได้ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง 3.รายชื่อพรรคการเมืองที่ดำเนินการจัดทำแบบฟอร์มการประเมินความเสี่ยงต่อการทุจริต เชิงนโยบาย ในขั้นตอนการพัฒนานโยบาย 4.รายชื่อพรรคการเมืองที่ไม่ได้เข้าร่วมจัดทำแบบฟอร์มการประเมินความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย ในขั้นตอนการพัฒนานโยบาย 5.รายชื่อพรรคการเมืองที่เป็นพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล และ 6.รายชื่อพรรคการเมืองที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นพรรคที่ดำเนินการจัดทำแบบฟอร์มการประเมินความเสี่ยงต่อการทุจริตเชิงนโยบาย ในขั้นตอนการพัฒนานโยบาย

นายภูเทพ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลสรุปผลเชิงคุณภาพ ได้แก่ 1.ความคิดเห็นของ กกต. เกี่ยวกับการขับเคลื่อนเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงฯ ที่ได้ใช้ประกอบการจัดการเลือกตั้ง ในปี 2566 ว่ามีข้อดี ข้อเสีย ปัญหาหรืออุปสรรค และข้อเสนอในการขับเคลื่อนเกณฑ์ซี้วัดความเสี่ยงฯ ในการเลือกตั้งครั้งถัดไป 2.ความคิดเห็นของพรรคการเมืองต่อการดำเนินการวิเคราะห์ความเสี่ยง ต่อการทุจริตเชิงนโยบาย ตามแบบฟอร์มการประเมินความเสี่ยงฯ ในขั้นตอนการพัฒนานโยบาย ว่ามีข้อดี ข้อเสีย ปัญหาหรืออุปสรรค และข้อเสนอในการขับเคลื่อนเกณฑ์ซี้วัดความเสี่ยงฯ ในการเลือกตั้งครั้งถัดไป การดำเนินการดังกล่าว เป็นไปตามนัยมาตรา 32 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ที่กำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหน้าที่และอำนาจในการเสนอมาตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะต่อ ครม. รัฐสภา ศาล องค์กรอิสระ หรือองค์กรอัยการ เพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริต การกระทำความผิดต่อหน้าที่ราชการ รวมทั้งจัดให้มีกลไกที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนอย่างเข้มงวด ดังนั้น ข่าวที่นำเสนอจึงมีความคลาดเคลื่อน ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช. ไม่ได้ประสงค์จะให้พรรคการเมืองจัดส่งแบบฟอร์มเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงฯมายังสำนักงาน ป.ป.ช. แต่ประการใด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“การจัดจ้างบัญชีนวัตกรรม” ช่องโหว่ของการคอร์รัปชัน

ในปีงบประมาณ 2566 รัฐบาลได้จัดสรรกรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ไว้ประมาณ 29,100 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น งบประมาณเชิงกลยุทธ์

'พี่ศรี' ร้องกกต. สอบ 'ปิยบุตร' ชี้นำก้าวไกลรับลูกวิจารณ์เรื่องตัดสิทธิ 'ช่อ พรรณิการ์'

นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมายื่นคำร้องชี้เบาะแสให้ กกต.ได้ตรวจสอบกรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวตำหนิพรรคก้าวไกลที่ไม่รีบออกมาสื่อสารแบบเป็นทางการไม่ว่าจะแถลงหรือวิจารณ์ใดๆ

อื้อฮือ! เปิดเซฟ สส.โตโต้ 3 ปีมีรถยนต์ 5 คันทั้งโฟล์ค-มินิคูเปอร์

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทาง