ชังชาติล่มสลาย

เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ

มีการแชร์ภาพในโซเชียลของเด็กชังชาติ เป็นภาพสถานีรถไฟฟ้าในฉงชิ่ง ประเทศจีน พร้อมเขียนข้อความกำกับดังนี้

...หลายปีก่อนมีคนแชร์ภาพ สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน ว่าตั้งอยู่กลางป่าเขา .. แต่ๆๆๆ แค่  ๖-๗ ปีต่อมาเขาก็พัฒนารอบๆ จนมีสภาพสวยงาม ตามที่เห็น ..

จีนใช้เวลาในการพัฒนาเมือง แปปๆๆ ก็พลิกโฉมได้ .. ในขณะที่ไทย ๑๐-๒๐-๓๐-๔๐ ปี ยิ่งเน่าลงเรื่อยๆ จนรอวันประเทศล่มสลาย...

คิดว่าหลายๆ คนน่าจะเคยเห็นภาพนี้มาก่อนเช่นกัน  และน่าจะมีความเห็นสอดคล้องกันคือ จีนเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อรองรับการขยายของเมือง

เป็นวิสัยทัศน์ที่น่าชื่นชมครับ เพราะสถานีกลางป่าในวันนั้น กลายเป็นสถานีกลางเมืองในวันนี้

จีนพัฒนาไปในทุกด้านจริงๆ

แต่การเอาการพัฒนาในฉงชิ่งมาเปรียบเทียบกับไทย แล้วสรุปว่า ยิ่งเน่าลงเรื่อยๆ รอวันล่มสลาย ดูเป็นการชังชาติกันมากเกินไป

การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของจีนกับไทยมีความต่างกันในหลายแง่มุม

กฎหมายไม่เหมือนกัน

รัฐบาลจีนอยากสร้างอะไรตรงไหนชี้นิ้วเอาได้

แต่ไทยเราทำแบบนั้นไม่ได้ นอกจากกฎหมายแล้วยังต้องผ่านด่าน ชุมชน เอ็นจีโอ

เงินทุนก็เช่นกัน จีนมีเหลือเฟือ แต่ไทยมีอย่างจำกัด

ส่วนการบอกว่า ไทยรอวันล่มสลาย เป็นการแสดงความเห็นราวกับเคียดแค้น ชิงชังประเทศตัวเอง ชนิดอยากให้ฉิบหายกันไปข้าง

เป็นการดูถูกประเทศตัวเอง ในขณะที่ข้อเท็จจริง ไทยไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกขนาดนั้น

ครับ...ในแวดวง คนเกลียดรัฐบาลประยุทธ์ เอาเรื่องนี้ไปแชร์ต่อๆ กัน

หนึ่งในนั้นไม่ใช่เด็กแต่เป็นผู้ใหญ่ "วีรพร นิติประภา"  มีดีกรีเป็นถึงนักเขียนรางวัลซีไรต์ โพสต์เฟซบุ๊ก Veeraporn Nitiprapha

"...รัฐไม่ฉลาดจะคิดว่าเมืองหรือที่ที่ไม่มีคนหรือธุรกิจความเจริญจะมีขนส่งดีๆ ไปถึงทำไม รัฐที่ฉลาดคือรู้ว่ามีขนส่งที่ดีไปถึงที่ไหน มันก็จะนำความเจริญไปถึงที่นั่น

#รอลูกรังหมด..."

เกลียดจนตาบอด กลายเป็นคนไร้เหตุผล

จะพิมพ์จะเขียนอะไรให้สาธารณะได้อ่าน ใช้อารมณ์ ความชอบ ไม่ชอบ โดยไม่สนใจข้อเท็จจริง

นี่ไม่ได้พูดถึงการแสดงความเห็นในโซเชียลของบุคคลทั่วไปดาดๆ นะครับ

เป็นถึงนักเขียนรางวัลอันทรงเกียรติ อยู่กับการขีดเขียน แต่กลับไม่ได้ให้ความจริงแก่สังคมเลย

ถามกลับครับ ทำไมยังคิดว่าต้องรอลูกรังหมดก่อน ถึงจะมีโครงสร้างพื้นฐานดีๆ

ไปซึมซับความคิดเต่าล้านปีนี้มาจากไหน

ตรวจสอบข้อมูลก่อนหรือเปล่าว่า รัฐบาลนี้โง่ ไม่ยอมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเลยตามที่เขียนไว้จริงหรือเปล่า

