
ดีพร้อม จ่อดันหุ่นยนต์ไทย เข้าสายการผลิตเอสเอ็มอี ดึงกลไกทางการเงินกระตุ้นยอดใช้ โชว์คุณภาพเท่าต่างประเทศ แต่ราคาถูกกว่าเท่าตัว โวกระตุ้นศก.แล้วเฉียด100ล้านบ.
21 ต.ค. 2564 – นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) หรือ ดีพร้อม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการผลักดันอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ นโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ว่า ปีงบ 2565 จะผลักดันคลัสเตอร์หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีหันมาใช้ในการผลิต ลดต้นทุน ลดพึ่งพาแรงงาน ลดการสัมผัสรองรับสังคมนิวนอร์มอลหลังเกิดโควิด-19 โดยหลังจากนี้จะดึงกลุ่มสถานประกอบการที่ต้องการใช้หุ่นยนต์เข้าร่วมคลัสเตอร์มากขึ้น
ทั้งนี้จะใช้กลไกการเงินสร้างแรงจูงใจ อาทิ มาตรการด้านภาษีจากสำนักงานคณะกรรมการส่งการเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมในอัตราต่ำจากแหล่งเงินทั้งกองทุน และธนาคารพาณิชย์ อาทิ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(เอสเอ็มอีดีแบงก์) จัดหาผู้เชี่ยวชาญให้ความรู้ และส่งเสริมแผนงานด้านการตลาดให้เป็นที่รู้จักที่มากขึ้น
“คลัสเตอร์หุ่นยนต์ฯ เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2562 ปัจจุบันมีเอสเอ็มอีทั้งผู้ผลิตและผู้ใช้ รวม 22 บริษัท แม้ยังน้อยแต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี มีเป้าหมายร่วมกันคือการเพิ่มกำลังการผลิต การลดนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศ นำความเชี่ยวชาญของแต่ละบริษัทมาช่วยแก้จุดอ่อน ล่าสุดมีการซื้อขายระบบเทคโนโลยีรวมถึงหุ่นยนต์ระหว่างกันคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 95 ล้านบาท หรือ 4.75 ล้านบาทต่อกิจการ จุดเด่นของคุณภาพทัดเทียมต่างประเทศ คืนทุนได้เร็วเฉลี่ย1ปี ราคาถูกกว่าการนำเข้า 3–5 แสนบาทต่อเครื่อง จากปกติหลักล้านบาทขึ้นไป ลดการพึ่งพาแรงงาน ลดการสัมผัสรับสังคมนิวนอร์มอล”นายณัฐพล กล่าว
ด้านนายพชระ แซ่โง้ว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิคัล เวิร์คส์ จำกัด ผู้ผลิตแขนกลยูนิบอท และกรรมการบริหารคลัสเตอร์หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ กล่าวว่า บริษัทมีแนวคิดผลิตหุ่นยนต์เพื่อเชิงพาณิชย์ให้ธุรกิจเข้าถึงในราคาถูกกว่าท้องตลาด แต่คุณภาพและบริการเทียบเท่า
ขณะที่นายสมควร จันทร์แดง กรรมการผู้จัดการบริษัท ยูเนี่ยน แอพพลาย จำกัด สมาชิกคลัสเตอร์หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ กล่าวว่า ในฐานะผู้ใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่ผลิตภายในคลัสเตอร์ พอใจต่อเทคโนโลยี ราคา และประสิทธิภาพการทำงาน ปัจจุบันโรงงานนำแขนกลของ บริษัท ยูนิคัล เวิร์คส์ มาใช้ในกระบวนการผลิตกระบอกไฮโดรลิก พบว่า คืนทุนในเวลาเพียง 10.4 เดือน ลดแรงงานที่ต้องทำงานซ้ำๆ ได้ 2 คน มูลค่า 252,000 บาทต่อปี ลดพลังงานไฟฟ้าจากเครื่องจักรถึง 3 เครื่อง ผลิตชิ้นส่วนกระบอกไฮโดรลิกจาก 18,000 ชิ้น เป็น 42,000 ชิ้นต่อปี มูลค่าจากการผลิตเพิ่มขึ้น 113% จาก 130,680 บาทต่อปี เป็น 278,760 บาทต่อปี และยังลดค่าซ่อมบำรุงและค่าเสื่อมสภาพได้ถึง 130,000 บาทต่อปี จากเดิม 240,000 บาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สสว.ดันจีดีพี SME โต 4% วางแผนดึง บสย. ค้ำประกันเงินกู้
สสว.พร้อมดันจีดีพีเอสเอ็มอีปี 66 โต 2-4% ดึง บสย.ค้ำประกันเงินกู้หวังธุรกิจที่จมจากพิษโควิดเดินหน้าได้ต่อ พร้อมอุดหนุนงบ 2 แสนบาท/ราย ลดค่าใช้จ่ายยกเครื่อง 50-80%
ข่าวดีมารัวๆ รอบนี้ถึงคิวผู้ประกอบการ SMEs
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ได้อนุมัติหลักการ
บอร์ดอีวี ตั้งทีมวางมาตรฐานยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง
บอร์ด EV ไฟเขียวให้กระทรวงอุตสาหกรรมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง (EV Conversion) ดึง 29 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกำหนดแนวทางในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลงในประเทศให้แข่งขันได้อย่างยั่งยืน
ดีพร้อม แถลงผลสำเร็จโครงการ DIPROM Fruit Creation ยกระดับ SMEs รุกตลาดผลไม้แปรรูป สร้างมูลค่าเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 17.5 ล้านบาท
ดีพร้อม (DIPROM) โดยกองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม แถลงผลสำเร็จ โครงการสร้างมูลค่าเศรษฐกิจการผลิตผลไม้ไทยด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ปีงบประมาณ พ.ศ.2565
นายกฯ ถกบอร์ด สสว. เห็นชอบช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME วงเงิน 1,180 ล้านบาท
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (บอร์ดส่งเสริม SME) ร่วมกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์
ปักหลักสวมเสื้อ‘ตราไก่’ เปิดบ้านใหญ่‘ทีมลุงป้อม’
ถึงขนาดกล่าวกันว่า ต่อให้ ‘บิ๊กตู่’ ล้มเหลวในการเลือกตั้ง ไปต่อไม่ได้ แต่สำหรับ ‘บิ๊กป้อม’ ยังมีทางเดินต่อเสมอ จะเห็นว่ายังมีนักการเมืองหลายก๊วนที่ขอปักหลักสวมเสื้อคลุม ‘ตราไก่’ สัญลักษณ์ ‘ทีมลุงป้อม’ อันล้อมาจากปีนักษัตร ‘ระกา’ ปีเกิดของ ‘พล.อ.ประวิตร’ ที่นักการเมือง นายทหารคนสนิท และคณะทำงานมักสวมใส่ให้เห็นว่าคนของใคร