ประชามติแก้รัฐธรรมนูญค้าง! นิกรปูดต้องรอแก้ กม.อย่างน้อย 5 เดือน

'นิกร' เผยประชามติยึดร่าง ครม.ปรับยึดเสียงข้างมากชั้นเดียว พร้อมเปิดรับฟังความเห็น ปชช. 3 พ.ค. รับกาบัตรต้องเลื่อนอย่างน้อย 5 เดือน ไอติมจี้เร่งเปิดวิสามัญแก้กฎหมาย ไม่ต้องรอร่าง ครม.

02 พ.ค.2567 - ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) มีการประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติพ.ศ. 2564 มีนายนิกร จำนง กรรมการและโฆษก นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล นายแสวง บุญมี เลขาฯ กกต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

โดยเวลา 10.30 น. นายนิกรให้สัมภาษณ์ว่า ที่ต้องเชิญนายชูศักดิ์ และนายพริษฐ์ มาร่วมประชุมเพราะทั้งคู่เป็นผู้ริเริ่มการแก้ไขกฎหมายประชามาติในส่วนของสภา จึงต้องการรับฟังความคิดเห็น โดยผลการหารือคณะกรรมการพิจารณาแนวทางประชามติ ได้ยกร่างแก้ไขกฎหมายประชามติ โดยนำจุดแข็งของแต่ละร่างมารวมกันเพื่อให้ได้กฎหมายประชามติที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องรัฐธรรมนูญแต่ทำประชามติได้ทุกเรื่อง โดยจะเสนอในนามของคณะรัฐมนตรี มีสาระสำคัญอาทิ การออกเสียงประชามติสามารถนำไปรวมกับการเลือกตั้งอื่นได้เพื่อประหยัดงบประมาณ และเวลาของประชาชนที่ต้องมาออกเสียง สามารถออกบัตรเลือกตั้งอื่นได้เช่นการลงคะแนนผ่านไปรษณีย์และการลงคะแนนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านแอปพลิเคชั่น และประเด็นสำคัญให้ถือเสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิ โดยคะแนนเสียงข้างมากต้องมีเกินกึ่งหนึ่งของผู้ที่มาออกเสียง ไม่ใช่เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แทนของเดิมที่ต้องใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น โดยวันที่ 3 พ.ค. คาดว่าร่างดังกล่าวจะสามารถเปิดรับฟังความเห็นของประชาชนได้ผ่านเว็บไซต์ สปน. ไม่น้อยกว่า 15 วัน แล้วจะเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบได้ต่อไป โดยความตั้งใจจะเสนอร่างดังกล่าวได้ทันการเปิดสภาฯสมัยวิสามัญ หลังการพิจารณาร่างงบประมาณปี 2568 เมื่อสภาเปิดสมัยสามัญ เดือน ก.ค. ก็จะได้พิจารณาวาระต่อไป ซึ่งคาดว่าจะมี สว.ชุดใหม่เข้ามาแล้ว

เมื่อถามว่าสรุปแล้วจะได้ลงประชามติเดือนไหน หลังจากที่เคยระบุปลายเดือน ก.ค.ต้นเดือน ส.ค. ประชาชนจะได้ออกเสียง นายนิกร กล่าวว่าเราเห็นปัญหาว่าหากทำประชามติโดยยังไม่แก้กฎหมายประชามติ โดยใช้งบประมาณไป 3,500 ล้านบาท คนมาใช้สิทธิไม่ครบเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิทั่วประเทศหรือ 26 ล้านคนจะทำให้งบประมาณเสียไปเปล่าๆ โดยหลังจากนี้จะได้เข้าคูหาเมื่อใดนั้นต้องรอให้กฎหมายประชามติฉบับใหม่เสร็จสิ้นก่อน แล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปคุยรายละเอียดอีกทีทั้งเรื่องงบประมาณ การกำหนดวัน ถ้าถามเวลาตอนนี้ยังตอบไม่ได้ แต่คาดว่าจะทำได้ภายใน 5 เดือนหลังกฎหมายประชามติมีผลบังคับใช้ และตนอยากให้การทำประชามติครั้งที่ 2 ไปตรงกับการเลือกตั้งนายกฯอบจ.ช่วงต้นเดือน ก.พ.2568 และขอยืนยันการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทำเสร็จในกรอบเวลา 4 ปี ของรัฐบาลนี้

