
สว.ปฏิมา ขอประชาชนให้โอกาส-ลบเทป ‘รมต.’ บางคนที่ถูกวิจารณ์เรื่องคุณสมบัติพิสูจน์ตัวเองก่อน แนะนโยบายควิกวิน เร่งลดภาระหนี้ครัวเรือน -ช่วยเหลือ SMEs ผ่านการลดดอกเบี้ย
28 ก.ย.2568-นายปฏิมา จีระแพทย์ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะสมาชิกรัฐสภา โพสต์ข้อความถึงการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่ออภิปรายนโยบายรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล ในช่วงวันที่ 29-30 ก.ย.นี้ว่า เดิมผมตั้งใจจะอภิปรายนโยบายรัฐบาลชุดนี้ในการประชุมรัฐสภา วันที่ 29 หรือ 30 ก.ย. แต่ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา โดยมี สว.ขออภิปรายถึง 50 คน ในขณะที่เวลาที่มีเพียง 3 ชั่วโมง ทำให้แต่ละคนได้พูดเพียงคนละ 3 นาทีครึ่ง ผมจึงตัดสินใจเขียนจดหมายเปิดผนึกนี้ เพื่อสื่อสารกับประชาชนโดยตรง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลชุดของคุณอนุทินจะได้พิจารณาถึงความคิดเห็นเหล่านี้
นายปฏิมา ย้ำว่า ในฐานะสมาชิกวุฒิสภา วันนี้ผมขอพูดแทนประชาชนผู้รักสถาบันฯ และคนอนุรักษ์นิยมส่วนใหญ่ ที่ทนเห็นปัญหาของประเทศถูกซ้ำเติมครั้งแล้วครั้งเล่า เราต้องร่วมกันพิจารณาอย่างรอบคอบว่า ในช่วงเวลาเพียง 4 เดือนอันจำกัดนี้ เราจะใช้เวลาไปกับการ ‘อยู่ครบวาระ’ เท่านั้น หรือจะใช้มันเพื่อ ‘เริ่มแก้ปัญหาที่แท้จริง’ต้องยอมรับว่าในช่วงสัปดาห์แรก รัฐบาลชุดนี้ได้สร้างความเชื่อมั่นให้สังคมไม่น้อย ด้วยการนำบุคคลากรที่มีความสามารถจากหลากหลายสาขาเข้าร่วม ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจที่มีประสบการณ์ระดับนานาชาติ นักการเงิน การคลัง และนักกฎหมายผู้ทรงคุณวุฒิ
สว.รายนี้ระบุว่า แม้จะมีข้อกังวลเกี่ยวกับคุณสมบัติของรัฐมนตรีบางท่าน แต่ผมอยากขอให้พวกเราร่วมกันให้โอกาส คำว่า ‘กลืนเลือด ลบเทป’ ในที่นี้ คือการเปิดโอกาสให้ผู้รับผิดชอบในตำแหน่งสำคัญ ได้พิสูจน์ตัวเอง ดั่งในอดีตที่เราเคยเห็นบุคคลที่เคยมีข้อบกพร่องแต่สามารถกลับตัว กลับใจและสร้างประโยชน์ให้กับสังคมได้ นโยบาลของรัฐบาล จำนวน 7 หน้าฉบับนี้ ครอบคลุมปัญหาเร่งด่วนหลายประการ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาปากท้อง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของประเทศไทยในขณะนี้ การให้ความสำคัญกับปัญหาหนี้ครัวเรือน ภัยธรรมชาติ และการทุจริตคอรัปชั่น นับเป็นทิศทางที่น่าชื่นชม
สิ่งที่ควรเร่งดำเนินการคือ การลดภาระหนี้ครัวเรือน การช่วยเหลือ SMEs ผ่านการลดดอกเบี้ย และการปฏิรูปกฎหมายด้วย Regulatory Guillotine เพื่อส่งเสริมการลงทุน การที่รัฐบาลจะทำงานร่วมกับสภาทั้งสองฝ่ายในเรื่องเหล่านี้ จะนำไปสู่การปฏิรูปกฎหมายสำคัญๆ เช่น กฎหมายส่งเสริมการลงทุนต่างประเทศ และกฎหมายจัดการภัยพิบัติ ที่ปัจจุบันมีหน่วยงานทำงานซ้ำซ้อน สิ้นเปลืองงบประมาณของประเทศจำนวนมหาศาล
“ท้ายที่สุดนี้ ไม่ว่าท่านจะเชื่อในแนวทางอนุรักษ์นิยม เสรีนิยม หรือระบบอุปถัมภ์ก็ตาม ผมเชื่อว่ามีเรื่องหนึ่งที่เราทุกคนเห็นตรงกัน คือ ‘อนาคตของประเทศไทยไม่ได้ถูกกำหนดด้วยความกลัว แต่สร้างได้ด้วยความกล้า ความตั้งใจ และการลงมือทำจริง ลดเรื่องการทำประชานิยม“ประเทศไทยมีคนดีมีความสามารถมากมาย สิ่งที่เราขาดคือ ความกล้าที่จะทำเรื่องยาก โดยยึดประโยชน์ส่วนรวมเหนือประโยชน์ส่วนตน ผมหวังว่าสักวันหนึ่ง เราจะได้มองย้อนกลับมาแล้วพูดได้อย่างเต็มปากว่า รัฐบาลชุดนี้คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ที่นำพาประเทศของเราก้าวผ่านวิกฤตต่างๆ ไปสู่ความมั่นคงและความเจริญที่ยั่งยืน ขอเชิญชวนทุกฝ่ายให้พิจารณาประเด็นเหล่านี้อย่างรอบคอบ ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกหลังวันที่ 30 กันยายนนี้ ว่า ท่านนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทุกคน จะเลือกใช้เวลานี้เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศไทยและคนรุ่นต่อไปอย่างแท้จริง”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไม่ประณาม! ‘อังคณา’ แค่เล่าข่าว เขมรฝังทุ่นระเบิดใหม่ผิดข้อตกลง แสดงความเสียใจกับผู้เสียหาย!
อังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา อดีตคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นักสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Angkhana N
ดร.ปลอดประสพ ประกาศลั่นไม่เชื่อรัฐบาลอีกแล้ว ยก 4 ข้อดีแต่พูด!
อดีตรองนายกฯปลอดประสพ ประกาศไม่ขอเชื่อรัฐบาลอีกแล้ว หลังเห็นเพียงคำพูดไร้การลงมือ ยกตัวอย่างปัญหาน้ำ วาระแห่งชาติสแกมเมอร์ เชลยศึกเขมร และการแก้รัฐธรรมนูญ สรุปเปรี้ยง!ดีแต่พูดและไม่ค่อยทำ
เกมวัดใจ! 'พท.-ปชน.' ซักฟอก 'รัฐบาลอนุทิน'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อภิปรายไม่ไว้วางใจ เกมวัดใจล้วนๆ
ตีตก 2 คำร้อง! ศาล รธน. ไม่วินิจฉัย MOA ตั้งรัฐบาลอนุทิน เหตุไม่มีหลักฐานชัดล้มล้างการปกครอง
ศาล รธน.ตีตกปม MOA "ณัฐพงษ์-อนุทิน" ให้ สส.ปชน-ภท. โหวตนายกฯ เหตุไม่มีหลักฐานชี้ชัดใช้สิทธิล้มล้างปกครอง เป็นการประกาศเจตจำนงร่วมทางการเมือง
จับตา! การเมืองช่วงปิดประชุมสภา ไฟสุมขอน 'รัฐบาลอนุทิน'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า จับตาการเมืองช่วงปิดสมัยประชุมสภา
จาก 'คนขายหมู' ถึงมติวุฒิสภา บทเรียนประชาธิปไตยและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
มติของวุฒิสภา 130 ต่อ 26 เสียง ให้ส่งเรื่องของ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ไปยัง ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบข้อกล่าวหาฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง

