รวมไทยสร้างชาติ

พี่โทนี่ ก็ตอบว่า "ผมจะกลับปีไหน กลับอย่างไร ผมจะให้ลูกสาวผมเป็นคนพูดว่าจะกลับเมื่อไหร่ และผมไม่ให้ความสำคัญกับคนเหล่านั้น ชีวิตผม ผมจะเป็นคนกำหนดเอง"

สงสาร "อุ๊งอิ๊ง" จับใจ!     

บทเรียนจาก "ยิ่งลักษณ์" ไม่ได้สอนอะไรให้ "ทักษิณ"  เลย

ใจคอ "ทักษิณ" โหดเหี้ยมมาก

"อุ๊งอิ๊ง" เพิ่งจะเข้าสู่การเมืองได้ไม่กี่วัน บารมีตัวเองก็ยังไม่เกิด แต่มารผจญไม่ยอมอดเปรี้ยวไว้กินหวาน กระโดดขวางเสียแล้ว

เรื่องนี้อธิบายได้ในเชิงวิทยาศาสตร์ เพราะลักษณะนิสัยใจคอของ "ทักษิณ" ใจร้อน อยากไฝว้ ทำรัฐบาลยิ่งลักษณ์ฉิบหายมาแล้ว

มาคราวนี้ ใช้ลูกสาวเป็นเหยื่อ สนองความต้องการของตัวเอง เพราะการกลับไทยคือสิ่งที่ "ทักษิณ" ต้องการมากที่สุดก่อนตาย

อำมหิตครับ การโยนเผือกร้อนใส่มือลูกสาว ไม่ต่างจาก  "อุ๊งอิ๊ง" ถูกทำลายทางการเมืองโดยน้ำมือของพ่อตัวเอง

เด็กอมมือก็รู้ครับว่า ประเด็น "ทักษิณ" กลับไทยนั้น มีความอ่อนไหวกับทุกฝ่าย

โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยแล้วจะต้องเจอวิกฤตแน่นอน

เพราะมันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว

ลองนึกภาพดูครับ หากวันหนึ่งประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีชื่อ แพทองธาร ชินวัตร แถลงข่าวบอกประชาชนว่า ถึงเวลาแล้วจะพาพ่อกลับบ้าน

สังคมจะตั้งคำถามทันที จะกลับด้วยวิธีไหน?

กลับมาติดคุก ทุกคนโอเคครับ เพราะถือเป็นการกลับมารับโทษตามกระบวนการยุติธรรม

แต่ถ้านิรโทษกรรม "อุ๊งอิ๊ง" ก็อยู่เมืองไทยยากครับ

ฉะนั้นยังมองไม่เห็นทางว่า "ทักษิณ" จะกลับมาอย่างไร 

และ "อุ๊งอิ๊ง" จะบอกกับประชาชนอย่างไร โดยที่ประชาชนไม่ลุกฮือขึ้นมาขับไล่รัฐบาล

ต่อให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ เป็นรัฐบาลพรรคเดียวเบ็ดเสร็จเด็ดขาด มันก็เป็นคนละเรื่องกับการกลับไทยของ "ทักษิณ"

หากพยายามใช้เสียงประชาชนส่วนใหญ่บีบบังคับว่า ต้องการให้ "ทักษิณ" กลับมา ก็ไม่ต่างจากการส่งเสริมให้ประชาชน ๒ ฝ่ายรบราฆ่าฟันกัน

อย่าลืมว่าประชาชนที่ต้องการให้ "ทักษิณ" กลับมารับโทษจากคดีคอร์รัปชันนั้น มีจำนวนมากมายมหาศาลเช่นกัน

ก็เอาเป็นว่า "ทักษิณ" โยนหินถามทาง ด้วยการโยนใส่มือลูกสาว

แต่เชื่อเถอะครับว่า ภายในปีสองปีนี้ "อุ๊งอิ๊ง" ยังไม่พร้อมที่จะบอกว่า "ทักษิณ" จะกลับมาเมื่อไหร่ อย่างไร อย่างแน่นอน

เพราะรู้ดีว่าขืนทำไปโอกาสฉิบหายหมู่นั้นมีสูงมาก

"ทักษิณ" ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย พูดเรื่องที่อันตรายต่อลูกสาวตัวเอง คนปกติเขาจะไม่ทำกัน

แสดงว่าสิ่งที่เกิดกับ "ยิ่งลักษณ์" ไม่ได้เป็นบทเรียนให้  "ทักษิณ" แต่กลับเป็นสิ่งกระตุ้นให้เดินหน้าทำลายครอบครัวต่อไป

