พรรคเพื่อชาติ-ประชาธิปไตยสายกลาง หวังตอบโจทย์ Political Mood

แม้สัญญาณการเลือกตั้งใหญ่ยังไม่ปรากฏเด่นชัด เพราะเวลานี้ต้องรอแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ เพื่อรองรับกติกาการเลือกตั้งที่จะใช้ระบบบัตรสองใบตามผลการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามแม้ไม่มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร แต่อายุของสภาชุดปัจจุบันก็เหลืออีกแค่ปีกว่าเท่านั้นจะครบวาระที่ต้องมีการจัดเลือกตั้งใหญ่เกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้หลายพรรคการเมืองจึงมีการเคลื่อนไหวเตรียมพร้อมกันแล้ว ทั้งพรรคการเมืองปัจจุบันและพรรคการเมืองตั้งใหม่ทั้งหลาย

พรรคเพื่อชาติ ภายใต้การนำของ ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติคนใหม่ หลังจากนี้จะมีทิศทางอย่างไร โดยเฉพาะการนำพรรคเดินเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ที่เห็นชัดว่าจะเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดเข้มข้น  โดยมีการคาดหมายกันว่าพรรคขนาดกลางและเล็กต้องเหนื่อยหนักในการประคองตัวเองเข้าสู่สมรภูมิเลือกตั้งบัตรเลือกตั้งสองใบ

ศรัณย์วุฒิ-หัวหน้าพรรคเพื่อชาติคนใหม่ เริ่มต้นด้วยการพูดถึงการมาอยู่กับพรรคเพื่อชาติว่า ในช่วงการหาพรรคการเมืองใหม่สังกัดหลังออกมาจากพรรคเพื่อไทย มีหลายพรรคการเมืองติดต่อให้ไปอยู่ด้วย บอกได้เลยว่ามีติดต่อมาทุกพรรค แม้กระทั่งพรรคพลังประชารัฐ ทุกพรรคอยากได้ผมมาก ไม่มีพรรคการเมืองใดที่ไม่อยากได้ผมไปอยู่ด้วย ซึ่งทุกพรรคที่ติดต่อมาเวลามีการเสนออะไรมา หากใจไม่แข็งไปแล้ว  แต่ผมมีความรู้สึกว่าชะตามันลิขิตให้ผมมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อชาติดีกว่า คือเราใหญ่ในพรรคเล็ก ดีกว่าไปเล็กในพรรคใหญ่

ถามว่าวันนี้มีพรรคการเมืองไหนที่จะโดดเด่นตอบโจทย์  Political Mood ของสังคมได้ พรรคเพื่อชาติจึงประกาศความเป็นประชาธิปไตยสายกลาง คือไม่เอาเผด็จการแต่ก็ไม่ซ้ายจัดดัดจริต...

...สำหรับทิศทางของพรรคเพื่อชาติต่อจากนี้ โดยเฉพาะหากต้องเข้าสู่สนามเลือกตั้ง พรรคเพื่อชาติจะขายความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใคร เช่นนโยบายพรรค ยืนยันว่าพรรคเพื่อชาติจะเป็นพรรคที่รอการเติบใหญ่ เพราะพรรคการเมืองใหญ่หลายพรรคก็เคยเป็นพรรคขนาดเล็กมาก่อนทั้งสิ้น ยกเว้นพวกพรรคเผด็จการที่มาถึงก็หลอมรวมเลย โดยหลังเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ มีนักการเมืองทั้งรุ่นใหญ่รุ่นเล็กจากทั่วทุกสารทิศติดต่อเข้ามาหาผม แม้แต่กับพรรคการเมืองขนาดเล็กที่เพิ่งยุบไปก็ติดต่อมาจะขอมาอยู่ด้วย

