อินโดนีเซียเตือนชาติมหาอำนาจอย่าใช้อาเซียนเป็น 'ตัวแทน'

อินโดนีเซียเตือนประเทศมหาอำนาจว่าอย่าใช้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็น 'ตัวแทน' ในการพิพาทกันเอง

บรรยากาศการประชุมคณะมนตรีประสานงานอาเซียนครั้งที่ 32 ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ (Photo by BAY ISMOYO / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 กล่าวว่า อินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ 2566 (AMM Retreat 2023) และการประชุมคณะมนตรีประสานงานอาเซียนครั้งที่ 32 (32nd ACC Meeting) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-4 กุมภาพันธ์ ณ กรุงจาการ์ตา

ในช่วงเริ่มต้นของการเจรจา 2 วันระหว่างบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย กล่าวในการพูดคุยก่อนการประชุมเมื่อวันศุกร์ว่า "อาเซียนไม่ควรเป็นตัวแทนของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง" ซึ่งเป็นประโยคเดิมที่เขาเคยกล่าวไว้ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในกัมพูชาเมื่อปีที่แล้ว พร้อมขอชาติสมาชิกให้มีเอกภาพและร่วมมือให้เกิดความคืบหน้าในวิกฤตเมียนมา

ทั้งนี้ ข้อพิพาทเหนือทะเลจีนใต้ทำให้ชาติสมาชิกอาเซียนบางส่วนมีท่าทีต่อต้านรัฐบาลจีนและเพิ่มความเห็นอกเห็นใจไปทางมหาอำนาจตะวันตกอย่างสหรัฐฯที่คัดค้านท่าทีของจีน ขณะที่ชาติสมาชิกอื่นๆ แสดงการสนับสนุนมหาอำนาจเอเชียอย่างจีน

ส่วนวิกฤตในเมียนมาที่ปกครองโดยทหารและเต็มไปด้วยความไม่สงบตั้งแต่กองทัพเข้ายึดอำนาจในปี 2564 กระบวนการแก้ไขยังไม่เป็นไปตามมติอาเซียนที่กดดันเมียนมาด้วย 'ฉันทามติ 5 ประการ' ซึ่งรัฐบาลทหารไม่ให้ความร่วมมือ แม้เมียนมายังคงเป็นชาติสมาชิกอาเซียน แต่ก็ถูกกีดกันจากการประชุมสุดยอดหลายครั้งจากเหตุดังกล่าว.

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 กล่าวว่า อินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ 2566 (AMM Retreat 2023) และการประชุมคณะมนตรีประสานงานอาเซียนครั้งที่ 32 (32nd ACC Meeting) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-4 กุมภาพันธ์ ณ กรุงจาการ์ตา

ในช่วงเริ่มต้นของการเจรจา 2 วันระหว่างบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย กล่าวในการพูดคุยก่อนการประชุมเมื่อวันศุกร์ว่า "อาเซียนไม่ควรเป็นตัวแทนของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง" ซึ่งเป็นประโยคเดิมที่เขาเคยกล่าวไว้ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในกัมพูชาเมื่อปีที่แล้ว พร้อมขอชาติสมาชิกให้มีเอกภาพและร่วมมือให้เกิดความคืบหน้าในวิกฤตเมียนมา

ทั้งนี้ ข้อพิพาทเหนือทะเลจีนใต้ทำให้ชาติสมาชิกอาเซียนบางส่วนมีท่าทีต่อต้านรัฐบาลจีนและเพิ่มความเห็นอกเห็นใจไปทางมหาอำนาจตะวันตกอย่างสหรัฐฯที่คัดค้านท่าทีของจีน ขณะที่ชาติสมาชิกอื่นๆ แสดงการสนับสนุนมหาอำนาจเอเชียอย่างจีน

ส่วนวิกฤตในเมียนมาที่ปกครองโดยทหารและเต็มไปด้วยความไม่สงบตั้งแต่กองทัพเข้ายึดอำนาจในปี 2564 กระบวนการแก้ไขยังไม่เป็นไปตามมติอาเซียนที่กดดันเมียนมาด้วย 'ฉันทามติ 5 ประการ' ซึ่งรัฐบาลทหารไม่ให้ความร่วมมือ แม้เมียนมายังคงเป็นชาติสมาชิกอาเซียน แต่ก็ถูกกีดกันจากการประชุมสุดยอดหลายครั้งจากเหตุดังกล่าว.

เพิ่มเพื่อน