ระหว่างการตายและการมีชีวิตอยู่

หลังๆ นี้...ใครต่อใครต่างร่วงผล็อยๆ กันไปเป็นราย ไปไม่กลับ-หลับไม่มี-หนีไม่พ้น

กลายเป็นข่าวคราวในหน้าหนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ ชนิดนับนิ้วมือแทบไม่หวาด-ไม่ไหว

โดยเฉพาะแวดวงดารา นักร้อง ศิลปิน รู้สึกว่าจะหนักหน่อย หรือแม้แต่ผู้ที่เคยแข็งแกร่ง แข็งแรงปาน “เหล็กไหล”

แต่เมื่อแก่ เมื่อชราได้ที่ ยังไงๆ คงหนีไม่พ้นต้อง “ไปแล้ว-ไปเลย” อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้เลย...

เจอเข้ากับข่าวคราวประเภทนี้บ่อยๆ ถี่ๆ...เลยอดที่จะโหวงๆ เหวงๆ ขึ้นมามิได้ คือไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะต้องไปแล้ว-ไปเลย เมื่อไหร่ ตอนไหน และอย่างไร แต่เพราะด้วยความ “อำลา-อาลัย” ต่อผู้ที่ไปซะแล้วก่อนหน้านี้นั่นแหละ ที่ทำให้อดเก็บเอามาคิด มาทบทวน ถึงการจากไปของใครต่อใคร ที่แทบไม่ต่างไปจากการระเหิดหายของเม็ดน้ำค้าง การเลือนหายของแสง ของเงา อะไรประมาณนั้น คือจู่ๆ...ก็มีแต่ต้องเหือดหายไปดื้อๆ!!! ชนิดแทบไม่รู้ว่าหายไปไหน ไปอยู่ ณ แห่งหนตำบลใด การดำรง คงอยู่ หรือไม่ อย่างไร ก็เลยขึ้นอยู่กับที่ผู้ที่ยังไม่ได้ถึงกับหายไปไหนนั่นเอง ที่จะคิดถึงผู้ซึ่งจากไปแล้วในแง่ไหน??? ประมาณไหน???...

คือถ้าหากพอหา “คำตอบ” กันได้ชัดๆ...ว่าบรรดาผู้ที่ไปแล้ว-ไปเลยนั้น ท่านไปอยู่ ณ ที่ไหน ณ แห่งหนตำบลไหน อย่างน้อยก็พอช่วยให้เกิดความโล่งอก โล่งใจ สบายอก-สบายใจ หรือจะไปถึงขั้นความสะใจ หรือไม่ อย่างไร ก็แล้วแต่ แต่อย่างว่านั่นแหละ...สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็น “ปริศนา” ชนิดแทบไม่มีผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่รายใด หรือผู้ที่ยังไม่เคยตาย สามารถให้คำตอบกันได้อย่างแจ่มแจ้ง ชัดเจน ปริศนาในลักษณะที่ว่า มันเลยกลายเป็นตัวยึดโยง ผูกโยง บรรดาผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ให้คิดโน่น คิดนี่ ไปได้เรื่อยๆ...

โดยถ้าหากคิดในแง่ดี...ก็ดีไป เพราะบรรดาคุณงาม ความดี ของผู้ที่จากไปแล้วนั่นเอง อาจพอช่วยให้เกิดการสืบสาน สืบต่อ การเดินตามแบบอย่าง แนวทาง ของคุณความดีนั้นๆ จนอาจกลายเป็นวัฒนธรรม-ประเพณี เป็นคุณค่า ราคา ของสังคมนั้นๆ ขึ้นมาได้ก็ไม่แน่ แต่ถ้าหากคิดในแง่ร้ายนี่สิ!!! การแปรเปลี่ยน พลิกผัน ไปสู่หนทางใหม่ๆ แนวทางใหม่ๆ ที่ยังไม่อาจรับรู้ว่าจะดี-หรือไม่ดี แต่ตัวเองอาจเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ไปซะก่อนแล้ว ก็อาจกลายเป็นตัวสร้างปัญหา ให้กับสังคมนั้นๆ ต้องหัวทิ่ม หัวคะมำ ต้องล้มลุกคลุกคลาน ไปอีกนานเท่าไหร่ ก็ยังยากที่จะคาดคะเนได้...

การคิดถึงผู้ที่จากไปแล้ว...ในแง่ของคุณงาม ความดี ไม่ว่าจะมีอยู่เพียงนิดๆ หน่อยๆ หรือมีอยู่มากมายมหาศาลก็เถอะ จึงน่าจะถือเป็นการ “คิดดี” ตรงข้ามกับการ “คิดร้าย” หรือการหยิบเอาแต่เรื่องร้ายๆ ของบรรดาผู้ที่จากไปแล้ว มาย้ำไป-ย้ำมาแบบซ้ำๆ ซากๆ จนกลายเป็นความโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาท ริษยาและชิงชัง ซึ่งแทบไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลย ไม่ว่าตัวเองและผู้อื่น หรือต่อสังคมทั้งสังคม การให้เกียรติผู้ตาย หรือผู้ที่จากไปแล้ว จึงเป็นสิ่งที่สังคมแต่ละสังคม มักถือเป็นแบบอย่างในการประพฤติ ปฏิบัติ มาโดยตลอด...