เส้นทางของพรรคเพื่อชาติ หากมีโอกาสก็ต้องการเติบโตเป็นพรรคขนาดใหญ่ แต่การจะบอกว่าจะเป็นพรรคขนาดใหญ่คนอาจหมั่นไส้ เราต้องถ่อมตัวตอนนี้พยายามยึดโยงว่าต้องการให้เป็นพรรคขนาดกลางๆ ก่อน ส่วนจะเป็นขนาดกลางใหญ่หรือกลางเล็กก็ขึ้นอยู่กับประชาชน ว่าเขาเชื่อมั่นในพรรคเพื่อชาติที่ผมเข้ามานำพรรค เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อชาติหรือไม่ ซึ่งการเติบโตของพรรคการเมือง หัวใจสำคัญก็คือบทบาทของหัวหน้าพรรค ที่หากมีบทบาทที่โดดเด่นทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและนอกรัฐสภา คือสื่อสารออกไปแล้วประชาชนเห็นแล้วบอกว่าใช่เลย นี่คือสิ่งที่เขาโหยหาและรอคอยมานาน ถ้าแบบนี้รับรองได้ว่าคะแนนที่ประชาชนจะลงคะแนนเสียงให้จะได้มากแบบถล่มทลายแน่นอน

-หลังแก้ไขกฎหมายลูกสองฉบับเสร็จ หากมีการยุบสภาเกิดขึ้นกลางปีหน้า พรรคเพื่อชาติพร้อมหรือไม่ แล้วตั้งเป้าหมายผลการเลือกตั้งอย่างไร?

การเป็นนักการเมืองต้องพร้อมทุกเวลา แล้วก็ค่อยๆ  สั่งสมความพร้อมให้มากขึ้น ถ้าจากนี้ไปจนถึงเดือนพฤษภาคมปีหน้า ก็เรียกได้ว่าพรรคเพื่อชาติมีความพร้อมค่อนข้างมาก ผมขอเวลาจากนี้ไปสัก 3-6 เดือน ก็จะเห็นความชัดเจนของพรรคเพื่อชาติ จะได้เห็นความแข็งแกร่ง บทบาทความพร้อม รวมถึงสรรพกำลังในด้านต่างๆ ถึงตอนนั้นจะเห็นชัด แต่การเลือกตั้งอาจจะหลังจากนั้น แต่เราต้องพร้อมเสมอ ความพร้อมอยู่ที่การสร้าง แต่หลังจากนี้จะต้องสปีดให้เร็วขึ้นเพื่อสร้างความพร้อม 

ส่วนกติกาการเลือกตั้งเรื่องบัตรสองใบ กับสูตรวิธีการคำนวณจำนวนที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่ว่าจะออกมาแบบไหน พรรคเพื่อชาติก็พร้อมหมดสำหรับการเข้าสู่สนามเลือกตั้ง เพราะผมมองว่านักการเมืองทำได้สองอย่าง หากออกกฎหมายได้ก็ออกไป แต่ถ้าไม่ได้คุณก็ต้องพร้อมจะทำตามสิ่งที่ออกมา พร้อมจะสู้กับมันในทุกมิติ ไม่อย่างนั้นคุณมีทางเลือกสองทาง คือจะสู้หรือจะถอย แต่พรรคเพื่อชาติในยุคนี้ไม่มีถอยแน่นอน ซึ่งเรื่องกติกาบัตรสองใบที่แยกคิดคะแนนระหว่าง ส.ส.เขตกับบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติอาจส่งคนลงสมัคร ส.ส.ระบบเขตแค่ 100 เขตจาก 400 เขตทั่วประเทศ   แต่ผมสามารถสร้างคะแนนนิยมได้ทั้ง 400 เขตเลือกตั้งเพื่อให้ได้คะแนนในระบบบัญชีรายชื่อ โดยไม่ต้องส่งผู้สมัครให้ครบสี่ร้อยเขต แต่ถ้าบัตรใบเดียวต้องส่งให้มากที่สุด เพราะหากส่งไม่ครบจะไม่ได้คะแนนในระบบบัญชีรายชื่อ

ตอนนี้มีบางพรรคการเมืองไปเปิดแชมเปญแล้ว เพราะคิดว่าเลือกตั้งใช้บัตรสองใบจะได้เปรียบ จริงๆ แล้วมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ผมคิดว่าฝ่ายที่มีอำนาจเขาก็คำนวณไว้เรียบร้อยแล้ว จึงยืนยันได้เลยว่าไม่ว่ากติกา-การเลือกตั้งจะออกมาแบบไหน พรรคเพื่อชาติพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้ง

ชูประชาธิปไตยสายกลาง

ตอบโจทย์ Political Mood

-กติกาเลือกตั้งที่ใช้บัตรสองใบ รวมถึงวิธีคิดคะแนน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่อาจไม่เอื้อต่อพรรคเล็ก และการยังให้มีไพรมารีโหวตอยู่ พวกพรรคขนาดเล็กถูกมองว่าจะสู้ลำบาก จนเริ่มมีพรรคเล็กหลายพรรคไปยุบกับพรรคใหญ่และอาจมีตามมาอีกหลายพรรค?