มีข้อมูลเป็นวิทยาศาสตร์มานำเสนอครับ

เพจ Bangkok I Love You เค้าเรียบเรียงมาให้เรียบร้อย ถอยหลังไปตั้งแต่ยุคทักษิณ รัฐบาลไหนอนุมัติ และสร้างรถไฟฟ้า หรือรัฐบาลไหนเอาแต่โม้ไปวันๆ

--------------

....รถไฟฟ้าสายไหน ใครอนุมัติ ???

สรุปให้สั้นๆ ว่ารัฐบาลไหน อนุมัติก่อสร้างรถไฟฟ้าสายไหนบ้าง

ยุคคุณทักษิณ อนุมัติ ๑ สาย คือ สาย Airport Link  ระยะทาง ๑๘.๕ กม.

ยุคพลเอกสุรยุทธ์ อนุมัติ ๒ สาย คือ สายสีแดงเข้ม  (บางซื่อ-รังสิต) สายสีแดงอ่อน (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) ระยะทางรวม ๔๑.๓ กม.

ยุคคุณสมัคร อนุมัติ ๑ สาย คือ ต่อขยาย สายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ระยะทาง ๑๓ กม.

ยุคคุณสมชาย ไม่มีอนุมัติสักเส้นทาง เนื่องจากมีเวลาบริหาร ๒ เดือน

ยุคคุณอภิสิทธิ์ อนุมัติ ๒ สาย คือ สายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) สายสีน้ำเงินต่อขยาย หัวลำโพง-บางแค และ บางซื่อ-ท่าพระ ระยะทางรวม ๔๖ กม.

ยุคคุณยิ่งลักษณ์ อนุมัติ ๑ สาย คือ สายสีเขียวต่อขยาย หมอชิต-คูคต ระยะทาง ๑๙ กม.

ยุคลุงตู่ (คสช.+ประยุทธ์) อนุมัติไปทั้งสิ้น ๑๐ สาย  ระยะทางรวม ๒๐๔.๙ กม. ได้แก่

๑.แดงอ่อน (ตลิ่งชัน-ศาลายา) ๑๔.๘ กม.

๒.แดงเข้ม (รังสิต-ธรรมศาสตร์) ๘.๙ กม.

๓.สายสีม่วง (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) ๒๓.๖ กม.

๔.สายสีทอง (กรุงธนบุรี-ประชาธิปก) ๒.๗ กม.

๕.แดงอ่อน (พญาไท-หัวหมาก) แดงเข้ม (บางซื่อ-หัวลำโพง) รวม ๒๕.๙ กม.

๖.สีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ๒๒.๕ กม.

๗.สีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ๓๔.๕ กม.

๘.สีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ๓๐.๔ กม.

๙.สายสีส้ม (ตะวันตก) ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ๓๕.๙ กม.

๑๐.สายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช ๕.๗ กม.

อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติ

๑.สายสีน้ำตาล (แคราย-มีนบุรี) ระยะทาง ๒๑ กม.

๒.สายสีเทา (วัชรพล-ทองหล่อ) ระยะทาง ๑๖.๒๕  กม.

ซึ่งรัฐบาลนี้ก็เดินหน้าต่อจากโครงการเดิมโดยการผลักดันตามความสำคัญ ซึ่งฝ่ายข้าราชการประจำเป็นผู้ผลักดันโครงการ เพื่อเดินหน้ากันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตรงนี้ ผมขอให้เครดิตรัฐบาลนี้ ที่เดินหน้าต่อเนื่องอย่างทันที ซึ่งเท่าที่ผมทราบได้แก่

โครงการรถไฟฟ้า กรุงเทพฯ ๗ สายทาง

โครงการรถไฟทางคู่ ๓ ทิศทาง เหนือ อีสาน และใต้

โครงการรถไฟความเร็วสูง ๒ สายทาง โคราช และ ๓  สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา

