'ประธานกป.อพช.'ร่อนจดหมายเปิดผนึกถึง'บิ๊กโจ๊ก' ก่อนนั่งหัวโต๊ะแก้ไขปัญหา'เกาะหลีเป๊ะ' ยันชาติพันธุ์ชาวเลอูลักลาโว้ยคือเจ้าถิ่นเจ้าดินแดนตัวจริง แต่'กำนัน'ท่านหนึ่งทำการแทนแทบทุกเรื่องรวมถึงกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่อยู่อาศัย เจ้าหน้าที่รัฐยุคปัจจุบันได้แต่อ้างกฏหมายละเลยประวัติศาสตร์
16 ธ.ค.2565 - นายสมบูรณ์ คำแหง ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) เขียนจดหมายเปิดผนึกถึง บิ๊กโจ๊ก - พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.กรณีปัญหาเกาะหลีเป๊ะ มีเนื้อหาดังนี้
เมื่อทราบข่าวว่ารัฐบาลจะแต่งตั้งท่านเป็นประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะ ผมในฐานะคนจังหวัดสตูลที่ติดตามเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง จึงขอสื่อสารถึงท่านผ่านช่องทางนี้ ทั้งที่ไม่มั่นใจว่าท่านและคณะจะสามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนบนเกาะแห่งนี้ได้จริงแค่ไหน ด้วยเพราะเป็นปัญหาที่ถูกสะสมมายาวนาน แต่อย่างไรก็ตามคงต้องให้โอกาสท่านได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ อาจจะด้วยเชิงชั้นการทำงานของท่านในยุคปัจจุบัน ที่มีความโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากฝ่ายการเมือง (รองนายกฯประวิตร) มอบหมายงานสำคัญให้ท่านตลอดเรื่อยมา
ผมจึงขอให้ภาพสถานการณ์และข้อเสนอเบื้องต้นต่อเรื่องราวในเกาะหลีเป๊ะให้ท่านทราบพอสังเขป..ดังนี้
จากการสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างไร้ทิศทางของจังหวัดสตูลในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยหวังให้เกิดประโยชน์ต่อ
เศรษฐกิจของประชาชนในพื้นที่และกับประเทศชาติโดยรวม และมุ่งเน้นการสร้างรายได้และผลกำไรเพียงด้านเดียวนั้น ได้กลายเป็นแรงส่งด้านมืดให้เกิดกลุ่มทุนสีเทาที่เห็นช่องทางผลประโยชน์จากการซื้อขายที่ดินที่เชื่อมโยงกับอิทธิพลทั้งภายนอกภายใน เข้าแย่งยึดที่ดินในเกาะแทบจะทุกหย่อมย่านจนไม่เหลือแม้กระทั่งที่อยู่ของกลุ่มชาติพันธุ์ดั้งเดิมที่อยู่กันมานานนับร้อยปี และนี่คือต้นเหตุของปัญหาต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน
เรื่องสำคัญที่ท่านต้องทราบและเข้าใจอีกเรื่องหนึ่งคือ กลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลอูลักลาโว้ย เขาคือเจ้าถิ่นเจ้าดินแดนตัวจริง เพราะพวกเขาคือผู้ที่ยืนยันว่าเกาะหลีเป๊ะเป็นของรัฐไทย โดยแสดงเจตจำนงที่จะอยู่กับรัฐสยาม ในสมัยที่มีการทำข้อตกลงแบ่งปันเขตแดนกับรัฐมาลายู หรือประเทศมาเลเซีย ที่อยู่ภายใต้การปกครองของประเทศอังกฤษในขณะนั้น (ซึ่งท่านสามารถค้นหาหลักฐานนี้ได้ไม่ยาก) และหลังจากนั้นได้มีการส่งฝ่ายปกครองเข้าไปดูแลรักษาเกาะกลีเป๊ะ ในฐานะส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรเรื่อยมา
จนมาถึงยุคที่กำนันท่านหนึ่ง ที่ถูกส่งตัวเข้าไปดูแลปกครองเกาะหลีเป๊ะ ได้เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเข้าไปจัดการเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินแทนแทนชาวบ้านในขณะนั้น ด้วยเพราะความไม่รู้ ไม่เข้าใจหนังสือและภาษาทางกฏหมายของรัฐไทย ประกอบกับความห่างไกลของพื้นที่ จึงไว้วางใจให้กำนันผู้นั้นทำการแทนพวกตนแทบทุกเรื่อง ซึ่งรวมถึงกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่อยู่อาศัยของชาวเลทุกคนด้วยความไม่รู้เท่าทัน และนี้คือปฐมฤกษ์ของปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ และถือเป็นจุดเริ่มต้นการเอารัดเอาเปรียบและการละเมิดสิทธิ์อย่างร้ายแรงในยุคนั้น
ประวัติศาสตร์ดังกล่าวนั้น ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ ทั้งที่คนดั้งเดิมมีการบอกเล่าเรื่องนี้ต่อกันเรื่อยมา และเป็นข้อมูลหนึ่งที่ลูกหลานชาวเลพยายามบอกเล่าให้หน่วยงานราชการได้รับทราบถึงข้อเท็จจริง แต่ก็ไร้ผล