ถ้าผมถามกลับว่า หากหัวหน้าพรรคสามารถสร้างบทบาทให้เป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ของประเทศ หากถามว่าทำไมผมถึงอาจหาญพูดคำนี้ ถ้าดูจากพรรคการเมืองในเวลานี้ที่แบ่งออกเป็นสองปีก ส่วนใหญ่ยังมีปัญหาและไม่ตอบโจทย์ประเทศไทย ซึ่งเรื่องของ Political Mood (ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอารมณ์ทางการเมืองของสังคม) ที่หากถามว่าอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของคนไทยทั้งแผ่นดินเวลานี้เขาต้องการอะไร แล้วมีพรรคการเมืองใดที่ตอบโจทย์เขาบ้างหรือไม่ ผมว่ามันยังไม่มี โดยหากพรรคเพื่อชาติสามารถตอบโจทย์อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของคนไทยได้ มีพรรคการเมืองที่นำเสนอนโยบายพรรคในการแก้ปัญหาประเทศที่ต้องเป็นรูปธรรม เช่นหากคุณเป็นคนอีสาน ที่ผ่านมาพรรคการเมืองมักจะบอกว่าคนอีสานยากจน ถูกทอดทิ้ง แล้วบอกว่าต้องทำแบบนี้ 1-2-3-4-5 โดยที่ไม่ถามคนภาคอีสานเลยสักคำเลยที่มาบอกว่าต้องทำ 1 ถึง 5 นโยบาย แต่สำหรับผมจะไปถามคนอีสานว่าอยากพัฒนาภาคอีสานอย่างไร เขาอาจบอกมาสามข้อ แต่ผมอาจจะบอกเขาว่าสามข้อไม่พอ พรรคเพื่อชาติจะให้ข้อ 4 ข้อ 5 ข้อ 6 ข้อ 7 ด้วย อย่างหากเขาขาดเรื่องเงินทุน การเข้าถึงเทคโนโลยี ขาดโอกาส พรรคเพื่อชาติจะนำไปยื่นให้ในสิ่งที่ขาดและต้องการ แบบนี้ลงตัวไหม สิ่งนี้คือรูปธรรมและจับต้องได้ ไม่ใช่ไปคิดโดยไม่ถามไม่บอกเขาแล้วก็ไปยัดไส้เขา มันไม่ได้ แบบนี้ไม่ใช่วิธีการของพรรคเพื่อชาติ  พรรคเพื่อชาติมีนโยบายที่แตกต่างและโดดเด่นแบบนี้ เข้าใจ  Political Mood แบบนี้ นี่คือสิ่งที่คนไทยโหยหา

ถามว่าวันนี้มีพรรคการเมืองไหนที่จะโดดเด่นตอบโจทย์  Political Mood ของสังคมได้ พรรคเพื่อชาติจึงประกาศความเป็น ประชาธิปไตยสายกลาง คือไม่เอาเผด็จการแต่ก็ไม่ซ้ายจัดดัดจริต โดยจะยึดโยงประโยชน์ของชาติที่จะตอบโจทย์ Political Mood เพราะเมื่อ Mood อันหนึ่งต้องการแบบนี้ แต่ Mood อีกส่วนหนึ่งไม่ต้องการ แล้วจะเอาใคร เราก็ต้องเอาตรงกลางให้ได้ เพราะผมไม่เอาเผด็จการ กลุ่มผู้สนับสนุนการเคลื่อนไหวทางการเมืองนอกรัฐสภา ส่วนหนึ่งก็อาจคล้อยมาทางผม อนุรักษนิยมส่วนหนึ่งก็อาจคล้อยมาที่ผมได้เช่นกัน กับการที่นโยบายพรรคเพื่อชาติมีความโดดเด่นและบทบาทของหัวหน้าพรรคที่โดดเด่น

