ชำแหละ! นโยบายประชานิยม แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่น คนใช้แล้วหมดไป ไม่ได้ VAT ตามคาด หวั่นซ้ำรอย อาร์เจนติน่า

ชำแหละ!นโยบายประชานิยมอาจสูญเปล่าแถมอาจเป็นหนี้เพิ่ม เหตุ คนใช้แล้วหมดไป รัฐไม่ได้ VAT. ตามคาด ‘ ปรีดา' หวั่นการแจกเงิน 1หมื่นบาท ทำให้ใช้สุรุ่ยสุร่าย ซ้ำรอยศรีลังกา-อาร์เจนติน่า แต่เชียร์เพิ่มเงินเบี้ยผู้สูงอายุ 'บรรยง ' ไม่เชื่อการบริโภคจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง

เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 เวลา 11.30 -12.30 น. สภาที่ 3 ร่วมกับ คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา'35 จัดเวทีสภาที่ 3 Speak วาระประเทศไทย เรื่อง "นโยบายพรรคการเมือง ทีมเศรษฐกิจไม่มีข้อเสนอรูปธรรม" ถ่ายทอดสดทาง Facebook Live "สภาที่สาม - The Third Council Speaks" ผู้ร่วมอภิปรายประกอบด้วย นายปรีดา เตียสุวรรณ์ ประธานเครือข่ายธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (SVN) , นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร โดย นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา '35 กล่าวเปิดประเด็น

นายอดุลย์ กล่าวว่า ประชานิยมที่ดีที่เหมาะสมคือ ดำเนินการแล้วเกิดผลยั่งยืนต่อไปสู่อนาคต ผลประโยชน์จะต้องสร้างกิจกรรมที่ต่อเนื่องได้ ไม่ใช่ประชานิยมที่แจกหรือให้เงินไปแล้ว ประชาชนเอาไปกินเอาไปใช้แล้วหมดไป ซึ่งจากการพิจารณานโยบายประชานิยมที่เสนอในการหาเสียงเลือกตั้งของหลายพรรคยังทำแบบสั้นๆ คือ ให้เห็นเพียงว่าชาวบ้านได้รับเงิน แต่ไม่ชัดเจนว่าเงินนั้นจะนำไปทำประโยชน์และสร้างประโยชน์ต่อเนื่องให้เกิดขึ้นได้อย่างไร จึงเห็นว่านโยบายประชานิยมที่แต่ละพรรคการเมืองเสนอนั้น ไม่เกิดสร้างประโยชน์ต่อเนื่องที่จะนำไปสู่การพัฒนาประเทศได้เท่าที่ควร อย่างไรก็ตามฝากถึงประชาชนผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งว่าควรพิจารณาให้ดีและขอให้การเลือกตั้งครั้งนี้ทำให้ประชาชนเข้มแข็งขึ้นทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง

นายปรีดา กล่าวว่า การดำเนินนโยบายประชานิยมย่อมต้องใช้งบประมาณแผ่นดิน รวมถึงนโยบายบางพรรคการเมืองที่จะแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาทให้ผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไปนั้น อาจเป็นการใช้เงินในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ทำให้ใช้สุรุ่ยสุร่าย และไม่สามารถนำเงินคืนกลับมาได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบภาษี VAT. หรืออื่นๆ ขนาดที่ประเทศมหาอำนาจในโลกกำลังมองการใช้งบประมาณภาครัฐของประเทศไทยและในหลายประเทศอยู่ว่าสถานะการใช้งบประมาณเป็นอย่างไร หากพบว่าขาดวินัยการเงินการคลังก็เตรียมที่จะปล่อยกู้ ซึ่งจะทำให้ประเทศเป็นหนี้อาจล้มเหลวอย่างประเทศศรีลังกาหรืออาร์เจนตินา ดังนั้นการใช้เงินแผ่นดินต้องระวังเพื่อที่จะไม่ต้องพึ่งลมหายใจของผู้อื่น เพราะจะตกเป็นเบี้ยล่างกลายเป็นเมืองขึ้นด้านวัฒนธรรมและทางเศรษฐกิจได้