ด้านนายพริษฐ์ กล่าวว่า เราพบว่าอาจมีตัวแทนรัฐบาลที่สื่อสารผิดพลาดเกี่ยวกับการกำหนดวันทำประชามติครั้งแรกที่ระบุว่าจะมีขึ้นปลายเดือน ก.ค.ถึงเดือน ส.ค. ซึ่งเป็นตามตีความว่าเริ่มนับหนึ่งตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีมติให้เดินหน้าการทำประชามติตามที่คณะกรรมการศึกษาแนวทางฯ เสนอเมื่อวันที่ 23 เม.ย. แต่เราค้นพบวันนี้ว่ามติคณะรัฐมนตรียังไม่ให้นับหนึ่ง แต่จะนับหนึ่งก็ต่อเมื่อมีการแก้ไขกฎหมายประชามติเสร็จแล้ว จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลสื่อสารเกี่ยวกับการกำหนดวันทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ชัดเจน และในวันนี้ตนเองและนายชูศักดิ์ มีความเห็นร่วมกันให้คณะรัฐมนตรีเสนอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญโดยเร็วที่สุด เพราะตอนนี้มีร่างแก้ไขกฎหมายประชามติของพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย เสนอเข้าสู่สภาแล้ว หากร่างคณะรัฐมนตรีประกบทันก็ถือว่าดีไปหากไม่ทันก็มีสองร่างดังกล่าวให้พิจารณาได้ แล้วให้รัฐบาลเสนอเนื้อหาเพิ่มเติมในชั้นกรรมาธิการในภายหลัง อย่างไรก็ตามพรรคก้าวไกลมีข้อกังวลเกี่ยวกับคำถามในการทำประชามติ อยากให้การตั้งคำถามเป็นการถามที่เปิดกว้างว่าประชาชนเห็นชอบหรือไม่ให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะมองว่าหากถามแบบกว้างโอกาสผ่านจะมีมากกว่า และหากประชามติผ่านไปแล้ว รัฐบาลยังสามารถรักษาจุดยืนของตัวเองที่จะไม่แตะหมวดหนึ่งหมวดสองได้ในการเสอนแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เกี่ยวกับการกำหนดกรอบการทำงานของ สสร. ถือว่าข้อเสนอนี้เป็นการเสนอด้วยความปราถนาดีที่อยากเห็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประสบความสำเร็จ

นายชูศักดิ์ กล่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการแก้ไขพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 ที่ให้มีการเสนอเข้าพิจารณาใน 2 สภา หรือเสนอโดยบทเฉพาะกาล เรื่องการปฏิรูปประเทศ ว่า ตนเองและนายพริษฐ์ รวมถึงคนส่วนใหญ่ การปฏิรูปประเทศหมดลงไปตามวาระของ สว จึงใช้ขั้นตอนปกติ โดยผ่านสภาผู้แทนราษฎร ก่อนส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณา ซึ่งจะเร่งรัดให้กฎหมายนี้เข้าสู่สภาในการเปิดสมัยประชุมสภาสมัยวิสามัญที่จะถึงนี้ เพื่อให้การแก้ไขกฎหมายเร็วขึ้น ซึ่งร่างดังกล่าวได้มีการบรรจุไว้ในระเบียบวาระเรียบร้อยแล้ว และร่างของ ครม. ก็น่าจะเสร็จทัน ดังนั้น การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เป็นวาระรับหลักการในชั้นวิสามัญ และตั้งกรรมาธิการ ซึ่งคาดว่า จะใช้เวลาไม่มากหรืออย่างน้อยประมาณ 3 เดือน หลังจากนั้นจะนำกฎหมายส่งต่อไปพิจารณาในวุฒิสภา แต่ปัญหาใหญ่ คือ ผู้พิจารณาจะต้องเป็นวุฒิสภาชุดใหม่ และหวังว่าวุฒิสภาชุดใหม่ จะราบรื่น ไม่ติดขัดอะไร

ทั้งนี้ นายชูศักดิ์ ยังระบุว่า ไทม์ไลน์คาดการณ์ว่าอย่างน้อยที่สุดการทำกฎหมายประชามติ ไม่น่าจะเกิน 6 เดือน ซึ่งเป็นไปได้ว่าการเริ่มทำประชามติครั้งแรกจะนับระยะเวลา 6 เดือนหลังจากนี้ ส่วนจะ จะทำประชามติ ในครั้งแรกเป็นช่วงของการเลือก อบจ.หรือไม่ เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องนำไปพิจารณา

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ทะลุฟ้า' เดินสายฯ อ้าง 'บุ้ง-สำนึกความเป็นมนุษย์' ปล่อยผี 112

'ทะลุฟ้า' บุกสภาฯ เรียกร้องนิรโทษกรรมรวมความผิด ม.112-ชะลอคดีความ -ปล่อยนักโทษการเมืองที่อยู่ในเรือนจำ ด้านชูศักดิ์ย้ำยังไม่ได้มีมติปฏิเสธ หรือไม่รับข้อเสนอ แต่อยู่ระหว่างการหารือ