หากดูการเมืองในอดีต เช่นสมัยนายสมัคร สุนทรเวช อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ก็แค่พรรคประชาธิปัตย์ แต่พอนายสมัครออกไปตั้งพรรคประชากรไทย ก็มีกระแสฟีเวอร์จนพรรคประชากรไทยเกือบได้ ส.ส.เขตกรุงเทพมหานครช่วงนั้นเกือบหมด เพราะเขาอภิปรายและปราศรัยได้ดี หรือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พอออกจากประชาธิปัตย์ไปตั้งพรรคมวลชน  ไปอยู่พรรคอื่น ก็มีกระแสฟีเวอร์ ซึ่งทั้งสองคนจะมีบทบาทโดดเด่นเรื่องการอภิปรายในสภา แล้วผม "ศรัณย์วุฒิ" ทั้งอภิปราย ปราศรัย ดีเบตก็ได้หมด เรียกได้ว่าออกทีวีเมื่อไหร่ไม่แพ้ใครแน่นอน

สิ่งเหล่านี้คือการเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองต้องมีความโดดเด่น ถ้าทำให้ได้ขนาดนั้นก็เป็นจุดขายของพรรคเพื่อชาติได้ อีกทั้งยังมีนโยบายที่โดดเด่นจับต้องได้ โดยผมจะเอาไอดอลจากภาคต่างๆ ทั้งอีสาน-เหนือ-ใต้ และไอดอลจากทุกอาชีพมาอยู่รวมกันที่พรรคเพื่อชาติ โดยก็จะมีแนวทางเช่นการเติมองค์ความรู้ให้คนในอาชีพต่างๆ เพื่อให้เขาได้พัฒนาตัวเองให้แข่งขันได้กับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ที่ทำให้เกิดการดิสรัปชันที่แรงและเร็วมากกับทุกอาชีพ คนที่เป็นรัฐบาลต้องนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีมาช่วยคนแต่ละอาชีพ

-ประเมินสถานการณ์การเมืองหลังยกร่างกฎหมายลูกสองฉบับเสร็จกลางปีหน้า คิดว่าจะมีการยุบสภาเกิดขึ้นหรือไม่ และเงื่อนไขการยุบสภาจะเกิดจากปัจจัยใด?

ต้องดูภายในพรรคพลังประชารัฐว่าจะมีเสถียรภาพมากแค่ไหน ตัวชี้วัดทางการเมืองที่เร็วที่สุดและแรงที่สุดอยู่ตรงนั้น  ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่ใช่ประเด็น เพราะยังต้องการเกาะเกี่ยวเพื่ออยู่ในอำนาจจนนาทีสุดท้าย พรรคฝ่ายค้านแม้จะพยายามทำอะไรหลายอย่างแต่ก็ไม่สามารถล้มรัฐบาลได้

ส่วนม็อบสามนิ้วก็จะถูกจำกัดการเคลื่อนไหวด้วยเรื่องข้อกฎหมายมากขึ้น ทำให้การเคลื่อนไหวจะทำไม่ได้แบบเมื่อก่อน ยิ่งศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาเมื่อ 10 พ.ย.64  (คดีล้มล้างการปกครอง) ทำให้องค์กรและหน่วยงานต่างๆ  สามารถนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไปทำอะไรก็ได้ จนทำให้ม็อบจะตกที่นั่งลำบากที่จะไปเดินแบบเดิมๆ เพราะต้องแลกด้วยอิสรภาพของตัวเอง ซึ่งบางทีต่อสู้ไปได้สักพักหนึ่งก็ต้องถูกเข้าไปจองจำ ดังนั้นจึงอยู่ที่พรรคพลังประชารัฐเองว่าภายในพรรคจะมีปัญหาหรือไม่ การประชุมสภาจะล่มบ่อยครั้งหรือไม่ วันที่มีการโหวตกฎหมายสำคัญร่างของรัฐบาลจะไม่ผ่านโดนล้มหรือไม่ หากเกิดล้มก็คืออุบัติเหตุทางการเมือง

"การที่ 3 ป.จะต้องมาจูนกัน แต่ดูแล้วยังไงก็จูนกันไม่ได้เหมือนเดิม เพราะแก้วมันมีรอยร้าว แต่มีคำพูดคำหนึ่งว่า รวมกันเราอยู่ ทิ้งกูตายหมู่ ดังนั้นบางช่วงก็มีการโกรธกัน แต่พอไปสักพักเกิดนึกขึ้นได้ เฮ้ย แบบนี้บ่อยไป กูก็ตายเหมือนกัน เลยกลับมากอดกันอีก"