ก็หมดกันล่ะครับหาก ครอบครัวชินวัตร ครอบครัวเพื่อไทย ยังคงให้ "ทักษิณ" ชี้นิ้วบงการ

ครับ...ไปดูพรรคเกิดใหม่น่าติดตาม คือพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)

เป็นไปตามโผ

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นหัวหน้าพรรค

เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เป็นเลขาธิการ

ปรากรมศักดิ์ ชุณหะวัณ เป็นเหรัญญิกพรรค

เกรียงยศ สุดลาภา เป็นนายทะเบียน

และกรรมการบริหารอื่น ประกอบด้วย วิทยา แก้วภราดัย, ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง, ชื่นชอบ คงอุดม,  วิสุทธิ์ ธรรมเพชร และ เกชา ศักดิ์สมบูรณ์

นี่คือเบื้องแรกของพรรคการเมืองน้องใหม่พรรคนี้

การทำงานการเมืองในปัจจุบันโดยตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมา ไม่ง่ายเลยครับที่จะประสบความสำเร็จ ในขณะที่ฐานเสียงทับซ้อนกับพรรคการเมืองอื่น

ดูกรณีพรรครวมพลังประชาชาติไทย ในการเลือกตั้ง เดือนมีนาคม ปี ๒๕๖๒ เป็นตัวอย่าง

เหตุที่ไม่ประสบความสำเร็จมีการอ้างว่าเพราะ กำนันสุเทพ ตระบัดสัตย์ เพราะเคยประกาศหันหลังให้การเมือง เมื่อครั้งนำม็อบ กปปส.ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์

แต่เนื้อในจริงๆ เหตุผลจาก กำนันสุเทพ มีผลน้อยมาก

เพราะคนที่ก่นด่ากำนันสุเทพว่าตระบัดสัตย์ ก็คือคนที่ไม่ชอบ กปปส.เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

สาเหตุหลักจริงๆ คือ ฐานเสียงที่ทับซ้อนกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อมาเป็นพรรครวมพลัง

เมื่อตัวดีเด่นดังในพรรคน้อยกว่า

บวกกับกระแสเลือกตั้งแบบยุทธศาสตร์ ให้เลือกพรรคใหญ่สู้กับพรรคเพื่อไทย 

พรรคพลังประชารัฐที่เกิดใหม่เหมือนกัน แถมยังมีคนของระบอบทักษิณในอดีตร่วมวงด้วย จึงมีโอกาสมากกว่า คะแนนเสียงจึงเทไปที่พรรคพลังประชารัฐ

พรรคประชาธิปัตย์ก็เจ็บตัวจากการเลือกตั้งแบบยุทธศาสตร์นี้เช่นกัน

นี่จึงเป็นการบ้านที่ยากที่สุดสำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ

สถานะทางการเมืองของ "ลุงตู่" มีผลต่อพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างมากทีเดียว 

ต้องยอมรับความจริงว่า สิ่งแรกที่ประชาชนได้ยิน จากการตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติขึ้นมาคือ เป็นพรรคที่สนับสนุน "ลุงตู่" เป็นนายกฯ

บ้างก็บอกว่าเป็นพรรคสำรองของ "ลุงตู่"

ฉะนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่ "ลุงตู่" มีความชัดเจนว่าจะสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ จะเข้าสู่สถานการณ์ที่ยากลำบากในทันที              

ไม่น้อยไปกว่าที่พรรครวมพลังประชาชาติไทยเคยเป็น

การเมืองไทย นอกจากอุดมการณ์ที่มุ่งมั่นแล้ว ผู้ร่วมอุดมการณ์ที่จะมาร่วมทัพก็สำคัญอย่างยิ่งยวดเช่นกัน

การเลือกตั้งครั้งถัดไป จะไม่ต่างจากที่ผ่านมา ยังคงเลือกตั้งแบบยุทธศาสตร์กันอยู่ เพราะการเมืองยังแบ่งเป็น   ๒ ขั้วชัดเจน

พรรคพลังประชารัฐเคยทำได้ ฉะนั้น พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ต้องอยู่บนเงื่อนไขเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน ที่เคยเกื้อหนุนพรรคพลังประชารัฐ

การเมืองย้อนรอยเดิมได้เสมอ หรือไม่หวนคืนก็ได้เช่นกัน         

รวมไทยสร้างชาติ เป็นชื่อที่ดีครับ

เหลือแค่ทำให้เป็นพรรคการเมืองที่ดี สื่อสารกับประชาชนให้ชัดเจนว่า ยุทธศาสตร์คืออะไร

ทำอย่างไรให้ประชาชนรู้สึกได้ว่า เลือกแล้วไม่เสียของ.