'นิกร' ชี้ มัดรวมประชามติ พร้อมเลือกตั้ง ทำไม่ได้ เหตุมี 4 กฎหมาย เกี่ยวโยงกันอยู่ พร้อมเรียงไทม์ไลน์ ความลักลั่น กำหนดวันเลือกตั้ง หลังยุบสภา แต่ ครม. ที่ต้องดำเนินการ จะหมดอำนาจไปก่อน ชี้ หากยังเสนอ โดนร้องแน่ แนะ ขยับการเปิดประชุมวิสามัญ เพื่อหาทางออก ให้รัฐสภามีมติถามคำถามแรก 'แก้ รธน.' ไปก่อน
7 ตุลาคม 2568 - ที่รัฐสภา นายนิกร จำนง ในฐานะอดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการร่วมกันพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงปัญหาการจัดทำแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า เมื่อพิจารณาตามข้อกฎหมายขณะนี้ จะมีความเกี่ยวข้องกับกฎหมาย 4 ฉบับที่ไม่สอดคล้องกัน หากมีการดําเนินการลักษณะตามกลไกเดิม จะไม่สามารถทําได้ ไม่สามารถมีการเลือกตั้งพร้อมกับตั้งคําถามที่หนึ่งและสอง ตามคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อย่างที่เราต้องการได้
เนื่องจากกฎหมายรัฐธรรมนูญ ยังเป็นปัญหา จากคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่กําหนดว่า ผู้ที่จะดําเนินการคือรัฐสภาเท่านั้น แต่เดิมทีที่จะมีการใช้กฎหมายประชามติ และให้รัฐบาลถามคําถามที่หนึ่ง ดังนั้น คําถามที่หนึ่งและสอง ต้องออกไปจากรัฐบาลเท่านั้น จะเป็นเพียงแค่มติคณะรัฐมนตรีไม่ได้ เพราะ ครม.มีหน้าที่ตามที่รัฐสภาให้ดําเนินการเท่านั้น อย่างการจัดสรรงบประมาณ และการกําหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งต้องหารือกับสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
ขณะที่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ตาม MOA ของพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย มีการตกลงว่า ต้องยุบสภา เมื่อครบ 120 วัน ซึ่งจะตรงกับวันที่ 31 มกราคม 69 แต่เมื่อยุบสภาเสร็จแล้ว กฎหมายที่สองที่เป็นปัญหาอีกจะตามเข้ามา คือกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งได้กําหนดว่า หลังยุบสภา ต้องมีการเลือกตั้งภายใน 40-60 วัน ดังนั้น หากดูวันเลือกตั้งที่จะตกลงเป็นวันอาทิตย์ ก็จะคือวันที่ 29 มีนาคม 69
ขณะนี้ จึงมีการคิดกันว่าคำถามที่ 1 และคำถามที่ 2 จะต้องเป็นไปตามรัฐสภาเท่านั้น ซึ่งเราจะมีการประชุมเรื่องกฎหมายอีก ในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และหมวด 15 ที่มี 3 ร่างนั้น จะถูกพิจารณาในวันที่ 14-15 ตุลาคม
สำหรับสภาพบังคับตามกฎหมายรอง สมมติว่าร่างแก้ไขผ่าน เพราะส่วนตัวเชื่อว่าผ่าน ก็จะมีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญในวันนั้น โดยใช้เวลาช่วงที่สภาปิดสมัยประชุมพิจารณา ก่อนที่สภาจะเปิดสมัยประชุมอีกวันที่ 12 ธันวาคม และสามารถประชุมครั้งแรกได้ วันที่ 17 ธันวาคม ซึ่งจะเท่ากับว่า วาระที่สองของร่างแก้ไข จะมีการพิจารณากัน วันที่ 22-23 ธันวาคม
และหากประชุมเสร็จแล้ว และสมมติว่าผ่านอีก ตามรัฐธรรมนูญกำหนดต้องมีการรอไว้ 15 วัน ซึ่งจะเป็นช่วงประมาณปลายเดือนธันวาคม จากนั้นจึงส่งไปที่ ครม. ซึ่งต้องดําเนินการตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือจากประธานรัฐสภาทันที โดยใช้กฎหมายเก่า เนื่องจากตอนนี้กฎหมายว่าด้วยการทําประชามติฉบับใหม่ยังไม่ได้ลงมา ส่วนตัวก็เชื่อว่า อาจจะลงมาทัน จึงจะเท่ากับว่า วันที่มีมติ ครม. ยังจะต้องมีรัฐบาลอยู่ จึงจะสามารถมีมติดําเนินการทําประชามติได้ หากยุบสภาไปก่อน ก็จะมีมติไม่ได้ เพราะ ครม.รักษาการไม่มีอํานาจในการดําเนินการ ดังนั้น จึงจะไปใช้ในว่าด้วยกฎหมายว่า ให้ทำประชามติพร้อมการเลือกตั้งไม่ได้ เนื่องจาก ครม.ยังไม่มี เพราะหากยังไม่ยุบสภา จะรู้หรือว่าจะไปเลือกตั้งวันไหน นี่เป็นกลไกกฎหมายที่ซ้อนกันอยู่ และหากมีการกําหนดวันแล้ว ก็ยังต้องใช้ระยะเวลาถึง 90 วันอีก ซึ่งเวลาที่เหลือไปถึงวันเลือกตั้งนั้น ไม่เพียงพอ นับแล้วมีประมาณ 70 วันเท่านั้น