นายปรีดา กล่าวต่อว่า การนำเงินมาดำเนินนโยบายประชานิยมจะต้องให้เกิด productivity - ผลิตภาพ หรือ "ผลผลิตที่มีค่าต่อสังคม " ซึ่งนโยบายประชานิยมที่ดีคือ เบี้ยผู้สูงอายุ หรือเงินคนแก่ ที่แม้มีคนเข้าใจหรือมองว่าไม่มีประโยชน์ เพราะไม่ได้สร้างผลผลิตอะไร แต่ในแง่สังคมนั้นถือเป็นการสนองคุณผู้สูงอายุที่ได้อุทิศช่วยเหลือสังคมจนเกษียณ เมื่อเรี่ยวแรงมีน้อยไม่สามารถสร้างผลผลิตอะไรได้แล้ว สังคมจึงต้องชดเชยให้ เป็นการสร้างความขวัญกำลังใจว่า ประเทศไทยไม่ว่าจะดีเลวอย่างไรก็ตามจะไม่ให้ผู้สูงอายุในประเทศอดอยากหรืออดตาย ดังนั้น การให้เงินผู้สูงอายุแล้วไม่ได้สร้างผลผลิตเป็นรูปเป็นร่างอะไรแต่มีคุณค่าทางสังคมที่ไม่ได้ทิ้งใครไว้ข้างหลังอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นจึงสนับสนุนนโยบายการเพิ่มเงิน "เบี้ยผู้สูงอายุ" ที่หลายๆพรรคนำเสนอ ปัจจุบันการใช้โซเชียลมีเดียที่บันทึกการหาเสียงไว้ซึ่งจะเป็นหลักฐานให้ประชาชนใช้ตรวจสอบได้ในอนาคตและยังทำให้นักการเมืองไม่กล้าใช้นโยบายเพ้อฝันในการหาเสียงด้วย

นายปรีดา ยังกล่าวถึงการบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจและการแปรรูปรัฐวิสาหกิจว่า สิ่งสำคัญคือ ภารรัฐต้องตัดสินใจว่าจะเก็บรัฐวิสาหกิจใดไว้และรัฐวิสาหกิจใดที่จะไม่เก็บไว้ ก็ต้องขายหุ้นทั้งหมดให้กลายเป็นบริษัทเอกชนโดยทั่วไป แล้วสิทธิพิเศษในฐานะรัฐวิสาหกิจก็จะไม่ได้รับจากรัฐอีกต่อไป แต่จะถูกตลาดตรวจสอบและความโปร่งใสจะเกิดขึ้น

ด้านนายบรรยง กล่าวว่า นโยบายประชานิยมต้องตอบโจทย์ 3 อย่างคือ " ประสิทธิภาพ - ความยั่งยืน - การกระจายรายได้" และต้องพิจารณาทั้งความคุ้มค่าและที่มาของเงินงบประมาณ โดยต้องนำเงินหรือทรัพยากรจากจุดที่ไม่ได้ใช้งาน ที่ใช้งานได้ไม่คุ้มค่าหรือจากจุดที่มีทรัพยากรเหลือเฟือไปให้จุดที่ต้องการคือ "เก็บเงินคนรวยไปให้ผู้ที่ขัดสน" และต้องมีทั้งแรงจูงใจและแรงกดดัน จะใช้แรงจูงใจหรือการกดดันอย่างเดียวไม่ได้ โดยเห็นว่า ประเทศไทยควรลดขนาดรวมถึงบทบาทและอำนาจของภาครัฐ ที่มีข้าราชการและใช้งบประมาณบริหารจัดการมากเกินไป ที่สำคัญคือไม่มีแรงจูงใจและไม่มีแรงกดดันจึงไม่มีประสิทธิภาพหรือประสิทธิผลในเชิงเศรษฐศาสตร์ ซึ่งถือเป็นความฝันที่ตัวเองคาดหวังและยังไม่เห็นพรรคการเมืองใดเสนอนโยบายนี้อย่างเป็นรูปประธรรม

"ประเทศยุโรปเหนือที่เป็นแม่แบบรัฐทุนนิยม จัดเก็บภาษีประมาณ 50% ของ GDP. ในประเทศสวีเดน งบประมาณ 85% ใช้เป็นรัฐสวัสดิการ อีก 10% เป็นงบฯลงทุน ในส่วนที่ตลาดไม่ลงทุนอย่างสาธารณูปโภคหรือถนนหนทาง มีเพียง 5% ของ GDP. เท่านั้นที่เป็นงบบริหารจัดการรัฐบาล แต่ไทยกลับกันคือ 80% เป็นงบบริหารจัดการรัฐบาลทั้งเงินเดือนและสวัสดิการข้าราชการเหลือแค่ 15% ที่เอามาแบ่งกันระหว่างงบลงทุนกับงบจัดสวัสดิการของรัฐ อีกทั้งนโยบายประชานิยมหลายเรื่องภาครัฐเข้าไปแย่งเอกชนดำเนินการซึ่งเป็นการทำลายกลไกตลาดอีกด้วย"

นายบรรยง กล่าวถึงนโยบายดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาทที่จะใช้งบประมาณ " 5 แสน 6 หมื่นล้านบาท" ว่า มาจากฐานคิดที่ว่าไทยมีดุลยภาพต่ำ ภาครัฐจึงต้องกระชากเศรษฐกิจขึ้น โดยหวังการบริโภคจะกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น หรือ 'จั้มสตาร์ท' วงจรเศรษฐกิจจะหมุน 6 รอบหรือได้เงินคืนมา "3 แสนล้านบาท" ตามที่มีการหาเสียงนั้น แต่ไม่เชื่อว่าการบริโภคจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง และเห็นว่า การหมุนของเศรษฐกิจจากการทุ่มเงินดำเนินนโยบายประชานิยมดังกล่าว จะหมุนวงจรได้ไม่เกิน 3 รอบ ตามที่ธนาคารโลกหรือ world bank ดังนั้น เงินจากภาษี vax จะน้อยมากเพียงไม่กี่หมื่นล้านบาท ส่วน "แสน 4 หมื่นล้านบาท" ที่นำมาดำเนินนโยบายสุดท้ายก็จะกลายเป็นหนี้สาธารณะและแม้ว่าจะพยายามซุกซ่อนอย่างไรก็ซ่อนไม่ได้

