'พริษฐ์-ไอติม'ชู 4ท ข้อเสนอปฏิรูปกองทัพ ในวันกองทัพไทย ประชาชนเท่าทันกองทัพ กองทัพเท่าทันโลก ทหารเท่ากับคน ทหารทุกคนเท่ากัน ยันไม่ได้มองกองทัพเป็นศัตรู แต่มองเห็นประโยชน์ที่ประชาชนและประเทศจะได้รับ
19 ม.ค.2565 -นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ "ไอติม" ผู้ก่อตั้งกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก มีเนื้อหาดังนี้
[ #4ท ข้อเสนอปฏิรูปกองทัพ ในวันกองทัพไทย: ให้ ท.ทหาร เท่าทัน และ เท่าเทียม ]
.
การกำหนดให้วันที่ 18 มกราคมของทุกปี เป็นวันกองทัพไทย อาจเป็นด้วยเหตุผลของการ “รำลึกอดีต” เมื่อกว่า 400 ปีก่อน ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถี (การต่อสู้บนหลังช้าง) กับพระมหาอุปราชาแห่งหงสาวดี แต่ผมคิดว่าอีกวาระหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญในวันกองทัพไทย คือการ “คิดไปถึงอนาคต” เกี่ยวกับการ #ปฏิรูปกองทัพ ซึ่งยังมีอีกหลายประเด็นที่ต้องผลักดัน
.
ข้อเสนอปฏิรูปกองทัพ เป็นมากกว่าประเด็นด้านโครงสร้างทางการเมือง แต่ยังเกี่ยวข้องกับประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สิทธิมนุษยชน และธรรมาภิบาลของหน่วยงานรัฐ ในมุมมองของผม เป้าหมายในการปฏิรูปกองทัพ ควรเป็นการทำให้ “ท.ทหาร เท่าทัน และ เท่าเทียม” โดยแบ่งเป็น 4 ด้านหลัก หรือ #4ท
.
1. #ประชาชนเท่าทันกองทัพ
.
หลักการ “รัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือกองทัพ” เป็นสิ่งจำเป็นในระบอบประชาธิปไตย เพื่อให้กองทัพถูกขับเคลื่อนในทิศทางที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อความปลอดภัยของประชาชน มิใช่อยู่ในร่มเงาอิทธิพลของกลุ่มทุนหรือกลุ่มทางการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
.
1.1 ทำให้กองทัพเป็นองค์กรที่ตรวจสอบได้ - เช่น การมีผู้ตรวจการกองทัพ (Military Ombudsman) หรือตัวแทนพลเรือนที่เป็นอิสระจากกองทัพและทำหน้าที่ตรวจสอบกองทัพแทนรัฐสภาหรือประชาชน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการดำเนินงานของกองทัพจะเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล โดยอาจครอบคลุมไปถึง (1) การตรวจสอบการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม หรือการกระทำที่ขัดหลักกองทัพอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน (2) การตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของกองทัพ รายได้ของกองทัพ และโครงการจัดซื้อจัดจ้าง (3) การพิจารณาและสืบสวนข้อร้องเรียนเกี่ยวกับกรณีที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนของทหาร
.
1.2 ทำให้ทหารแยกออกจากการเมือง - เช่น เพิ่มตัวแทนพลเรือนเข้าไปในสภากลาโหม (ปัจจุบันทหารครองเก้าอี้ทั้งหมด ยกเว้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม) หรือ การกำหนดระยะเวลาให้นายทหารที่เพิ่งปลดประจำการ ไม่สามารถเข้าทำงานการเมืองได้ทันที (เช่น ที่สหรัฐฯ ต้องปลดมาแล้วไม่น้อยกว่า 7 ปี จึงจะเป็นรัฐมนตรีได้) รวมถึงวางมาตรการป้องกันรัฐประหาร ซึ่งผมเห็นว่าจำเป็นต้องทำคู่ขนานทั้งทางกฎหมาย (เช่น เปิดให้มีการดำเนินคดีกับผู้กระทำรัฐประหาร) และ ทางวัฒนธรรมความคิด (เช่น สร้างค่านิยมต่อต้านรัฐประหาร) เพราะการเข้ามาแทรกแซงการเมืองนี่เอง เป็นสาเหตุหลักทำให้กองทัพและทหารอาชีพเสื่อมเสียชื่อเสียง
.
2. #กองทัพเท่าทันโลก
.
การเสริมให้กองทัพตามทันโลก อาจต้องอาศัยกองทัพที่มีลักษณะ “แคบ” แต่ “ลึก”
.