นายนิกร ขอเสนอทางออกว่า ต้องมีการปรับระบบการประชุมใหม่ อย่างการพิจารณาในวันที่ 14-15 ตุลาคมนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญที่ตั้งขึ้นมา ต้องประชุมกันถี่มาก เพื่อให้เสร็จก่อนเดือนธันวาคม ฉะนั้น จึงเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อพิจารณาวาระสอง และสาม ให้การยุบสภาสามารถไปลงในวัน 29 มีนาคม 69 ได้ แต่วันเวลาที่มีตามกฎหมายขณะนี้ ไม่สามารถดําเนินการถามคําถาม 4 คําถามได้เลย หากยุบสภา วันที่ 31 มกราคม 69 แล้วเลือกตั้งในวันที่ 29 มีนาคม 69
ดังนั้น จึงอยากให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องพิจารณาเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่า สิ่งที่คาดหวังจะล้มทั้งยืนได้ เพราะยังมีกลไกกฎหมายอยู่ เราคิดไปเองว่า เราทําได้ แต่ตามหลักกฎหมาย ทําไม่ได้ ตนเชื่อว่า จะถูกร้อง ขัดคําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ขัดรัฐธรรมนูญ เกิดปัญหารอบตัว ถือว่ามีปัญหามากจริงๆ ขอให้ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และทุกฝ่าย ช่วยพิจารณาเรื่องนี้ ใจตนก็อยากให้ได้ตามนั้น อยากให้มีการเลือกตั้งพร้อมกับการถามคําถามที่หนึ่งและสอง เพื่อที่จะได้ตั้งต้นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ในอนาคต ปี 70 จะได้กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนฉบับใหม่ แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ จะมีไม่ได้ เพราะติดค้าง ติดขัด ติดกับของกฎหมายที่ไม่สอดคล้องกัน
แม้กฎหมายใหม่ จะมีการเขียนขยายความที่กฎหมายเดิมไม่มี ว่าอาจจะทําประชามติได้พร้อมกับการเลือกตั้งได้เฉพาะกรณีที่รู้วันเลือกตั้งอยู่แล้ว หากรัฐบาลครบ 4 ปี ก็จะรู้ว่าวันเลือกตั้งจะเป็นวันไหน แบบนี้ทำได้ แต่ตอนนี้เราไม่รู้วันยุบสภา ดังนั้น ครม.จึงยังไม่กําหนดวันเลือกตั้งได้ ยังไม่นับรวมข้อกังขาเกี่ยวกับพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งอีก
นายนิกร จึงอยากให้มีมติเรื่องการตั้งคําถามที่หนึ่งโดยรัฐสภาไปเลย ก่อนที่จะมีการกำหนดวันเลือกตั้ง แต่ตามสภาพบังคับรัฐธรรมนูญ ก็ยังต้องส่งไปที่ ครม.อยู่ดี ง่ายที่สุด คือเปิดประชุมวิสามัญ และให้คณะกรรมาธิการวิสามัญประชุมสัปดาห์ละ 3 วัน ให้รีบทําให้เสร็จก่อนกลางเดือนพฤศจิกายน ย้ำว่า การเปิดประชุมสมัยวิสามัญนั้น ทําได้ เพราะหากดึงไปอีก จะชนกับการเปิดประชุมสมัยสามัญเดิม วันที่ 12 ธันวาคม ซึ่งควรเป็นช่วงพิจารณาวาระสามแล้ว
ส่วนมองว่ารัฐบาลควรขยายการยุบสภาออกหรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า ตนไม่พูดเรื่องนั้น เพราะจะเป็นการผิดคําพูดกันใน MOA ขณะที่การให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องดังกล่าว ก็เป็นปัญหาในทางปฏิบัติด้วย เพราะตามกฎหมายแล้ว ไม่ใช่หน้าที่ กกต. ซึ่งจะประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ มากไปกว่านั้น ประชาชนจะเข้าใจทันหรือไม่ ก็ยังไม่รู้ ตนยังเป็นห่วงเรื่อง การทําประชามติยกเลิก MOU 43 MOU 44 มากกว่าอีก เพราะกรรมาธิการบางคนยังไม่เข้าใจเลยว่า มีปัญหาตรงไหนอย่างไร ดังนั้น การที่จะให้ประชาชนลงคะแนนในการทําประชามติก็จะยากมาก เพราะเป็นเรื่องที่ซับซ้อน ไม่นับรวมว่าต้องให้ความรู้ ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยอย่างเสมอกันอีก คงต้องหาทางแก้เงื่อนกันเอาเอง
เมื่อถามถึงแนวโน้มการรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระแรก นายนิกรมองว่า พรรคภูมิใจไทยคงโหวตทุกฉบับแน่ แต่ฝ่าย สว.อาจจะต้องรอดู เพราะมีข้อกังวลในส่วนร่างของพรรคประชาชนว่า เมื่อโหวตแล้วจะขัดรัฐธรรมนูญ และโดนเรื่องจริยธรรม ซึ่งเป็นไปได้ว่า สว.ก็อาจจะไม่โหวตให้ แล้วจะได้เสียง 1 ใน 3 ได้อย่างไร เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ใครที่เป็นคนไปคุย เพราะหากเขายังกังวลเรื่องนี้ เขาก็จะไม่โหวตให้
ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนา ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่คาดว่า 2 ร่าง จากพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย น่าจะโหวตได้ แต่อีกร่างหนึ่งขิงพรรคประชาชน คงต้องคุยก่อน เพราะการเลือก 100 คนของสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญจากประชาชนโดยตรง ยังมีปัญหา จึงไม่รู้ว่าจะผ่านหรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดวิสามัญเดินหน้าแก้รธน. ปลดล็อกเงื่อนไขซักฟอกนายกฯ แต่'ธรรมนัส'ยังโดนล็อกเป้า
จากเงื่อนไขการเมืองสองข้อที่ พรรคประชาชน ซึ่งสนับสนุนให้อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่าพร้อมจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี-รัฐบาลทันทีหากอนุทินไม่ดำเนินการตามเงื่อนไขสองข้อคือ
‘ดร.ณัฏฐ์’ ผ่าปมคดีฮั้วเลือกสว. กรณีพยานกลับคำให้การ
สืบเนื่องจากมีพยานบางปากกลับคำให้การในชั้นสอบสวน ในคดีฟอกเงินที่กรมสอบสวนคดีพิเศษไ
พรรคโอกาสใหม่ ประกาศลุยเลือกตั้ง 2569 ชูแนวคิดโอกาสสำหรับคนไทยทุกคน
“จตุพร บุรุษพัฒน์” หัวหน้าพรรคโอกาสใหม่ ประกาศนำพรรคสู่สนามเลือกตั้ง 2569 ภายใต้แนวคิด “โอกาสสำหรับคนไทยทุกคน” ชี้ถึงเวลาสร้างความหวังใหม่ให้ประเทศในภาวะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง
ปชน.แจงยิบ 'สแกมเมอร์-แก้รัฐธรรมนูญ' สำคัญเท่ากัน ย้ำยึด 3 เงื่อนไขหากจะยื่นซักฟอกรบ.
'พริษฐ์' โต้ ให้น้ำหนักทั้งคู่ หลังถูกถามเมิน 'สแกมเมอร์' หรือไม่ เหตุพอเป็นเรื่องรัฐธรรมนูญ จะยื่นซักฟอกเลย บอกท้ายที่สุด 'ปชน.' เอา ปชช.เป็นตัวตั้ง ย้ำ 3 เงื่อนไข ถ้า 'รัฐบาล' ไม่เปิดสมัยวิสามัญ เข็นแก้ รธน. ทันวาระ 3 ก่อนยุบสภา ขู่ ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที แจงแทน 'ศิริกัญญา' ชี้ พรรคพยายามตรวจสอบ-ทำให้เห็นว่ามีข้อกังขาอะไรบ้าง
ฟันธง! สถานการณ์บีบ 'ปชน.' ต้องยื่นซักฟอก ยอมทิ้งแก้รธน.
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สุดท้าย พรรคส้ม ต้องยื่นซักฟอกรัฐบาล
'สแกมเมอร์-รัฐธรรมนูญ' ต่อรองเพื่อเป้าหมายทางการเมือง
การเปิดเครือข่ายสแกมเมอร์ของพรรคประชาชนไม่ได้เกิดขึ้นช่วงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเท่านั้น แต่มีการเปิดประเด็นและนำไปอภิปรายในสภามาพักใหญ่