เจ้าหน้าที่รัฐยุคปัจจุบัน ได้แต่อ้างความถูกต้องของกฏหมาย และสิทธิ์ของผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่เข้ามาครอบครองผืนดินแปลงแล้วแปลงเล่า ว่าเป็นสิทธิโดยชอบ แต่กลับละเลยไม่สนใจประวัติศาสตร์ความจริงของการถูกปล้นชิงผืนแผ่นดินของพี่น้องชาวเลเหล่านั้น
ผมจึงอยากจะบอกท่านว่า ปรากฏปิดทางเข้าโรงเรียนที่เป็นข่าวในเวลานี้นั้น เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของปัญหาที่ดำรงอยู่เท่านั้น
การอาศัยกระบวนการของกฎหมายที่กลุ่มทุนสามารถเข้าถึงได้มากว่า โดยความไม่เท่าทันของชาวบ้าน คือกลวิธีที่ทำกันอย่างเป็นขบวนการที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเป็นฟันเฟืองสำคัญอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ และขบวนการใช้กฏหมายในลักษณะดังกล่าวนี้ ได้กลายเป็นปัญหาเพิ่มมากขึ้นในจังหวัดสตูล ที่กำลังลามรุกขึ้นมาบนฝั่งแผ่นดินใหญ่ อย่างเช่นกรณีที่ดินริมหาดปากบารา ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย
หากไม่มีพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ด้วยการใช้อำนาจหน้าที่เอื้อและหาประโยชน์จากการกระทำดังกล่าว
เหตุการณ์ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ท่านจะได้แสดงฝีมือในการนำความจริงที่ถูกเบียดบังมานานนับหลายสิบปีให้เป็นที่ปรากฏต่อสังคมโดยรวม และถือเป็นการทวงคืนสิทธิ์ให้กับพี่น้องชาวเลที่ถูกปล้นชิงไป อย่างยาวนานให้กลับคืนมา เพื่อให้เขาได้เป็นเจ้าถิ่นเจ้าดินแดนอย่างมีศักดิ์ศรีเสียที หาใช่เป็นแค่ส่วนเกินของความเจริญในความหมายแห่งยุคสมัยที่กำลังบิดเบี้ยวเช่นนี้
ผมเชื่อว่าท่านคงจะอ่านสถานการณ์ที่ผมได้บอกเล่าไปเบื้องต้นนี้ได้ไม่ยากนัก และพอที่จะสืบค้นข้อเท็จจริงที่มีอยู่ได้โดยง่าย จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า หากท่านได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลให้มาแก้ไขปัญหาเรื่องนี้จริง ท่านก็จะถูกจับตาและถูกคาดหวังจากพวกเราขาวสตูลและคนไทยทั้งประเทศที่เฝ้าติดตามเรื่องนี้อยู่โดยปริยาย ซึ่งคงต้องให้กำลังใจท่านและคณะเป็นการเบื้องต้น ให้สามารถใช้อำนาจหน้าที่ของท่านดำเนินการเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา และต้องไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมใดทั้งสิ้น มิเช่นนั้นแล้วคงจะยากที่จะแก้ปัญหาได้จริง ขณะเดียวกันก็จะมีคนคอยถมทับท่านเช่นเดียวกัน หากไม่สามารถทำอะไรให้ดีขึ้นได้จริง
ด้วยความห่วงใย..ครับ
(นายสมบูรณ์ คำแหง)
ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.)
16 ธ.ค. 2565
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คณะสอบวินัย"บิ๊กโจ๊ก"ส่อเค้าวุ่นไม่จบ “สราวุฒิ”จ่อเกษียณโยนเผือกร้อนสีกากี
สู้กันทุกกระบวนท่าเต็มสรรพกำลังอภิมหาศึก “สีกากี” สำนักงานตำรวจแห่งชาติ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ที่ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนพัวพันคดีเว็บพนันออนไลน์ ระบุว่า “การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
‘บิ๊กโจ๊ก’ เล็งลงสมัคร สว. เสียงแข็งไม่ได้สั่งปลดป้ายชื่อหน้าห้องทำงาน
มีประชาชนหลายคนอยากให้ตัวเองลงสมัครเป็นผู้แทนประชาชน ซึ่งตนขอดูรายละเอียดก่อนเพราะช่วงนี้ก็ว่าง
โจ๊กแฉ4ต.สกัดขู่ฟ้องแหลก สมชัยชี้ช่องเชือดกก.ปปช.
"โจ๊ก" บุกยื่นหนังสือ "ก.พ.ค.ตร." อุธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
โจ๊กพล่านร้องปปช.-ปปง. อึ้งหลอกนายกฯเซ็นคำสั่ง
"โจ๊ก" ดิ้นสุดตัว! เดินสาย "ป.ป.ช.-ปปง." โชว์ความบริสุทธิ์ ยื่นฟันอาญา "พล.ต.อ.ธนา" พร้อม พงส. 200 นาย
'รองธนา' ไม่กังวลปม'โจ๊ก'ร้อง ป.ป.ช.กลั่นแกล้ง!
'รองธนา' หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดี 'บิ๊กโจ๊ก' ยันทำตามหน้าที่ไม่มีเจตนากลั่นแกล้ง โดยมีอัยการ-ปปง.ร่วมสอบ
'โจ๊ก' ชงดาบสองร้อง ป.ป.ช.เทกระจาดสอบตำรวจกว่า 200 นาย
'บิ๊กโจ๊ก' ยื่น ป.ป.ช.เอาผิด 'รองธนา' หัวหน้าพนักงานสอบสวนพร้อมคณะสอบสวนโดยมิชอบ ยันการสอบสวนเป็นโมฆะ แนะทางรอดให้การใครสั่ง เผยนายกฯ ถูกหลอกเซ็นให้กลับ ตร.เข้าใจเป็นการส่งกลับไปทำงาน