หมดลุ้น! ศาลปกครองสูงสุดยืนตามศาลชั้นต้นไม่รับคดี 'สราวุธ เบญจกุล' ฟ้องประธานศาลฎีกา

จบข่าว! ศาลปกครองสูงสุดยืนตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นไม่รับพิจารณาคดีสราวุธฟ้องประธานศาลฎีกาตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงจัดซื้อจัดจ้างปรับปรุงอาคารศาลจังหวัดพระโขนง

07 ก.ค.2565 - ศาลปกครองกลางได้อ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ บ.271/2564 หมายเลขแดงที่ บ.188/2564 ระหว่างนายสราวุธ เบญจกุล อดีตเลขาธิการศาลยุติธรรม (ผู้ฟ้องคดี) กับ ประธานศาลฎีกาที่ 1 กับพวกรวม 5 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา

โดยศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ และเมื่อศาลไม่รับคำฟ้องนี้ไว้พิจารณาแล้ว คำขอวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาจึงไม่จำเป็นต้องพิจารณา

โดยนายสราวุธฟ้องว่า ประธานศาลฎีกา (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) กับพวกรวม 5 คน กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีมีคำสั่งสำนักงานศาลยุติธรรม ลับ ที่ 889/2564 ลว. 19 ส.ค. 2564 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงผู้ฟ้องคดี กรณีผู้ฟ้องคดีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงเกี่ยวกับ
การจัดซื้อจัดจ้างปรับปรุงอาคารศาลจังหวัดพระโขนง ซึ่งเป็นกรณีถูกกล่าวหาหลังจากพ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมแล้ว แต่การออกคำสั่งดังกล่าวอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ทั้งที่ตามกฎหมายแล้วต้องดำเนินการทางวินัยตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน จึงนำคดีมาฟ้อง

คดีนี้ ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากศาล พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในขณะที่ผู้ฟ้องคดีดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 นั้น ได้มีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างปรับปรุงอาคารศาลจังหวัดพระโขนง ผู้ดำรงตำแหน่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ในขณะนั้น จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และผลการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วเสร็จในระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ที่ผู้ฟ้องคดีพ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมแล้ว ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 69 วรรคหนึ่ง และมาตรา 75 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 ประกอบกับมาตรา 8 และมาตรา 22 (1) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม พ.ศ.2543 มีคำสั่งสำนักงานศาลยุติธรรม ลับ ที่ 889/2564 ลว. 19 ส.ค. 2564 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงผู้ฟ้องคดี กระบวนการตั้งแต่การสอบสวนข้อเท็จจริงต่อเนื่องจนถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงผู้ฟ้องคดี เพื่อให้สอบสวนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในระเบียบคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสอบสวน พ.ศ. 2544 ดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนเพื่อเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) แม้ว่ากระบวนการดังกล่าวเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล และเป็นขั้นตอนการพิจารณาทางปกครอง ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ซึ่งเป็นการใช้อำนาจทางปกครองก็ตาม แต่ก็ถือเป็นเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินการของ ก.ต. ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง ตามมาตรา 9 วรรคสอง (2) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศาลปกครองสูงสุด ไม่รับคำขอพิจารณาคดีใหม่ของนิติบุคคล 'แอชตัน อโศก' ชี้ไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสีย

ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลางไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของนิติบุคคลอาคารชุด แอชตัน อโศก ไว้พิจารณา

ศาลปกครองสูงสุด กลับคำพิพากษาให้ชาวบางสะพานชนะคดีนายทุนฮุบป่าพรุแม่รำพึง

ที่ศาลปกครองสูงสุด ถนนแจ้งวัฒนะ นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำ

ศาลปกครองสูงสุดกลับคำสั่งศาลชั้นต้นให้รับฟ้องเพิกถอนควบรวม ทรู-ดีแทค

ศาลปกครองสูงสุด กลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น โดยให้รับคำฟ้องของผู้บริโภค 5 รายในคดีขอให้เพิกถอนมติคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) กรณีรับทราบ