2.1 “แคบ” เพราะรูปแบบ “ความมั่นคง” ในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก และขยายบริเวณออกไปนอกเหนือสนามรบ ที่หน่วยงานอื่นที่มีความเชี่ยวชาญกว่าควรเป็นผู้รับผิดชอบหลัก (เช่น สงครามการค้า อาชญากรรมไซเบอร์ ภัยพิบัติ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่โรคระบาด) กองทัพจึงไม่ควรผูกขาดภารกิจด้าน “ความมั่นคง” และควรปรับขนาดกำลังพลให้มีความเหมาะสมกับภารกิจที่อาจแคบลงกว่าเดิม
.
2.2 “ลึก” คือการทำให้กองทัพปฏิบัติภารกิจที่แคบลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความเชี่ยวชาญและทักษะที่จำเป็นมากขึ้น (เช่น ความเข้าใจทางเทคโนโลยีด้านการทหาร ทักษะการเจรจากับกองทัพ) การปฏิรูปการศึกษาของทหารหรือหลักสูตรโรงเรียนนายร้อยให้ทันสมัย (เช่น เพิ่มตัวเลือกให้หลากหลาย เพิ่มเวลาศึกษาในมหาวิทยาลัยพลเรือน) หรือ จัดสรรงบประมาณสำหรับพัฒนาการวิจัย ส่วนเรื่องยุทโธปกรณ์ หากจะมีการซื้อ จะต้อง (1) ซื้อเท่าที่จำเป็น ซื้อในจังหวะที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับความจำเป็นด้านอื่น ซื้อผ่านกระบวนการที่โปร่งใส (2) ต้องชี้แจงกับประชาชนผู้เสียภาษีได้ว่ามีความจำเป็นด้านความมั่นคงอย่างไร และ (3) ต้องนำมาสู่ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมและด้วยเป้าหมายที่ถูกตั้งไว้อย่างชัดเจน (เช่น การผลิตในประเทศเพื่อสร้างอุตสาหกรรมใหม่ หรือหากซื้อจากต่างประเทศ ควรต้องดำเนินนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างแบบชดเชย หรือ Offset Policy อาทิ วางเงื่อนไขให้ซื้อชิ้นส่วนจากผู้ผลิตในประเทศไทย เพื่อให้เกิดการจ้างงานในอัตราที่ตั้งเป้า)
.
3. #ทหารเท่ากับคน
.
ทหาร ไม่ควรถืออภิสิทธิ์เหนือประชาชน แต่ก็ต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนเหมือนประชาชนเช่นกัน
.
3.1 อาชีพทหาร = อาชีพอื่นๆ – การยกเลิกการเกณฑ์ทหารเพื่อปรับเป็นระบบสมัครใจทั้งหมด (ในยามที่ไม่มีสงคราม) เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติกับทุกอาชีพอย่างเท่าเทียมกัน การที่ทหารเกณฑ์หลายคนถูกนำไปใช้ในงานที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความมั่นคง (เช่น ยอดผี ทหารรับใช้) สะท้อนให้เห็นว่าตัวเลข 100,000 คน/ปี ที่กองทัพใช้เป็นเหตุผลในการบังคับคนมาเป็นทหารเพิ่มเติมจากยอดคนที่สมัครใจเข้ามา สูงเกินความจำเป็นในการรักษาความมั่นคงของประเทศ ยิ่งไปกว่านั้น การที่กองทัพไม่ได้รับอภิสิทธิ์ในการบังคับคนมาเป็นทหาร จะเป็นแรงจูงใจที่สำคัญให้กองทัพต้องปรับตัว (เช่น ปรับค่าตอบแทน เอาจริงเอาจังกับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดในค่ายทหาร) เพื่อให้เป็นองค์กรที่ทำให้คนอยากเข้าไปทำงาน
.
3.2 ทหารทำผิด = คนทั่วไปทำผิด – หากไม่นับการกระทำความผิดตามกฎระเบียบเฉพาะของทหารเอง (ซึ่งถกเถียงได้ว่าเหมาะสมหรือไม่) ทหารในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ควรเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่ใช้มาตรฐานเดียวกันกับประชาชนคนอื่นๆ สำหรับฐานความผิดเดียวกัน โดยแนวทางหนึ่งที่สมควรพิจารณา คือการปฏิรูปหรือลดขอบเขตอำนาจของศาลทหาร ให้ทหารที่กระทำความผิดที่บัญญัติไว้ในกฎหมายซึ่งบังคับใช้กับประชาชนทั่วไป (เช่น ลักทรัพย์ ฆ่าคนตาย) ต้องขึ้นศาลพลเรือน เหมือนกับประชาชนทั่วไป
.
4. #ทหารทุกคนเท่ากัน
.
ทหารทุกคน แม้มีหน้าที่หรือภารกิจที่ต่างกัน ต้องมีสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่ากัน
.
4.1 ลดความเหลื่อมล้ำด้านสวัสดิการและความก้าวหน้าทางอาชีพของทหาร - ปัจจุบัน พลทหาร กับ ข้าราชการทหาร มีความเหลื่อมล้ำ ทั้งด้านสวัสดิการ (เช่น พลทหารไม่ได้สวัสดิการรักษาพยาบาลที่ครอบคลุมครอบครัว เหมือนที่ข้าราชการทหารได้) และด้านเส้นทางอาชีพ (เช่น ระยะเวลาและโอกาสในการเลื่อนขั้น มีความแตกต่างกันมากระหว่างพลทหารที่ต้องการเติบโตในกองทัพ กับ นักเรียนทหารที่จบจากโรงเรียนนายร้อย)
.
4.2 คุ้มครองสิทธิมนุษยชนของทหารทุกคน - กองทัพต้องป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงในค่าย ไม่ว่าจะต่อทหารที่ถูกเกณฑ์ หรือ ทหารที่สมัครใจเข้าไป ผ่านกลไกต่างๆ ที่เราเคยเห็นว่ามีการใช้อย่างประสบความสำเร็จในต่างประเทศ เช่น การจัดตั้งผู้ตรวจการกองทัพ หรือ จัดหลักสูตรอบรมและฝึกฝนบุคลากรทหารเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชน เพื่อลดความรุนแรงทั้งทางร่างกาย (เช่น การธำรงวินัยที่นำมาสู่อันตรายต่อร่างกาย) และ ทางจิตใจ (เช่น การโจมตีทางวาจากับบุคคลเพศทางเลือก)
.
ข้อเสนอปฏิรูปกองทัพ ไม่ได้เริ่มต้นจากทัศนคติที่มองกองทัพเป็นศัตรู หากเริ่มต้นจากการมองเห็นประโยชน์ที่ประชาชนและประเทศจะได้รับ จากการทำให้กองทัพมีลักษณะทั้ง “เท่าทัน” และ “เท่าเทียม” ตาม 4 องค์ประกอบที่กล่าวข้างต้น หากกองทัพยึดมั่นในผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเหนือสิ่งอื่นใดตามคำที่ปรากฏในป้ายหน้าค่ายทหาร กองทัพไม่ควรปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงหรือปฏิรูปตนเอง เพื่อก้าวเป็นสถาบันที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งน่าจะเป็นของขวัญ “วันกองทัพไทย” ที่คนไทยต้องการและรอคอยมายาวนาน
.
ป.ล. ขอบคุณภาพจาก Workpoint ครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ไอติม' ร่ายยาวจี้รัฐบาลทบทวนเรื่องคำถามประชามติแก้รัฐธรรมนูญ
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.)
นายพลเสื้อส้ม เสนอต้องใช้ยาแรงปฏิรูปกองทัพ ป้องกันรัฐประหาร
คณะทำงานเสนอแนวทางปฏิรูปกองทัพ ทีมกองทับก "เสธโหน่ง-นายพลเสื้อส้ม" ชี้แก้กม.กลาโหม ทำได้ยากในทางเทคนิค เสนอต้องใช้ยาแรงปฏิรูปกองทัพ ยึดอำนาจผบ.ทบ.ในการประกาศกฎอัยการศึก -ให้ผู้นำเหล่าทัพตั้งทหารได้แค่สองระดับ ไม่ให้ถึงระดับผู้การกรม-ผู้พัน เผยเตรียมชงพิมพ์เขียว ยกเครื่องท็อปบู๊ตครั้งใหญ่ ชง ”บิ๊กต่อ-เจริญชัย ผบ.ทบ.”
'ไอติม' ถาม กกต.เมื่อไหร่ระเบียบ-ประกาศเรื่องเลือก สว.จึงจะเสร็จ
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.)
แฉ!ขอเงินทอนทร. แลกจัดหาเรือฟริเกต1.7หมื่นล้าน/‘สุทิน’งงก.ก.หนุนให้ซื้อ
ซักฟอกรัฐบาล ม.152 วันสุดท้าย จับคู่ซัดเดือด! "วิโรจน์" อัด รบ.ตบตา ปชช.
'สุทิน' สวนหมัด 'วิโรจน์' ตั้งสติแยกให้ออกระหว่างปฏิวัติกับปฏิรูป!
'สุทิน' ซัด 'วิโรจน์' ชี้ต้องแยกให้ออก ระหว่างปฏิวัติกับปฏิรูป เผย 'กลาโหม'ใช้ไม้อ่อนปฏิรูปกองทัพจากภายใน
'วิโรจน์' อัดรัฐบาลเพื่อไทยไม่ทำอะไรใหม่ ปฏิรูปกองทัพตบตาประชาชน
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ตามคำแถลงนโยบายด้านกองทัพของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง