'ไทยสร้างไทย' ชงปฏิวัติการศึกษาลดเวลาเรียน 3-4 ปี!

ไทยสร้างไทยประกาศ เดินหน้าปฏิวัติการศึกษา ระบุนโยบายเรียนฟรีจบปริญญาตรีต้องฟรีจริง ชูการสร้างเด็กให้รู้จักค้นหาตัวตนเร็วขึ้น

01 มี.ค.2566 - ที่พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) นายโภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศประเทศ และ น.ส.ธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย แถลงเปิดตัวนโยบายปฏิวัติการศึกษาของพรรค โดยชูนโยบายเรียนฟรีจนจบปริญญาตรี โดยกล่าวว่าปัญหาหลักคือการศึกษาไทยไม่ได้สร้างแรงจูงใจให้เด็ก ทำให้เด็กไม่รู้ความต้องการของตนเอง เด็กเรียนหนักจนเกินไป ไม่ได้เปิดโอกาสให้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ และผลประเมินการสอบPISA ตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมาลดลงต่อเนื่อง ภาษาอังกฤษอยู่ 4 อันดับรั้งท้าย นอกจากนี้ ยังมีเด็กอีกจำนวนมากที่เข้าไม่ถึงโอกาสในการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยเพราะค่าใช้จ่ายสูง

นายโภคิน กล่าวว่า พรรค ทสท.จึงได้เสนอแนวทางในการปฏิวัติการศึกษา เริ่มจาก 1.กำหนดเป้าหมายหลักโดยเน้นให้เด็กค้นหาตัวตนได้เร็ว เน้นกระบวนการสอนให้สามารถหาความรู้แบบวิทยาศาสตร์เองได้ สร้างเด็กให้สามารถปรับตัวในโลกที่เปลี่ยนแปลงเร็วได้ อีกทั้งจำเป็นต้องลดภาระเวลาและเงิน และผลักดันให้เข้าสู่ตลาดแรงงานได้เร็วขึ้น และสนับสนุนให้เด็กมีจิตใจโอบอ้อมอารี แบ่งปัน 2.เปลี่ยนระยะเวลาการศึกษา โดยลดเวลาเรียนลง 3-4 ปี เพื่อให้เด็กสามารถเรียนจบภายในช่วงอายุ 17-19 ปี ทำให้เป็นภาระพ่อแม่น้อยลง สามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานทดแทนผู้สูงวัยได้เร็วขึ้น

3.ปรับหลักสูตรการเรียนให้ทันสมัย กระชับ และยืดหยุ่น ตอบโจทย์เด็ก ให้มีทักษะและประสบการณ์ ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ตั้งแต่ระดับประถม 4.ปรับวิธีการศึกษา ให้ความสำคัญกับเจตคติ (Attitude) เป็นอันดับแรก ตามด้วยทักษะ (Skill) และ ความรู้ (Knowledge) ส่งเสริมการเรียน Onsite และ Online ฝึกงานจากของจริง ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน และกิจกรรมนอกเวลา โดยลดเวลาเรียนในห้องเหลือเพียงแค่ 3 วัน

และ 5.ปรับงบประมาณและการบริหารจัดการศึกษา ซึ่งปัจจุบันงบลงไปที่สถานศึกษาไม่ถึงมือนักเรียนหรือผู้ปกครอง และควรมีตัวแทนผู้ปกครองนักเรียนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการชี้ว่าต้องการเรียนต้องการหาความรู้แบบไหนอย่างไร เพื่อชี้ข้อบกพร่อง ดังนั้นต่อจากนี้งบประมาณจะต้องถูกจัดสรรไปที่ผู้เรียน เพื่อผลักดันให้เด็กไทยเรียนฟรีจนจบปริญญาตรีอย่างแท้จริง

นายโภคิน กล่าวทิ้งท้ายว่า พรรค ทสท.มุ่งนำเสนอนโยบายเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริงไม่ได้เข้ามาเพื่อแสวงหาประโยชน์ทางการเมืองเหลือเข้ามาเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรือกำหนดนโยบายด้วยวาทะกรรมสวยหรูแต่ไม่สามารถทำได้จริง ซึ่งการขับเคลื่อนนโยบายของพรรคไทยสร้างไทย ถูกกำหนดขึ้นเพื่อดูแลพี่น้องประชาชนตั้งแต่เกิดจนแก่ และเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ และควรจะเป็น

ด้าน น.ส.ธิดารัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบการศึกษาไทยยังเป็นโครงสร้างแบบเดิมล้าสมัยทำให้เด็กไม่สามารถค้นหาตัวตนได้ ต้องการอะไร ถึงไม่สามารถต่อยอดและพัฒนาตนเองได้ นอกจากนี้ยังพบว่าเด็กไทยเรียนหนัก แต่ศักยภาพไม่สามารถเทียบเท่ากับเด็กในต่างประเทศได้ เช่นเดียวกับคุณภาพการศึกษาของไทยยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับการสอบ Pisa ซึ่งพบว่าคะแนนต่ำลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะวิชาหลัก

นอกจากนี้ ยังขาดการสนับสนุนการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งถือเป็นใบเบิกทางในการยกระดับคุณภาพชีวิตโดยข้อมูลจาก กสศ. พบว่า หากให้นักเรียนได้รับการศึกษาต่อในปริญญาตรี จะได้ผลตอบแทนสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นกว่า 7 เท่า เมื่อเทียบกับเรียนจบมัธยมปลาย โดยคำนวณจากต้นทุนการศึกษาที่จะทำให้นักเรียนยากจนและยากจนพิเศษสังกัด สพฐ. ปีการศึกษา 2561 จำนวน 20,018 คน

ทั้งนี้ หากต้องการให้มีการเรียนฟรีอย่างแท้จริงตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงปริญญาตรี จำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นทั้งหมดจำนวน 21,406,914,500 บาท เพื่อให้นักเรียนยากจนและยากจนพิเศษได้เรียนฟรีอย่างแท้จริง และลดภาระของผู้ปกครอง ป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์เด็กหลุดออกจากระบบการศึกษาต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จับตาก้าวไกลชก(ไม่)เต็มหมัด ชำแหละรบ.เศรษฐาผ่านศึกซักฟอก

ในที่สุด พรรคร่วมฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกล พรรคประชาธิปัตย์ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเป็นธรรม พรรคครูไทยเพื่อประชาชน และพรรคใหม่ ได้หารือเห็นพ้องร่วมกันสัปดาห์หน้า จะยื่นญัตติต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152

'ตรีรัตน์' เปิดใจลาออกพรรคไทยสร้างไทยด้วยเหตุผลส่วนตัว

'ตรีรัตน์' เปิดใจลาออกพรรคไทยสร้างไทยด้วยเหตุผลส่วนตัว ยันไม่มีปัญหาในพรรค ลั่นอุดมการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง แม้ไม่สังกัดพรรคใด

‘ทสท.’ เต้น! 3 สส.แหกโผ ‘อนุดิษฐ์’ ชี้พฤติกรรมชัด ‘งูเห่า’ นัดลงดาบ 9 ม.ค.นี้

คณะกรรมการบริหารพรรคได้นัดประชุมในวันอังคารที่ 9 ม.ค.นี้ช่วงบ่าย  โดยจะมีวาระสำคัญคือการพิจารณากรณี 3 ส.ส.ของพรรคไทยสร้างไทย ที่แหกมติวิปฝ่ายค้านด้วยการไปลงมติเห็นชอบร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567