“นโยบายประชานิยมที่ดีที่สุดคือ ประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งทำให้ผู้คนสุขภาพดีรวมถึงนโยบายด้านการศึกษา 1 ตำบล 1 ทุนเรียนต่อต่างประเทศ ซึ่งสอดรับกับนโยบายหวยบนดินและนำเงินจากหวยบนดินมาใช้เป็นทุนการศึกษา ให้คนจนได้ไปเรียนเมืองนอก แต่น่าเสียดายที่นักกฎหมายสมัยนั้นขัดขวางทำให้โครงการหวยบนดินต้องยกเลิกไป"

นายบรรยง เสนอแหล่งที่มางบประมาณที่ฝ่ายการเมืองสามารถนำมาใช้ดำเนินการนโยบายประชานิยมได้ ในวงเงิน "5 แสนล้านบาท" คือ การขายหุ้น บริษัท ปตท.จำกัดมหาชนทั้งหมดออกไปซึ่งจะมีผลดีคือ ปตท.จะอยู่ในกลไกตลาด และ ปตท.จะถูกตลาดควบคุมและกดดัน ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและนำมาใช้ดำเนินนโยบายประชานิยมที่เป็นประโยชน์จริงๆ ถือว่าเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฮาเวียร์ มิเล & โดนัลด์ ทรัมป์ – คู่เหมือนในโลกการเมือง

หลังจาก ฮาเวียร์ มิเล นักการเมืองประชานิยมกลายเป็นประมุขคนใหม่ของอาร์เจนตินา หลายคนเปรียบเทียบเขาว่ามีส่วนคล้ายกับโดนัล

'ฟีฟ่า' เร่งสอบแฟนบอล 'แซมบ้า-ฟ้าขาว' วิวาท โทษหนักสุดถึงขั้นโดนตัดแต้ม

สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า เตรียมทำการสอบสวนเหตุทะเลาะวิวาทในสนามมาราคาน่า เกมฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ ระหว่างเจ้าบ้าน "แซมบ้า" บราซิล พบคู่รักคู่แค้น "ฟ้าขาว" อาร์เจนติน่า

'จุรินทร์' ชี้ปัญหาแจกเงินดิจิทัลเหมือนลิงแก้แห เกิดจากหาเสียงแบบไปตายเอาดาบหน้า

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)ให้ความเห็นกรณี 3 ทางเลือกของกระทรวงการคลัง กรณี ดิจิทัลวอลเล็ต ว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังยืนยันว่าเป็นสิทธิ์ของรัฐบาลในการกำหนดนโยบาย แต่ปัญหาทั้งหมดตนเห็นว่าเกิดจากการหาเสียงแบบประชานิยม

'อองรี' ออกโรงสนับสนุน 'เมสซี' เหมาะสมคว้ารางวัลบัลลงดอร์ 2023

เธียร์รี อองรี อดีตศูนย์หน้าระดับตำนานของทีมอาร์เซน่อล และทีมชาติฝรั่งเศส ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า ลิโอเนล เมสซี เหมาะสมที่จะได้รางวัลบัลลงดอร์ ประจำปี 2023 ไปครอบครอง

นักธุรกิจชี้ดิจิทัลวอลเล็ต เป็นแค่ประชานิยม ไม่สร้างความยั่งยืนทางศก.

นายปรีดา เตียสุวรรณ์ นักธุรกิจผลิตและส่งออก ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ จากบริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัดฯ ที่หลายคนรู้จักกันดีในฐานะนักธุรกิจภาคประชาสังคมชื่อดังกล่าวถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของพรรคเพื่อไทยว่า การที่รัฐบาลยืนยันจะเดินหน้าทำนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ทำให้นักลงทุนต่างประเทศ

'พิภพ' วิเคราะห์ ศึกชิงเมือง เค้าลางหายนะโดยประชานิยมเหมือนสมัย 'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์'

'พิภพ' วิเคราะห์ ศึกชิงเมืองระหว่าง ฝ่ายประชาธิปไตยเก่า กับฝ่ายประชาธิปไตยใหม่ มีการปฎิรูปประเทศเป็นเดิมพัน ชี้เค้าลางหายนะโดยนโยบายแบบประชานิยมเหมือนสมัย'ทักษิณ'และ'ยิ่งลักษณ์'