...หากถามว่าสถานการณ์การเมืองต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ก็ต้องดูปัจจัยต่างๆ อย่างสถานการณ์โควิดตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้น รัฐบาลก็ขยายเพดานการกู้เงิน จะมีการอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบเยอะมาก หลังจากนี้ตัวเลขต่างๆ ที่เคยดิ่งลงต่ำ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจต่อไปก็จะเริ่มทะยานขึ้น ช่วงนี้รัฐบาลจะเริ่มมีผลงานเพิ่มขึ้น หลังช่วงมกราคม 2565 จับตาดูผลงานรัฐบาลจะเริ่มปรากฏขึ้น งบที่รัฐบาลจะอัดฉีดเข้าไปในระบบจะเพิ่มขึ้น

ผมประเมินว่านายกฯ คงไม่คิดอยู่ครบเทอม เขาจะรอดู คือหากสภาวะเศรษฐกิจเริ่มกลับมาดี การควบคุมโควิดทำได้อยู่หมัด กฎหมายลูกสองฉบับแก้ไขเสร็จเรียบร้อย ส่วนภายในพรรคพลังประชารัฐแต่ละกลุ่มหลอมรวมกันได้ ถ้าหลอมไม่ได้ก็มีการแยกไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ แล้วรอให้พรรคดังกล่าวแข็งแรง นายกฯ ยุบสภาแน่นอน

โดยเฉพาะเมื่อไปถึงช่วงเดือนพฤษภาคมปีหน้าจะเข้าสู่ช่วง deadlock ทางการเมือง คือหากภายในพรรคพลังประชารัฐยังเจรจากันไม่ได้ แล้วปล่อยให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ  หากแค่พรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ แค่ยื่นญัตตินายกฯ ก็ยุบสภาไม่ได้แล้ว เหลืออย่างเดียวคือหากแพ้โหวต เสียงไว้วางใจไม่ถึงก็ต้องลาออก ช่วงนั้นก็จะมีการพยายามจะยึดอำนาจในสภา แบบที่เคยทำตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบล่าสุด ก็อาจจะมีการยุบสภาก่อนฝ่ายค้านยื่นญัตติขออภิปรายไม่ไว้วางใจ

ชูนโยบายเกษตรร่ำรวย

ดึงลูกหลานกลับบ้าน

หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงการขับเคลื่อนพรรคหลังจากนี้ว่า จุดแข็งหรือความแตกต่างของเพื่อชาติกับพรรคการเมืองอื่น คือต้องมีนโยบายที่โดดเด่นและเป็นรูปธรรม  อย่างเรื่องนโยบายการแก้ปัญหาความยากจนในภาคอีสาน  หากดูจากปัญหาเรื่องภัยแล้ง จะพบว่าจากปริมาณน้ำฝนร่วมกว่า 30,000 ล้านลูกบาศก์เมตรที่ตกในภาคอีสาน แต่เราเก็บน้ำมาใช้ได้แค่กว่า 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนที่เหลือไหลไปทั่วสารทิศ เช่นไหลลงไปยังแม่น้ำโขง เป็นสิ่งที่น่าเสียดายมาก เพราะหากเก็บได้สัก 10-20 เปอร์เซ็นต์ ภาคอีสานจะชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำทั้งภาคอีสาน ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว วิถีคนอีสานก็จะกลับมา หากพรรคเพื่อชาติเข้าไปเป็นผู้บริหารประเทศ เราจะทุบโต๊ะเลยว่าต่อไปนี้จะไม่ให้ปริมาณน้ำฝนไหลลงไปสู่แม่น้ำโขงอย่างที่ผ่านมา ยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือ ปริมาณน้ำฝนตกมาทั้งประเทศ 100 หยด เราเก็บได้แค่ 8-9 หยด แต่ตกมา 100 หยด ที่ภาคอีสาน เก็บมาได้ยังไม่ถึง 5 หยดเลย