โครงการมอเตอร์เวย์ ๓ สายทาง กาญจนบุรี โคราช  และมาบตาพุด

โครงการสนามบินใหม่ ๑ แห่ง คือ เบตง และขยายสนามบินขอนแก่น กระบี่ นครศรีธรรมราช

-----------------

ครับนั่นคือสิ่งที่สืบค้นได้ เพราะถูกบันทึกเอาไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ไม่มีอะไรยากเลยสำหรับคนที่เล่นโซเชียลในการค้นหาข้อเท็จจริง

แต่น่าประหลาดใจทำไมคนบางจำพวกถึงยังยึดติดอยู่กับข้อมูลเท็จ

ชูคอมองไปรอบๆ ครับ มีข้อเท็จจริงอยู่ทั่วไป อย่าจมปลักอยู่กับวาทกรรมสิ้นคิด ที่มีแต่ลดรอยหยักในเนื้อสมอง

และอย่าลืมนะครับ ทุกอย่างถูกบันทึกไว้หมด อาทิ  เมื่อครั้งพรรคไทยรักไทยหาเสียงเลือกตั้งชูนโยบาย รถไฟฟ้า ๑๐ สาย

ไม่ใช่ครั้งเดียว

หาเสียงเลือกตั้งปี ๒๕๔๔ และ ๒๕๔๘ ใช้นโบาย รถไฟฟ้า ๑๐ สาย หลอกประชาชนมาโดยตลอด

สุดท้าย ๕ ปีกว่า สร้างได้สายเดียว คือ สาย Airport  Link ซึ่งเป็นภาคบังคับจากการสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ

รัฐบาลพี่โกหกประชาชนไม่พอ รัฐบาลน้องโกหกซ้ำ

เพื่อไทย ตามรอย ไทยรักไทย ชูนโยบายรถไฟฟ้า  ๑๐ สายอีกรอบ

แถมกำหนดค่าโดยสารที่ ๒๐ บาทตลอดสายในทุกเส้นทาง

๒ ปีกับ ๒๗๕ วัน รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทำได้แค่สายสีเขียวต่อขยาย หมอชิต-คูคต ระยะทาง ๑๙ กม.

๒๐ บาทตลอดสายกลายเป็นเรื่องโกหกประชาชน

นั่นคือผลงานรัฐบาลที่ "วีรพร นิติประภา" เคารพบูชา

ก็ลองเปรียบเทียบกับรัฐบาลปัจจุบันดูครับ รถไฟฟ้าหลายสายลากยาวไปชานเมือง ก็คล้ายกับที่ ฉงชิ่ง ประเทศจีน

เมืองขยายไปตามแนวรถไฟฟ้าแน่นอน

ถ้าบอกว่านี่คือการรอวันประเทศล่มสลาย ก็ไม่เป็นไรจะย้ายประเทศไปก่อนก็ได้ครับ

สนับสนุนเต็มที่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นักโทษ'ตรวจการบ้าน

ยกประเทศให้ไปเลยดีมั้ยครับ นานๆ ประชดที เพราะทนเห็นบางคนยังใช้สันดานเดิม เป็นสันดานที่ทำให้ต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศนานถึง ๑๗ ปีไม่ได้

เลือกคุกจะได้คุก

ว่อนสิครับ! หนังสือจาก "เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ" ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

ตายหมู่ไปกับ 'ดิจิทัลวอลเล็ต'

ในที่สุดก็ชัดเจน ถือเป็นความรับผิดร่วมกันของคณะรัฐมนตรี โดยมิอาจมีใครปฏิเสธในภายหลังได้เลยว่า ไม่มีส่วนรับรู้กับนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ให้ประชาชนหัวละ ๑ หมื่นบาท ด้วยงบประมาณกว่า ๕ แสนล้านบาท

มันมากับความเงียบ

งานเลี้ยงใกล้เลิกรา... สมาชิกวุฒิสภาชุดปัจจุบันจะหมดวาระลงเดือนพฤษภาคมนี้แล้วครับ

แผนแทรกแซงกองทัพ

ก็ยังไม่เห็นว่าหน้าตาชัดๆ เป็นอย่างไร หมายถึงกฎหมายต้านการปฏิวัติรัฐประหารครับ

ประชาธิปไตยแบบไทยๆ

นักการเมืองคนไหนที่บอกว่า "รวยพอแล้ว" อย่าไปเชื่อ เพราะถ้าพอจะไม่แสวงอำนาจการเมือง