ถ้ามองภาพของอุตสาหกรรม 4.0 ที่วันนี้กำลังกลายเป็นฐานสำคัญในภาคการผลิตและบริการ เป็นที่พึ่งพาใหม่ของทุกกลุ่มผู้ประกอบการ ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ สังคม และชีวิตความเป็นอยู่อย่างเข้มข้นทุกขณะ หากเข้าใจสังคมอุตสาหกรรม 4.0 ในมิติของสภาพแวดล้อม ความเคลื่อนไหว และพลังขับเคลื่อนที่มีต่อโลกวันนี้และอนาคตข้างหน้า จะพบว่าความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรม 4.0 นั้น เป็นเหมือนโลกใบใหม่ที่ต่างจากโลกเก่าอย่างสิ้นเชิงในแทบทุกบริบทของกลไกความเคลื่อนไหว โดยเฉพาะเรื่องของโครงสร้างความคิด ระบบงาน-ลักษณะงาน ทักษะ-สมรรถนะความรู้และการทำงาน รวมทั้งผลลัพธ์โดยรวมที่พึงมี-พึงได้จากโลกของอุตสาหกรรม 4.0!!!
กลไกความเคลื่อนไหวในระบบการผลิตและบริการแบบ 4.0 มีโครงสร้างเฉพาะที่ต้องเข้าใจเพื่อการออกแบบระบบการผลิตสินค้าและบริการให้เป็นไปตามรูปแบบและเป้าหมายที่ต้องการ! ซึ่งนัยสำคัญของกลไกความเคลื่อนไหวของระบบดังกล่าว จะเปลี่ยนจากความเคลื่อนไหวและการงานที่เคยพึ่งพาความคิด-ขั้นตอนการงาน-แรงงาน ที่ใช้มนุษย์เป็นหลัก สู่การปรับสร้างยุคใหม่ที่เชื่อมต่อความต้องการและความสามารถของคนเข้ากับโครงสร้างระบบดิจิตอล ที่มีหุ่นยนต์กลไก ระบบข้อมูล การออกแบบระบบ ที่จะสร้างผลลัพธ์เป็นผลผลิตและบริการตามเป้าหมาย จากการเชื่อมต่อกันของระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์กลไก ที่มีลักษณะโครงสร้างการจัดการและการงานแบบใหม่ ที่ต่างจากระบบเดิมๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมยุคเก่าที่ขับเคลื่อนการผลิตและบริการของบ้านเมืองอยู่!!!
ระบบการผลิตและบริการในอุตสาหกรรม 4.0 ผู้คน-บุคลากรจะมีภารกิจการงานหลัก นอกจากการออกแบบระบบแล้ว ก็จะทำงานในกลุ่มการขับเคลื่อน ควบคุม และซ่อมบำรุงในระบบวงจรงานตามระบบและแบบแผนที่วางไว้ การผลิตและบริการในอุตสาหกรรม 4.0 จะพึ่งพาเทคโนโลยี และการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพแบบ 5G ต้องการใช้ผู้คนที่มีความรู้-ทักษะ-สมรรถนะที่มีความรู้เกี่ยวกับระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และการทำงานบนแพลตฟอร์มดิจิตอล ที่จะทำให้มีผลิตผลและประสิทธิภาพโดยรวมจะสูงกว่า/ดีกว่าระบบเดิม ซึ่งจากการศึกษาความแตกต่างจะพบว่ามีศักยภาพรวมสูงกว่ากันราว 40 เปอร์เซ็นต์ กล่าวคือ มีผลผลิต+ผลรวมจากการผลิตที่มากกว่า+การประหยัดทรัพยากรมากกว่า+ความสูญเสียที่น้อยลงกว่าเดิม ที่รวมแล้วดีกว่าเดิมเกือยร้อยละ 40 ทีเดียว ขณะเดียวกันก็จะใช้บุคลากรทำงานลดลงกว่าเดิมราว 10 เท่า นี่คือภาพรวมความเปลี่ยนแปลงและผลิตภาพโดยเปรียบเทียบระหว่างระบบอุตสาหกรรมเดิมกับระบบอุตสาหกรรม 4.0!
ผลรวมดังกล่าวมีความหมายต่อการจัดการองค์กรในการผลิตบริการในหลายมิติ ตั้งแต่โครงสร้างองค์กร ระบบการผลิตและบริการ สภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมองค์กร การพัฒนาบุคลากร และการปรับสร้างทักษะสมรรถนะในกลุ่มบุคลากร ฯลฯ ซึ่งการทำงานในระบบอุตสาหกรรม 4.0 ต้องการบุคลากรที่มีฐานความรู้ เนื้อหาความเข้าใจโลกของดิจิทัล และการปรับสร้างพัฒนาทักษะความรู้และสมรรถนะโดยรวมที่ต่างไปจากเดิม! ซึ่งประเด็นนี้เป็นโจทย์ใหญ่ของสถาบันการศึกษาและการพัฒนาบุคลากรในปัจจุบันที่มีนัยสำคัญยิ่ง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ระบบการศึกษาปรับตัววนอยู่แค่ชายขอบของสาระสำคัญทางการศึกษาเท่านั้น! มีการปฏิรูปโครงสร้าง วิธีการ ขอบเขตตำแหน่งอำนาจ และเรื่องจิปาถะส่วนใหญ่ ฯลฯ ที่ล้วนอยู่นอกบริบทของการสร้างความรู้ การพัฒนาสติปัญญา และการยกระดับทักษะสมรรถนะที่จะปรับตัวให้เท่าทันนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ผุดขึ้นรวดเร็วต่อเนื่องและอย่างมากมายที่รับรู้กันอยู่!
