“ในกระแสสังคม.. ที่เปลี่ยนแปลง..” โครงการร้อยใจไทยฯ.. จ.สระบุรี-จ.อ่างทอง!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในห้วงเวลาระหว่าง ๕-๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๘ ออกทำหน้าที่ตรวจการคณะสงฆ์ ภาค ๒ (ธ) อยุธยา สระบุรี อ่างทอง ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับคณะสงฆ์ทั้งสายพระป่า (ปฏิบัติ) และพระบ้าน (คามวาสี) หรือพระในเมือง จึงได้รับรู้.. รับทราบ ถึงความเป็นอยู่ของท่านทั้งหลาย ที่ต้องดำเนินชีวิตในฐานะสมณเพศ อันเป็นไปตามพระธรรมวินัย เพื่อมุ่งสู่การบรรลุโลกุตรธรรม

ต้องยอมรับว่า การดำรงชีวิตของความเป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนายุคสมัยไอทีครอบครองโลก นับว่าไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะในห้วงแห่งความเปลี่ยนแปลงตามกระแสโลกวัตถุนิยมยุคไอที ที่ผู้คนหลงใหลคลั่งไคล้ไปตามกระแสเทคโนโลยีชั้นสูง ที่มีอิทธิพลยิ่งต่อการดำรงอยู่และเป็นไปของมหาชน ที่ไม่เว้นว่า จะอยู่ในฐานะ เพศ วัย ใด...

ในขณะที่วัดจำนวนไม่น้อย ที่อ้างอิงพึ่งพาอยู่กับชาวบ้าน.. อยู่กับสภาพสิ่งแวดล้อม ป่า ภูเขา ตามชุมชนท้องถิ่น มีความขาดแคลนกำลังในการพัฒนาวัด เพื่อให้เกิดความพร้อมสมบูรณ์ครบ ไม่ว่าจะเป็น ด้านศาสนทายาท ศาสนวัตถุ และศาสนธรรม.. ที่กำลังลดลง โดยเฉพาะในความเป็นภิกษุ-สามเณร ที่เรียก ศาสนทายาท

เมื่อเดินทางเข้าไปเยี่ยมภายในวัดวาอารามทั้งหลาย จึงได้เห็นสภาพสิ่งปลูกสร้างที่ชำรุดทรุดโทรม ขาดการบำรุงรักษาดูแลเป็นส่วนใหญ่.. จะมีบ้างที่มีสิ่งปลูกสร้างใหญ่โตโอ่อ่า แต่ก็เป็นจำนวนน้อย ซึ่งล้วนมีที่ไปที่มาสัมพันธ์กับพระเถระที่มีบารมี.. หรือวัดใหญ่ในเมืองที่คอยดูแลอุปถัมภ์.. หาใช่กำลังในชุมชนท้องถิ่นไม่..

อย่างไรก็ตาม การขาดแคลนของวัดวาอารามทั้งหลาย ทางด้านวัตถุ.. ก็ไม่น่าวิตก เท่ากับ การขาดแคลนศาสนทายาท ดังในบางพื้นที่ที่มีการบรรพชา-อุปสมบทน้อยมาก เรียกว่า.. พระอุโบสถไม่ได้ยินเสียงสวดขับขานขอบรรพชา-อุปสมบท.. การกล่าวสอนนาคของพระอุปัชฌาย์เลยก็ว่าได้

สิ่งที่น่าสนใจพิจารณายิ่ง ในขณะจำนวนพระภิกษุ-สามเณรจะลดลง แต่กลับมีจำนวนวัดมากขึ้น.. ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้ง ระหว่างปริมาณและคุณภาพ.. วัตถุธรรมและสัตถุธรรม!!!

จึงได้เห็นการจัดการปกครองคณะสงฆ์ เฉกเช่นเดียวกับการปกครองทางโลก มากกว่าการดำเนินไปอย่างปกติ เป็นระเบียบแบบแผนตามพระธรรมวินัย ที่ยังให้โลกเจริญ!!

ที่สำคัญยิ่ง คือ ความไม่เข้าใจจุดมุ่งหมายของการบรรพชา-อุปสมบท เข้ามาสู่ความเป็นพระภิกษุ-สามเณรในพระพุทธศาสนา ว่า อะไรคือจุดประสงค์ที่แท้จริง.. หลักการ อุดมการณ์ ข้อปฏิบัติ เป็นอย่างไรตามพระธรรมวินัย... และเคยได้ศึกษาปฏิบัติจริงจังหรือไม่!!

จึงไม่แปลก หากมีข่าวสารประหลาดๆ ไหลออกมาจากแวดวงบรรพชิต นักบวช ที่อ้างอิงเป็นพระภิกษุ-สามเณรในพระพุทธศาสนา และไม่แปลกที่แวดวงศาสนากลับยังไม่นิ่งสงบ ให้สมกับเป็นเขตแห่งความสงบ.. เป็นเขตแห่งการหยุดแล้วในความอยากทั้งปวงจากโลกธรรม คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ .. สุข

ยิ่งมีกลุ่มบุคคล หมู่คณะ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อเผยแพร่พระธรรมวินัย ตามทิฏฐิของตนและหมู่คณะ.. จึงยิ่งเห็นความสับสนในหมู่อนุชนคนรุ่นใหม่ ว่า.. เอ้า!! จริงๆ แล้ว พระพุทธศาสนามีคำสั่งสอน.. มีหลักปฏิบัติธรรมอย่างไรกันแน่.. เพราะล้วนแต่กล่าวขัดแย้งกัน ด้วยความสำคัญว่า ของตน.. สำนักตนถูกต้อง..

ถึงแม้ว่า จะมีผู้ทรงความรู้.. มีฐานะอันเหมาะควร.. เป็นผู้ใหญ่บางท่าน.. จะออกมาพูดกล่าวตักเตือน ให้ข้อคิดความเห็นที่ถูกต้อง ว่า อะไรคือธรรม .. อะไรคือวินัย ในพระพุทธศาสนานี้.. แต่ก็ยังหารับฟังกันไม่..

จึงได้เห็นปรากฏการณ์... ใคร ใคร่คิด .. คิด ..ใคร ใคร่ทำ .. ทำ

ใคร ใคร่พูด .. พูด ..ใคร ใคร่สอน .. สอน

...ที่เป็นลักษณะเสรีภาพที่เกิดขึ้นในแวดวงศาสนา จนเกิดภาวะลามปาม วุ่นวาย ให้ยุ่งเหยิง.. ขัดเคืองจิตใจของหมู่ชนที่พยายามตั้งสติ.. เจริญปัญญา เพื่อรู้เท่า รู้ทัน ตามความเป็นจริง ในธรรม.. ในวินัย

มันช่างสมกับเป็นยุคแห่งความเปลี่ยนแปลงเชิงซ้อนหลายชั้น.. ที่ยากจะเข้าถึงเหตุปัจจัยแท้จริงของปัญหา.. หากสัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ ไม่มั่นคงพอ เพื่อเสริมกำลัง สติ ปัญญา และวิริยะ ให้สามารถเจาะทะลวงเข้าไปให้ถึงรากเหง้าของปัญหานั้นๆ ได้...

เราจึงเห็นการแก้ไขปัญหาในสังคมปัจจุบัน.. ด้วยกำลังปัญญาที่อ่อนแอในหลายเรื่องราวของสังคม.. จากผู้มีอำนาจวาสนา แต่ขาดปัญญาบารมี..

ในทางพระพุทธศาสนา จึงมีคำสั่งสอนให้ผู้บริหาร.. ผู้ปกครอง.. ผู้ที่เป็นผู้นำสังคมชุมชน จะต้องสั่งสมกำลังธรรม ๔ ประการไว้ให้สมบูรณ์ ได้แก่ ปัญญาพละ วิริยพละ อนวัชชพละ และสังคหพละ

ดังกล่าวโดยสรุปว่า.. เพื่อการขับเคลื่อนไปสู่ความสัมฤทธิผลตามประสงค์ บุคคลที่ทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน.. ปกครองบ้านเมือง.. บริหารองค์กรศาสนา จะต้องมีความขยันหมั่นเพียร ที่ดำเนินไปตามหลักปฏิบัติดี-ปฏิบัติชอบ.. เป็นผู้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท.. มีปัญญารู้เท่าทันเหตุการณ์.. และเป็นผู้มีความสามารถในการจัดการงาน

โดยเฉพาะในกระแสสังคมที่ไหลไปเป็นเกลียวคลื่น จนยากจะแยกแยะ.. ยากจะสืบสาว สอบสวน ว่า อะไรเป็นอะไร... ที่ยิ่งจะต้องใช้กำลังสติปัญญามากกว่าภาวะปกติทั่วไป.. ที่ยากยิ่งต่อการผ่านพ้นปัญหาและอุปสรรค เพราะปัญหาอุปสรรคมีกำลังมากกว่าสติปัญญาที่มี.. ของคนเราในยามนี้

เมื่อบวกกับกำลังคลื่นกระแสลม ที่วิปริต.. วิปลาส.. อาการวิตถารทางความคิดก็ยิ่งมากขึ้น สอดคล้องกับความเป็นยุค อธรรมราคะ อภิชฌา และมิจฉาธรรม .. เป็นใหญ่.. อะไรๆ จึงเกิดขึ้นได้ไม่ยาก.. แม้ในเรื่องที่ยากจะเกิด..