สิ่งเหล่านี้คือเรื่องของการบริหารจัดการน้ำ ซึ่ง monsoon  หรือมรสุม ประเทศไทยเราโชคดีที่อยู่ในเส้นศูนย์สูตร 24 องศาเหนือ-24 องศาใต้ ทำให้เราเป็นประเทศที่ฝนตกต้องตามฤดูกาลเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อก่อนฝนเหล่านั้นจะไปตกอยู่เหนือเขื่อน แต่ปัจจุบันเพราะความหนาวเย็นจากจีนผลักเข้ามา ทำให้บางครั้งก็ร้อนบางครั้งก็หนาว ทำให้ฝนที่เคยตกอยู่เหนือเขื่อนผลักไปตกอยู่ใต้เขื่อน เลยทำให้เขื่อนได้น้ำน้อย  ส่วนพื้นที่ใต้เขื่อนก็เจอปัญหาน้ำท่วม

สิ่งเหล่านี้คือความไม่เข้าใจในการบริหาร monsoon เวลาเราบริหารจัดการน้ำ หากไปดูตัวอย่างเช่นที่มณฑลยูนนานมีการทำนาและการจัดเก็บน้ำเป็นชั้นๆ ทำให้มีการเก็บกักน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความอุดมสมบูรณ์ มีน้ำทำการเกษตรได้ทั้งปี หากเราทำแบบนี้ได้จะทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นแบบก่อนหน้านี้ ที่มีการพูดกันว่าประเทศไทยในน้ำมีปลา ในนามีข้าว แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วเพราะเกิดภัยแล้งเกิดน้ำท่วม เพราะบริหารจัดการน้ำไม่เป็น แต่หากระบบที่บริหารจัดการน้ำแบบแก้มลิงหรือแบบขั้นบันไดลงมา จะทำให้สะสมน้ำได้ตลอดทางกว่าจะมาถึงภาคกลาง ต่อให้ฝนตกใต้เขื่อนก็ไม่มีปัญหา เพราะมีระบบที่กักเก็บน้ำแทนเขื่อนได้เป็นอย่างดี  ดินจะชุ่มชื้น พืชพันธุ์ธัญญาหารจะอุดมสมบูรณ์มาก

จำคำพูดของศรัณย์วุฒิเอาไว้ นี่คือวิชันในเรื่องของน้ำ เรียกว่า "ประเทศไทยเขียว ต้องทำให้ประเทศไทยเขียวทั้งแผ่นดิน" นโยบายของเพื่อชาติคือต้องการ สร้างงานทั้งแผ่นดิน-ดึงลูกหลานกลับบ้านเรา อย่างประชาชนในภาคต่างๆ เช่นภาคอีสานที่ลูกหลานต้องจากบ้านเกิดไปทำงานที่อื่น แล้วก็ส่งเงินกลับบ้าน โดยปีหนึ่งๆ ได้กลับบ้านมาอยู่กับครอบครัวแค่ปีละ 1-2 ครั้ง และบางทีกลับบ้านก็ด้วยเหตุผล เช่นตกงานเลยกลับบ้าน จะเห็นได้ว่าชีวิตแบบนั้นไม่มีความแน่นอนเลย แต่หากทุกคนอยู่กันอย่างอบอุ่นในครอบครัว  ถามว่าเขาจะมีความสุขไหม แม้อาจจะมีรายได้ไม่มากเหมือนเดิม ซึ่งเรื่องแบบนี้ทำได้ตามนโยบายของพรรคเพื่อชาติ ที่จะสร้างความสุขและการให้ประชาชนมีฐานะที่ดีขึ้น

...นโยบายของเพื่อชาติประกาศชัดเลยคือ เกษตรร่ำรวย ต่อจากนี้ไป เกษตรกรไทยต้องรวยทั้งแผ่นดิน เช่นการส่งเสริมให้เกษตรเลี้ยงวัว ซึ่งหากเอ่ยถึงเนื้อวัวต่างประเทศที่มีชื่อเสียงอย่าง มัตสึซากะ หรือเนื้อโกเบ ทำไมประเทศไทยที่ผ่านมาไม่ส่งเสริมให้มีการเลี้ยงในไทย ทั้งที่เรามีหญ้าอ่อนให้วัวกินทั้งปี หรือจะให้วัวกินเบียร์แบบที่ญี่ปุ่น ก็หมักเบียร์ เปิดเสรีให้ทำเบียร์ที่เป็นเบียร์ธรรมดาก็ได้ รวมถึงใช้พืชพันธุ์ธัญญาหารที่ปลอดสารพิษมาเลี้ยงวัว ก็จะทำให้เนื้อวัวโกเบของเราเป็นอาหารปลอดภัย หากทำได้จะทำให้เนื้อวัวที่เกษตรกรเลี้ยงจากที่เคยขายกันกิโลกรัมละไม่กี่ร้อยบาท จะเพิ่มเป็นหลายพันบาทจนถึงกิโลละเป็นหมื่นบาท ส่งออกไปขายได้ทั่วโลก ถ้าทำแบบนี้ได้ ญี่ปุ่นก็สู้เราไม่ได้ จะทำให้คนที่เคยประกอบอาชีพอื่นก็จะหันมาเลี้ยงวัวแบบนี้ เพราะมีรายได้เดือนละเป็นแสน รัฐบาลต้องมีวิชัน ต้องส่งเสริมเรื่องแบบนี้  บ้านเรายังมีเรื่องน่าทำอีกเยอะมาก

