25 พ.ย.2566 - นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส. นครศรีธรรมราชได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่าเสี่ยแป้งตัวจริง หรือตัวปลอม ???
ทันทีที่ผมได้เห็นคลิปของ “เสี่ยแป้ง” นายเชาวลิต ทองด้วง ทางสื่อโซเชียลหลายสำนัก รู้สึกแปลกใจและมึนงงกับภาพที่ปรากฏออกมา ได้ตั้งคำถามในใจว่า เป็นเสี่ยแป้งตัวจริง หรือแป้งตัวปลอมกันแน่
จึงได้ตรวจสอบโดยใช้ วิธีการโทรศัพท์ไปพูดคุย และคุยทางแอพพลิเคชั่นไลน์ กับเพื่อนๆที่เคยรู้จัก และใกล้ชิดกับเสี่ยแป้ง ในจังหวัดพัทลุงหลายคน มีบางคนก็ยืนยันว่าไม่ใช่แป้งตัวจริง บางคนก็บอกว่าเปรียบเทียบกับภาพของเสี่ยแป้งแล้ว มีความเหมือนกับเสี่ยแป้ง 70% บางคนตั้งข้อสังเกตุว่า ภาพในคลิปดูหนุ่ม และอ้วนกว่าเสี่ยแป้งตัวจริง ส่วนเนื้อหาที่พูดในคลิป เป็นความจริงเกือบทั้งหมด แต่ในขณะเดียวกันกลับมีหลายคนยืนยันว่า เป็นเสี่ยแป้งตัวจริง 100%
ทำให้ผมสับสนและฉุกคิดว่า คลิปนี้ออกมาได้อย่างไร ถ้าเป็นเรื่องจริง ย่อมสร้างความเสียหาย และผลสะเทือนให้กับบุคคล ที่เกี่ยวข้องหลายคนหลายองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการยุติธรรมไทย และจนถึงบัดนี้ยังไม่มี ใคร หรือหน่วยงานใด ออกมายืนยันว่า คลิปดังกล่าว เป็นของเสี่ยแป้งตัวจริงหรือไม่
อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมายืนยันถึงคลิปดังกล่าวว่า เป็นเสี่ยแป้งตัวจริงหรือตัวปลอม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกรมราชทัณฑ์ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการควบคุม และติดตามตัวนายเชาวลิต ทองด้วง หรือเสี่ยแป้งโดยตรง เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัด ไม่เป็นที่คาใจ หรือสร้างความสับสนให้กับสังคมต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชำแหละ! ตัดไฟเมียนมา ได้ไม่คุ้มเสีย
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตัดไฟพม่า:ได้-คุ้มเสียหรือไม่?
เทพไท ฟันธง เลือกตั้งปี 70 ซื้อเสียงกันหนัก
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” ระบุว่า ฟังธง เลือกตั้งปี70 ซื้อเสียงกันหนัก
หมดยุคทักษิณแล้ว! เทพไท สะกิดจับตา จะดิ้นพลิกเกมต่อใบอนุญาต เข้าสู่อำนาจการเมืองอย่างไร
ตอนปราศรัยหาเสียง นายทักษิณได้คุยโม้โอ้อวด เยาะเย้ยคู่แข่งด้วยวาทะกรรมไล่หนูตีงูเง่าภาค2 และหวังจะยึดที่นั่งส.ส.ศรีสะเกษทั้งจังหวัด แต่ในที่สุดก็พ่ายแพ้ไปอย่างหมดรูป
เคลียร์ชัด! ทำไม 'อภิสิทธิ์' ยอมเปลืองตัว ช่วยหาเสียงพัทลุง
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ทำไม “อภิสิทธิ์” ไปพัทลุง" โดยระบุว่า
‘เทพไท’ ยินดีบ้านใหม่พท. ย้อนอดีตตึกเก่าวอยซ์ปิดกิจการ บอกสายมูอาจคิดมีอาถรรพ์อะไรหรือไม่
พรรคเพื่อไทยย้ายมาอยู่ที่ตึกนี้ ถ้าใครที่เป็นคนสายมู ก็อาจจะคิดไปต่างๆนานา ว่าตึกนี้จะมีอาถรรพ์อะไรหรือไม่ เพราะเปิดกิจการอะไร ก็ต้องปิดกิจการหรือเจ๊งทั้งนั้น
บี้ 'อิ๊งค์' ปกป้อง 'เอกนัฏ' ล่าไอ้โม่งลงขันเปลี่ยนตัว รมว.อุตสาหกรรม
24 ม.ค. 2568 - นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ปกป้อง เอกนัฏ" โดยระบุว่า ติดตามข่าวการตอบกระทู้ถามสด ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องการปิดโรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี จ.อุดรธานี ถึงการเลือกปฏิบัติในการรับซื้ออ้อยเผาของ นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย รู้สึกตกใจกับคำตอบของนายเอกนัฏ ตอนหนึ่งในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่ามีการลงขันจำนวนเงิน 200- 300 ล้านบาท เพื่อย้ายนายเอกนัฎ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่สำหรับการเมืองไทย ที่มีกลุ่มทุนอิทธิพลเหนือการเมือง ใช้เงินลงขันด้วยเงินหลักร้อยล้านบาท เพื่อเปลี่ยนตัวผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ถ้าหากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ขอให้กำลังใจนายเอกนัฎ ในการต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง และควรจะเปิดเผยชื่อตัวการลงทุนย้ายนายเอกนัฎออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี หากไม่สามารถเปิดเผยชื่อต่อสังคมได้ ก็ควรนำเรื่องนี้ไปเรียนให้กับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้มีอำนาจในการปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ทราบว่ามีกลุ่มบุคคลหนึ่ง ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือการเมือง สามารถใช้เงินทุนโยกย้ายเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้ หากนางสาวแพทองธาร ยังเอาไม่อยู่ เพราะไม่มีอำนาจที่แท้จริง ก็ต้องนำเรื่องนี้ให้ถึงมือของนายทักษิณ ชินวัตร ผู้มีอำนาจทางการเมืองสูงสุด เป็นเจ้าของรัฐบาลตัวจริง และสามารถสั่งการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีได้แต่เพียงผู้เดียว ถ้าหากเรื่องนี้เป็นความจริง นางสาวแพทองธาร จะต้องปกป้องนายเอกนัฎ เพราะการดำเนินนโยบายห้ามไม่ให้โรงงานน้ำตาลรับซื้ออ้อยเผา เป็นมาตรการป้องกันมลพิษ PM 2.5 ตามนโยบายของนางสาวแพทองธาร แต่ถ้าเมื่อนายเอกนัฎได้ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายของนางสาวแพทองธารแล้ว แต่ไปสะดุดต่อ นางสาวแพทองธารในฐานะหัวหน้ารัฐบาล จะต้องรับผิดชอบ และสืบหาตัวไอ้โม่งผู้อยู่เบื้องหลังการลงขัน เพื่อเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีอุตสาหกรรมให้ได้ ขอให้สังคมเรียกร้อง กดดันให้รัฐบาล เปิดโปงขบวนการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีออกมาให้สังคมรับรู้ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้อิทธิพลกลุ่มทุนใดๆ ทั้งสิ้น.