อย่างไรก็ตาม.. ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร.. สังคม สิ่งแวดล้อม จะผันผวนไปตามกระแสธรรมชาติที่วิปริตแค่ไหนก็ตาม.. หน้าที่ของเราโดยธรรม ก็ยังเหมือนเดิม คือ การปรับปรุง.. พัฒนา.. เพื่อการรู้เท่าทันกระแสความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น จะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีดุลยภาพ.. ที่เกิดจากการสำรวมรู้และปล่อยวาง.. แม้ในกระแสที่ไร้ความสมดุล.. คนชั่ว ความชั่ว มากกว่า คนดี.. ความดี ก็ตาม

การเพิ่มกำลังสติ.. เพื่อเติมกำลังปัญญา.. จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงปัญหาและอุปสรรคให้เป็นโอกาส.. เพื่อการก้าวต่อไปสู่จุดหมาย นับเป็นสิ่งที่ต้องทำ.. ต้องพัฒนาอยู่ตลอดเวลา.. และนี่แหละคือการศึกษาเพื่อชีวิตอย่างแท้จริง ที่จะต้องใช้หลัก หยุด สงบ พบนิ่ง.. ว่าง และปล่อยวาง.. เป็นปรัชญาชีวิต

ดังที่ได้ให้หลักธรรม.. จากการอ้างอิง ทศพิธราชธรรม ที่สวดประกาศ (แสดง) ใน โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน ที่ จ.สระบุรี และ จ.อ่างทอง ที่เป็นไปอย่างบริบูรณ์ สมบูรณ์.. ดีงาม ซึ่งต้องขออนุโมทนาชมเชยว่า.. ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งสองแห่ง พร้อมภริยา ในฐานะประธานแม่บ้านมหาดไทย ที่ได้ทำหน้าที่ได้ดียิ่ง อันควรแก่การนำมาประกาศในความมีจิตวิญญาณนักปกครองที่มั่นคงใน “ราชธรรม” ได้แก่..

- นายบัญชา-นางจิตตินันท์ เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัด/ประธานแม่บ้านมหาดไทย จังหวัดสระบุรี..

- นายชวนินทร์-นางศุทธิกานต์ วงศ์สถิตจิรกาล ผู้ว่าราชการจังหวัด /ประธานแม่บ้านมหาดไทย จังหวัดอ่างทอง..!!.

 

เจริญพร

dhamma_araya@hotmail.com

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จิตที่ .. ไร้ยางอาย .. กับอำนาจที่ไร้ธรรม..!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในยามที่วิถีสังคม ประเทศชาติ ดำเนินไปอย่างไร้ทิศทาง ด้วยพลังขับของความไร้สาระแห่งธรรม.. อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในศาสนจักรหรืออาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพระหรือของคนหัวดำทั้งหลาย

วิชารัฐมนตรี (3)

เนื้อหาหนังสือ "วิชารัฐมนตรี" ศาสตร์และศิลป์ของ "การนำ" ผ่านมุมมองเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เขียนโดย ดร.ยุวดี คาดการณ์ไกล และณัฐธิดา เย็นบำรุง จัดทำโดยมูลนิธิสถาบันสร้างสรรค์ปัญญาสาธารณะ มีทั้งหมด 6 บท รวม 156 หน้า

“ปัญหาไม่รู้จบ” เงินทอง-ผู้หญิง และโทรมือถือ.. .. ในหมู่บรรพชิต!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. มีข่าวที่น่าสังเวชยิ่ง เกิดขึ้นอีกครั้งในแวดวงภิกษุสงฆ์ในบ้านเรา เมื่อ พระเทพวชิรปาโมกข์ หรือที่รู้จักกันในนาม เจ้าคุณอาชว์ เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ กรุงเทพฯ ได้ลาสิกขา โดยมีการวิจารณ์สะพัดวงการสงฆ์ ถึงสาเหตุในการสึกที่น่าจะมาจากความสัมพันธ์กับผู้หญิง..

วิชารัฐมนตรี (2)

เนื้อหาหนังสือ "วิชารัฐมนตรี" ศาสตร์และศิลป์ของ "การนำ" ผ่านมุมมองเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เขียนโดย ดร.ยุวดี คาดการณ์ไกล และณัฐธิดา เย็นบำรุง จัดทำโดยมูลนิธิสถาบันสร้างสรรค์ปัญญาสาธารณะ มีทั้งหมด 6 บท รวม 156 หน้า

อย่าปรามาสธรรม .. อย่าประมาทกรรม!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในห้วงเวลาที่ออกตรวจการณ์คณะสงฆ์ ภาค ๒ (ธรรมยุต) ประจำปี ๒๕๖๘ ในพื้นที่ ๓ จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา, สระบุรี และอ่างทอง จึงได้ใช้โอกาสดังกล่าวขับเคลื่อน