สภาพรวมท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนสู่อุตสาหกรรม 4.0 จึงส่งผลให้การศึกษาระบบเดิมถูกเบียดขับทำลายพ้นวงจรความต้องการจริงอยู่ทุกขณะในวันนี้! นี่คือโจทย์ปัญหาใหญ่ที่สำคัญของการศึกษาและการพัฒนาบุคลากรวันนี้! ไม่นับรวมปัญหาอุปสรรคจากระบบระเบียบที่เป็นขวากหนาม ที่ไม่ส่งเสริมให้มีการต่อยอดพัฒนาเรียนรู้สร้างสรรค์ หรือการปรับตัวในแบบ unlearn relearn ตามความต้องการจริงของยุคสมัย ซึ่งมีความต้องการบุคลากรที่มีสมรรถนะตรงตามสภาวะการปรับตัวของนวัตกรรมและเทคโนโลยียุคใหม่ในภาคการผลิต-บริการ ในโครงสร้างเศรษฐกิจสังคมและวิถีชีวิตยุคใหม่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงที่ต่อเนื่องรวดเร็วในปัจจุบัน!
ช่วงเวลาราวเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา ความเคลื่อนไหวของการพัฒนาบุคลากรตามเป้าหมายของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก มุ่งปรับทิศทางการศึกษาทุกระดับให้หลุดพ้นจากระบบเดิม ที่มีความสูญเปล่า-สูญเสียมหาศาล สู่ทิศทางใหม่ที่มุ่งตอบโจทย์ความต้องการบุคลากรตามสมรรถนะและฐานความรู้ที่เปลี่ยนจากโลกอนาล็อกสู่โลกดิจิตอล ในทิศทางการพัฒนาบุคลากร-การศึกษาที่เรียกโดยรวมว่า Demand driven เพื่อสร้างฐานหลักในการจัดวางการศึกษา-การพัฒนาบุคลากร ให้ปรับตัวได้ทุกระดับ-เชื่อมต่อกับความต้องการที่แท้จริงของการมีงานทำ-การเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งการศึกษาในวังวนเดิมถูกตีกรอบแน่นฝังในระบบระเบียบเก่า ไม่ผูกโยงกับการพัฒนา-ความก้าวหน้า-และความเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งความเคลื่อนไหวในทิศทางใหม่นี้ยังอยู่ในระยะแรกของการปรับตัว ยังต้องการพลังที่จะขับเคลื่อน-เชื่อมโยงระบบการศึกษา ให้เป็นหนึ่งเดียวกับความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ-สังคมของประเทศทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ! โดยเฉพาะในการพัฒนาบุคลากรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่แม้จะมีความร่วมมือที่ดีจากภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้ง กระทรวงการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน ฯลฯ รวมทั้งภาคเอกชนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่ม 12 s-curve ที่เป็นเป้าหมายของรัฐบาลแล้ว แต่ก็ยังต้องการเพื่อนร่วมทางและพลังอีกมากเข้าร่วมปรับตัวขับเคลื่อนเรื่องนี้ ให้เท่าทันอนาคตที่กำลังไล่ล่าใกล้เข้ามาทุกขณะ!!!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไทยจะไม่เสื่อม .. ด้วยอปริหานิยธรรม!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ในทุกสถานการณ์โลกที่สะท้อนสภาวธรรม ไม่ว่าจะเป็นไปในทางบวกหรือลบ.. กุศลหรืออกุศล ดีหรือชั่ว.. บุญหรือบาป ล้วนบ่งบอกความเคลื่อนไหวใน จิตวิญญาณมนุษยชาติ ที่ประกอบด้วย กิเลส หรือ สติปัญญา อันเป็น มูลเหตุของบาปกรรม .. บุญกรรม
การแก้ปัญหาความขัดแย้ง.. ด้วยวิธีการไม่ขัดแย้ง.. อย่างไร!?
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา... พระพุทธเจ้าของเราได้ประทานหลักธรรมเป็นไป.. เพื่อความรัก.. ความระลึกถึงกัน.. ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ชัยชนะ (ไม่เป็นโทษ) .. ในสงครามเพื่อสันติภาพ!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา... มีคำกล่าวว่า.. สันติภาพ.. ไม่ใช่ภาวะที่ได้มาโดยง่าย.. แต่ต้องอาศัยการเตรียมพร้อมอย่าง มีสติและการกระทำอันถูกตรงธรรมอย่างกล้าหาญ..
ไทยก้าวใหม่ โชว์ฟิต ลุยเลือกตั้ง เปิดตัวผู้สมัครส.ส.-โชว์นโยบายรัวๆ
“พรรคไทยก้าวไหม่”หนึ่งในพรรคการเมืองใหม่ที่เข้าสู่สนามการเลือกตั้งปี 2569 ซึ่งมี”ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์”เป็น หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ และมี “คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีตรมช.ศึกษาธิการเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคไทยก้าวใหม่”
ร้ายกว่าวิกฤตการณ์ธรรมชาติ ..ภัยมนุษย์ .. ขาดศีลธรรม!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาตั้งมั่นในพระพุทธศาสนา...
เมื่อคน.. สังคม! .. ไร้คุณค่าความเป็นมนุษย์.. ประเทศชาติหายนะ!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธา.. คำว่า “ศรัทธา” ในพระพุทธศาสนา มีความหมายกินลึกลงไปมากกว่าความเชื่อโดยทั่วไป ด้วยต้องมีความรู้ความเข้าใจในคุณค่าของคุณสมบัติสิ่งนั้นๆ