แต่ดูเหมือนว่า...ในโลกยุคใหม่ สังคมสมัยใหม่ จะด้วยเหตุเพราะความเชื่อในเรื่อง “ตายแล้วสูญ” หรือตายแล้ว-ตายเลย ไม่ได้มีอะไรดำรงคงอยู่อีกต่อไป ดูจะทำให้บรรดา “คนรุ่นใหม่” จำนวนไม่น้อย ออกจะคิดไปในทางร้ายๆ ต่อผู้ที่จากไปแล้ว มากกว่าที่จะคิดถึงสิ่งดีๆ แม้แต่แค่เล็กๆ น้อยๆ อะไรต่อมิอะไรมันเลยดูน่าเกลียด น่าชัง ไปซะแทบทั้งหมด ชนิดต้องหาทางปรับปรุง เปลี่ยนแปลง กันอย่างถึงราก-ถึงโคน ถึงระดับพลิกฟ้า-คว่ำดิน อะไรทำนองนั้น เพราะแม้แต่ผู้ที่ยังไม่ได้ตาย ไม่ได้จากไปไหน อย่างพ่อๆ-แม่ๆ ยังถือเป็นเพียงแค่ “เครื่องมือ” ในการก่อกำเนิดลูกๆ อันเนื่องมาจากความใคร่ของตัวเองแต่เพียงเท่านั้น หรือครูบา อาจารย์ ที่ต้องกลายสภาพไปเป็น “ผู้รับจ้าง” ในการ “เห่ากระดานดำ” ไปวันๆ ฯลฯลฯ...

การคิดในลักษณะเช่นนี้นี่เอง...ที่ออกจะเป็น “อันตราย” ไม่ว่าต่อปัจเจกบุคคล สังคม ส่วนรวม ภายในอนาคตเบื้องหน้า เพราะมีแต่ทำให้ผู้ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ ยังไม่ได้จากไปไหน น่าจะมีชีวิตอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเอามากๆ เหมือนอย่างที่นักคิด นักปราชญ์ชาวอังกฤษ “เซอร์โทมัส มอร์” ท่านวาดจินตนาการไว้ในนิยายเรื่อง “ยูโธเปีย” นั่นแหละว่า ผู้ที่เชื่อว่า...วิญญาณ ตายไปพร้อมๆ กับร่างกาย ไม่ได้มีการลงโทษผู้ที่ทำความชั่ว และตอบแทนผู้ที่ทำความดี หลังจากชีวิตนี้แล้ว คือผู้ที่ไม่เหมาะสำหรับ “สังคมมนุษย์” ด้วยเหตุเพราะ “ผู้ที่ไม่กลัวอะไรเลยนอกเสียจากกฎหมาย และไม่เชื่อว่ามีอะไรหลังความตาย ย่อมพร้อมที่จะหัวเราะเยาะต่อกฎหมายของประเทศตนอย่างลับๆ และพร้อมเสมอที่จะละเมิดกฎหมายใดๆ ก็ตาม เพื่อตอบสนองกิเลสของตนได้เสมอๆ”...

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จะมาจากแหล่งไหน....ก็ไม่สบายใจทั้งนั้น

ก่อนการเลือกตั้ง เมื่อมีการหยั่งเสียงคะแนนนิยมว่าก้าวไกลมีคะแนนชนะเพื่อไทย ความร้อนรนกลัวแพ้ บนเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยก็มีการประกาศทันทีว่าจะแจกเงินดิจิทัล

ความแตกต่างระหว่าง'มนุษย์'กับ'สัตว์เดียรัจฉาน'

คำพูด บทสนทนา ในบทละครเรื่องพระเจ้า Richard ที่ 3 ของคุณปู่ William Shakespeare ที่กลายมาเป็นคำคม เป็นวาทะ อันถูกนำไปเอ่ยอ้างคราวแล้ว คราวเล่า คือคำพูดประโยคที่ว่า

ประวัติศาสตร์สีกากี

ต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าของ "กรมปทุมวัน" ที่มีการเซ็นคำสั่งให้ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับ "รอง ผบ.ตร." ออกจากราชการไว้ก่อน ผลพวงจากการต้องคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์

สุขสันต์วันเกิดเมืองยาวหนึ่งปี

ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ที่ถือกำเนิดจากพิธีวางเสาหลักเมือง หรือพระราชพิธีพระนครฐาน สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัช

ยโสโอหังไม่ฟังใคร ไม่สนใจกระแส...คิดว่าแจงได้

อ่อนอกอ่อนใจจริงๆ กับสถานการณ์บ้านเมืองเวลานี้ ตั้งแต่ถ้อยคำ วาจา ท่าที ลีลาการหาเสียงของคนที่ถูกวางตัวว่าวันหนึ่งจะได้เป็นผู้นำประเทศ ตะโกนด้วยสุ้มเสียงมั่นอกมั่นใจในสิ่งที่พูด ท