การจะแก้ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ นโยบายเกษตรร่ำรวยเรื่องเดียวแก้ขาดเลย ซึ่งหากทำตามที่บอกข้างต้น ทั้งเกษตรร่ำรวย-ประเทศไทยเขียว-การบริหารจัดการน้ำ  จะทำให้วิถีไทยที่เราเคยมีมา อย่างความอุดมสมบูรณ์ของทรัพย์ในดิน สินในน้ำ จะกลับมาให้เห็นอีกครั้ง     

สิ่งเหล่านี้คือจุดแข็ง ความแตกต่างของพรรคเพื่อชาติเมื่อเทียบกับพรรคอื่น เพราะมีนโยบายที่โดดเด่นและเป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่พูดลอยๆ แต่มีแนวทางที่เป็นรูปธรรม จะให้ผมไปดีเบตกับใครที่ไหนก็ได้ รับรองได้ว่าหากไปดีเบตที่ไหน มันมาก ผมท้าได้เลย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อย่าใหญ่เกินธรรมชาติ .. พ่อมหาจำเริญ!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา.. ภาวะโลกร้อน (Global warming) .. อันเกิดเนื่องเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่กำลังอยู่ใต้ห้วงวิกฤตการณ์อันเนื่องจากการกระทำของคนเรา

“มิจฉาธรรม .. ในอสัตบุรุษที่น่ากลัวยิ่ง”

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา สงกรานต์ร้อนที่เข้าสู่จุลศักราช ๑๓๘๖ เถลิงศกตรงกับ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๗ นับว่าร้อนแล้ง ตรงกับคำพยากรณ์ที่พร้อมเกิดพายุร้อนได้ในทุกพื้นที่ เป็นการแสดงสภาวะผันผวนที่เนื่องมาจากวิกฤตร้อนของโลก (Climate Change) ที่หลายฝ่ายเฝ้าสังเกตการณ์ด้วยความเป็นห่วงว่า มนุษยชาติจะผ่านวิกฤตโลกร้อนไปได้หรือไม่..

สู่.. โครงการพระคืนสู่ป่า น้อมถวายเป็นพระราชกุศลฯ

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ในห้วงเวลาที่อากาศร้อนจัด จนเข้าสู่วิกฤตการณ์ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสานของประเทศ

ดร.เสรี สมเพช พรรคการเมือง ฝ่ายอนุรักษ์นิยม

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่ากลุ่มอนุรักษ์ หรือกลุ่มเผด็จการตามการเรียกขานของฝ่ายประชาธิปไตย เคยคิดที่จ

สู่.. โครงการพระคืนสู่ป่า.. ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในภาวะที่เข้าสู่วิกฤตการณ์โลกร้อน.. ด้วยภาวะการเปลี่ยนแปลงแบบผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติปกติ (Climate Change) อันเป็นผลจากการกระทำของมนุษยชาติ ทั้งในทางตรงและทางอ้อม จึงได้ถือโอกาสคิดทำโครงการนำพระคืนสู่ป่า.. เพื่อศึกษาวงจรธรรมชาติของชีวิตที่เนื่องกับสิ่งแวดล้อม อันประกอบด้วยสรรพสิ่งต่างๆ ที่เกาะเกี่ยวเนื่องกันอย่างมีความสมดุล (Nature Cycle in Balance)

ลัทธิผีบุญ .. ภัยร้ายต่อพระศาสนา!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ปัญหาของพุทธศาสนาในปัจจุบันที่ยังเจริญเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ คือ การยึดถือคำสอนที่ผิดเพี้ยนไปจากพระสัทธรรมดั้งเดิม...