นักวิชาการฟันธง! สุดท้ายปัญหาทับลานจบด้วยการเบียดเบียนธรรมชาติตามฟอร์ม

11 ก.ค.2567 - นายเดวิด บุญทวี นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ผมไม่เคยไปเที่ยวป่าทับลานแบบจริงๆ จังๆ นะครับ เคยแค่เฉี่ยวๆ ไปแถวผาเก็บตะวัน หรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาแผงม้า ซึ่งเชื่อมต่อกับป่าเขาใหญ่เป็นป่าใหญ่ผืนเดียวกัน โดยมีถนนสาย 304 ตัดผ่าแบ่งป่าเป็นสองซีก (ซึ่งกระทบกับเส้นทางเดินตามธรรมชาติของสัตว์ป่าจำนวนมาก)

จากที่เห็นด้วยตา สภาพป่าไม้และสัตว์ป่ายังอุดมสมบูรณ์อยู่มาก พื้นที่ป่าผืนใหญ่แถบนี้ เป็นที่หมายปองจับจ้องตาเป็นมันจากผู้ทรงอิทธิพลทั้งหลาย และมีการรุกล้ำมาอย่างต่อเนื่อง

ลองไปส่องดูเถอะครับว่าที่รุกป่าทับลานนั้นเป็นชาวบ้านที่อยู่มานานก่อนประกาศเป็นอุทยานฯ (ตามที่อ้าง) หรือเป็นธุรกิจของนายทุนที่เข้าไปหลังจากนั้น

สมัยเรียนปี 2 ที่ธรรมศาสตร์ ผมเป็นประธานชุมนุมอนุรักษ์ธรรมชาติและสภาพแวดล้อมของมหาวิทยาลัย
นอกเหนือจากกิจกรรมการเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องทรัพยากรที่เหลือน้อยนิดของประเทศชาติอย่างแข็งขันแล้ว พวกเรานักกิจกรรมก็ยังต้องเรียนรู้ฝึกฝนทางด้านความรู้และความคิด เพื่อเสริมสร้างมิติมุมมองที่ลุ่มลึกมากกว่าแค่การเคลื่อนไหวทางสังคมภายนอก

ผมเคยถามรุ่นพี่ที่เก่งๆ บางคนว่าทำไมภาครัฐถึงชอบแก้ปัญหาของสังคมอย่างความยากจน ที่ดินทำกิน หรือแม้แต่ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการเบียดเบียนทรัพยากรธรรมชาติ อยากได้ไฟฟ้าก็สร้างเขื่อน อยากกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นก็ยกสัมปทานให้นายทุน อยากได้เงินจากนักท่องเที่ยวก็สร้างกระเช้า ชาวบ้านไม่มีที่ทำกินก็ยกป่าให้ และอีกหลายร้อยกรณี

ยังไม่ต้องพูดว่าสุดท้ายปลายทางของการแก้ปัญหาเหล่านี้ คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดก็คือข้าราชการ นักการเมือง นายทุน หรือแม้แต่ผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น ขณะที่ชาวบ้านตัวจริง กลับกลายเป็นแค่เบี้ยต่ำต้อยที่ใช้เป็นข้ออ้าง โดยได้รับเพียงแค่เศษซากจากการขากถุยของคนกลุ่มแรก

และทุกครั้งที่เกิดเรื่องเช่นนี้ ป่าเขาลำเนาไพรหรือท้องทะเลอันอุดมสมบูรณ์ ก็ต้องพังพินาศย่อยยับป่นปี้
ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือที่จะแก้ปัญหาทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ โดยไม่ต้องเบียดเบียนธรรมชาติ

ในทางตรงกันข้าม การแก้ปัญหาด้วยวิธีการเช่นนี้ ที่จริงก็เป็นเพียงการแก้ที่ปลายเหตุ กระทั่งยังสร้างปัญหาใหม่ที่หนักหนาสาหัสกว่าเดิมทุกครั้ง

รุ่นพี่ตอบว่า มันคือการแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุด (ถ้าจะเรียกมันว่าการแก้ปัญหา) โดยใช้เวลาน้อยที่สุด และได้ผลในแง่การหาเสียงฉาบฉวยมากที่สุด และคนที่ต้องการให้แก้แบบนี้ (ข้าราชการ นักการเมือง นายทุน หรือผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น) ล้วนแล้วแต่ได้ประโยชน์เข้าตัวเองมากที่สุด ที่สำคัญกว่านั้น มันใช้หลอกคนชั้นกลางในเมืองจำนวนมากให้เชื่อว่านี่คือการแก้ปัญหาแล้วหันมาสนับสนุน แค่อ้างตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ลวงตาหรือเอาชาวบ้านมาบังหน้า แค่นี้ก็จบ

ครับ กรณีทับลานก็คงไม่ต่างกัน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง