นักวิชาการ ชี้ภูมิใจไทยกินลึก ดูดบ้านใหญ่ คาดกวาดเก้าอี้กว่า 120 ที่นั่ง

นักวิชาการ มข.วิเคราะห์ภูมิทัศน์การเมืองหลังยุบสภา ชี้ภูมิใจไทยกลายเป็นศูนย์รวมบ้านใหญ่ทุกสี ขณะที่เพื่อไทยเลือดไหลต่อเนื่อง คาดพรรคประชาชนโตต่อไม่ได้เพราะพลาดหนุนรัฐบาลอนุทิน เสี่ยงขัดแย้งหนักในเกมแก้รัฐธรรมนูญ

8 ตุลาคม 2568 - ที่คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น รศ.ดร.พรอัมรินทร์ พรหมเกิด อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์ฯ ให้สัมภาษณ์ถึงแนวโน้มทางการเมืองว่า ขณะนี้บรรดา ส.ส. และกลุ่มบ้านใหญ่จากหลายพรรคกำลังทยอยย้ายเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทยอย่างต่อเนื่อง หลังกระแสข่าวยุบสภาเริ่มชัด โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่เริ่มสูญเสียฐานเดิมไปมาก

รศ.ดร.พรอัมรินทร์มองว่า ช่วงยุบสภาที่จะมาถึงจะเห็นการเคลื่อนย้ายใหญ่ของนักการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มบ้านใหญ่จากฝ่ายเพื่อไทยที่เปลี่ยนสีจากแดงไปน้ำเงินมากขึ้น เพราะนักการเมืองไทยจำนวนมากไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยอุดมการณ์ หากแต่มองประโยชน์ทางการเมืองและความอยู่รอดเป็นหลัก พรรคไหนมีแนวโน้มชนะ ก็จะกลายเป็นแม่เหล็กดึงตัวคนการเมืองเข้ามา

เขาประเมินว่า ขณะนี้พรรคที่เนื้อหอมที่สุดคือพรรคภูมิใจไทย รองลงมาคือพรรคกล้าธรรม และคาดว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า ภูมิใจไทยอาจได้เก้าอี้ ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 120 ที่นั่ง ขณะที่กลุ่มจัดตั้งรัฐบาลก็ยังคงอยู่ในมือฝ่ายอนุรักษ์นิยม เนื่องจากมีทั้งฐานเสียงระดับรากหญ้า กลุ่มทุน และการสนับสนุนจากกองทัพ ทำให้โครงสร้างอำนาจไม่ได้ต่างจาก “เหล้าเก่าในขวดใหม่”

รศ.ดร.พรอัมรินทร์ กล่าวต่อว่า พรรคภูมิใจไทยแม้จะดูสุภาพและถ่อมตัว แต่กำลังขยายอิทธิพล “กินลึก” ในทุกพื้นที่ ตรงกันข้ามกับพรรคประชาชนที่แม้มีแนวคิดเสรีนิยมชัดเจน แต่กลับเติบโตต่อไม่ได้มากนัก เพราะพลาดท่าในการหนุนให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล จัดตั้งรัฐบาล โดยหวังจะใช้เป็นช่องทางแก้รัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ตาม เขามองว่าความร่วมมือดังกล่าวอาจกลายเป็นปัญหาในอนาคต เพราะพรรคภูมิใจไทยอยู่ฝั่งอนุรักษ์นิยม ขณะที่พรรคประชาชนยืนอยู่ฝั่งเสรีนิยม ซึ่งมีจุดต่างในสาระของการแก้รัฐธรรมนูญชัดเจน ทั้งสองพรรคจึงอาจเผชิญความขัดแย้งหนักเมื่อเข้าสู่กระบวนการแก้ไขจริง

รศ.ดร. พรอัมรินทร์สรุปว่า หากไม่มีการปรับยุทธศาสตร์ใหม่ ความต่างทางอุดมการณ์ระหว่างสองพรรคนี้ จะกลายเป็นชนวนความขัดแย้งสำคัญของรัฐบาลชุดต่อไปอย่างแน่นอน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'จุลพันธ์' ตอก ปชน. พูดไปคนละทางปมยื่นซักฟอกรัฐบาล

“จุลพันธ์” เย้ยพรรคประชาชนพูดกันไปคนละทาง บอกไม่แปลกใจ “ศิริกัญญา” มองยังไม่ร้ายแรงพอยื่นซักฟอกรัฐบาล แนะ ปชน.คุยกันในพรรคเอาให้ชัด รับ “เท้ง” นัดคุยคาดถกแก้ รธน.

พฤฒสภา คือ สภาปรีดี จริงหรือ ? (25)

ก่อนจะเกิดรัฐธรรมนูฉบับที่ 4 หรือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2490 เรามีรัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 คือฉบับ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475