ต่อให้บิ๊กตู่สามารถไปต่อได้ แต่ระยะเวลา 2 ปีที่เหลือจะเป็นข้อจำกัดในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพราะถึงแม้ชนะเลือกตั้งและกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่จะสามารถบริหารได้เพียง 2 ปีเท่านั้น

หลังจากก่อตั้ง ‘พรรคสร้างอนาคตไทย’ มาสักระยะหนึ่ง และหลังจากปล่อยให้ 2 ผึ้งงานข้างกาย ‘อุตตม สาวนายน’ หัวหน้าพรรค และ ‘สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์’ เลขาธิการพรรค ขับเคลื่อนพรรคอยู่หน้าฉาก

การประชุมนัดพิเศษของ 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 8 ก.ย. ที่จะมีการพิจารณาคำร้องคดี 8 ปี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

แม้ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.จะยังคงไม่สะเด็ดน้ำ เพราะอยู่ระหว่างขั้นตอนส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างกฎหมายลูกเลือกตั้ง ขัดหรือไม่ขัดรัฐธรรมนูญ แต่หลายพวกก็มั่นใจเสียแล้วว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะใช้สูตรหารร้อยแน่นอน จึงทำให้เห็นปรากฏการณ์พรรคขนาดเล็ก พรรคเกิดใหม่ ปรับกลยุทธ์กันใหญ่

การเมืองไทยช่วงนี้ ทุกบริบทความเคลื่อนไหว จุดศูนย์กลางอยู่ที่คดีคำร้อง 8 ปี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอช เพราะผลจากคดีไม่ว่าพลเอกประยุทธ์จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป หรือจะต้องพ้นจากตำแหน่ง ล้วนมีผลเชื่อมโยงกับการเมืองทุกภาคส่วน ที่ก็คาดว่าภายในกันยายนนี้ ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติและอ่านคำวินิจฉัยแน่นอน

“สำหรับ พล.อ.ประวิตร คงคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าอาจต้องมานั่งในตำแหน่งรักษาการนายกฯ โดยมีการปรับภาพลักษณ์ของตนเองมาก่อนแล้ว และช่วงนี้ยิ่งปรับลุคส์ใหม่หลายด้าน โดยมีทีมวอร์รูม คนใกล้ชิด คอยสร้างภาพลักษณ์และกำหนดจังหวะก้าวทางการเมืองให้ตลอด”